• วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา
    0
    • 0 แชร์
    • 1
  • วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    อาหารเย็นชืดก็อร่อยได้ ถ้าปรุงรสดี

    หน้าตาไม่สวยก็เป็นคู่ครองที่ดีได้  ถ้าอบรมสั่งสอนมาดี

    บ้านไม่เท่ก็อยู่สบายได้ ถ้าสร้างมาดี

    เสื้อผ้าไม่ทันสมัยก็สวมสบายได้ ถ้าตัดเย็บดี

    หนังสือปกไม่สวยก็ให้ความรู้ได้ ถ้าเขียนมาดี

    ต้นไม้ไม่สวยก็มีประโยชน์ได้ ถ้าแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่คน

    ปริญญาไม่มีก็มีปัญญาได้ ถ้ารู้จักเรียน

    รู้ข่าวช้าก็รู้จริงได้ ถ้าวิเคราะห์เป็น

    เงินทองไม่มีก็มีความสุขได้ ถ้ารู้จักใช้ชีวิต

    ลมใต้ปีกไม่มีก็บินได้ ถ้ารู้จักกระพือ

    บันไดไม่มีก็ขึ้นที่สูงได้ถ้ารู้จักปีน

    หนทางไม่ราบเรียบก็เดินหน้าได้ถ้าไม่กลัวขวากหนาม

    อำนาจไม่มีก็มีคนเคารพได้ ถ้าวางตัวดี

    ลมหายใจไม่มีก็ยังมีคนจดจำได้ ถ้าทั้งชีวิตทำดีเพื่อคนอื่น

    วินทร์ เลียววาริณ
    18 เมษายน 2567

    0
    • 0 แชร์
    • 5
  • วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    เมื่อวานนี้ผมเล่าว่า ผมทำงานที่อุณหภูมิ 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงกว่านี้สมองคิดพล็อตไม่ออก

    นี่ไม่ได้ล้อเล่น

    บางคนตั้งค่าอุณหภูมิห้องที่ 25 หรือสูงกว่าเพื่อประหยัดค่าไฟ แต่ผมมองกลับกัน ผมจะตั้งค่าอุณหภูมิห้องให้เหมาะที่สุด เพื่อที่จะทำงานได้ดีที่สุด ประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าไฟ!

    อุณหภูมิห้องสำหรับแต่ละคนแตกต่างออกไป ตามสรีระ ระบบการเผาผลาญของร่างกาย สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

    ผมเองเคยลองมาหลายอุณหภูมิแล้ว 21 องศาเหมาะที่สุดสำหรับตัวเอง สมองแล่นดี ถ้าตั้งที่ 23-25 คิดอะไรไม่ออก

    ความจริงตะวันตกมีการศึกษาเรื่องนี้ว่า อุณหภูมิเท่าไรจึงให้ประสิทธิภาพงานสูงสุด

    ผลวิจัยส่วนมากสรุปที่ตัวเลข 21-23 องศาดีที่สุด ถ้า 25 องศาขึ้นไปจะลดประสิทธิภาพการทำงาน

    ท่านลีกวนยูแห่งสิงคโปร์ชอบใช้ชีวิตอยู่ในอุณหภูมิ 22 องศา ส่วนเวลาหลับตั้งค่าที่ 19 องศา

    ก็แล้วแต่คน บางคนชอบเย็นมาก บางคนออกไปทางอุ่นๆ

    ก็มาถึงเรื่องของช่างแอร์คนหนึ่งไปซ่อมห้องทำงานของท่านรัฐมนตรีผู้มีข่าวคอร์รัปชั่นมาตลอด หลังซ่อมเสร็จ รัฐมนตรีบอกว่า "ทำไมห้องผมร้อนจัง คุณตั้งไว้กี่องศาเนี่ย?"

    "39 องศาครับ"

    "ทำไมตั้งค่าสูงอย่างนี้?"

    "อ้าว! ก็เพราะท่านเป็นสัตว์เลือดเย็นไม่ใช่หรือครับ เห็นแดกภาษีประชาชนโดยไม่รู้สึกอะไร"

    เรื่องนี้แต่งขึ้นที่อุณหภูมิห้อง 25 องศา พล็อตจึงเพื้ยนๆ ไปบ้าง ขออภัย เดี๋ยวจะปรับกลับมาที่ 21 องศา

    วินทร์ เลียววาริณ
    17-4-24

    0
    • 0 แชร์
    • 32
  • วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    ชายคนหนึ่งเล่าความลับของเขาให้เพื่อนคนหนึ่งฟังว่า "ผมเคยสับสนกับชีวิตมานาน ผมเพิ่งรู้ตัวตอนเรียนมัธยมปลายว่า ผมชอบทั้งหญิงและชาย ทำให้ผมตกใจมาก ผมโตมาในครอบครัวที่สอนว่า โฮโมเซ็กชวลเป็นเรื่องผิดอย่างยิ่ง

    "ผมมีความสัมพันธ์กับหญิงและชายในเวลาเดียวกัน แต่ความสัมพันธ์ทั้งสองนั้นก็ยุติลง เพราะผมไม่สามารถยอมรับตัวเองได้...

    "ผมกลัวและเกลียดตัวเองที่ชอบผู้ชาย ทุกครั้งที่ผมมีความสัมพันธ์แบบนี้ ผมมีความสุขและทุกข์มหันต์ในเวลาเดียวกัน..."

    ชายคนนั้นบอกว่า "ในที่สุดผมก็ยอมรับความจริงเกี่ยวกับตัวผมเอง ตอนนี้ผมกล้าบอกคนอื่นว่า ผมเป็นไบเซ็กชวล คนอื่นก็ยอมรับผมด้วยดี"

    เราจะให้คนอื่นยอมรับเราได้อย่างไร หากเราไม่ยอมรับตัวเองก่อน?

    ...........

    ชายอีกคนหนึ่งเล่าว่า "เส้นผมของผมร่วงลงมาทุกวัน ผมอายุเพียงยี่สิบกว่า แต่ผมดูแก่เกินวัย กบาลของผมโล่งเตียนขึ้น ๆ ทุกวัน ทุกครั้งที่มองดูตัวเองในกระจกเงา ผมกลุ้มใจมาก ผมเสียเงินมากมายในการปลูกผม ลองสูตรใหม่ ๆ ทุกสูตร เสียเงินไปกับแชมพูใหม่ ๆ ลองใส่วิก แต่ก็ไม่ชอบ ไปหาหมอหลายคน เสียค่าหมอสารพัด แต่ผมก็ยังหัวล้านอยู่..."

    ชายหัวล้านเล่าว่า "วันหนึ่งผมก็ตัดสินใจได้ เช้านั้นผมโกนเส้นผมออก ผมขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ไม่มีใครสนใจกบาลของผมเลย ผมเดินเข้าที่ทำงาน ไม่มีใครสนใจอีกนั่นแหละ วันนั้นเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด"

    เราจะให้คนอื่นยอมรับเราได้อย่างไร หากเราไม่ยอมรับตัวเองก่อน?

    จาก รอยเท้าเล็ก ๆ ของเราเอง / วินทร์ เลียววาริณ

    0
    • 0 แชร์
    • 23
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    ช่วงสงกรานต์ นั่งอ่านนวนิยาย ดาวซานถี่ (Three-Body Problem) เล่ม 1 จบ

    เป็นของขวัญจากผู้อ่านท่านหนึ่งที่กรุณามอบให้

    ยังไม่สามารถคอมเมนต์ใหญ่ เพราะยังมีอีกสองเล่ม

    ความเห็นวูบแรกคือ น่าสนใจ มีความคิดสร้างสรรค์ แต่การเล่าเรื่องส่วนใหญ่ห้วนมากๆ

    สำนวนเล่าแปลกๆ ไม่แน่ใจว่าแปลตรงจากต้นฉบับอย่างนี้หรือเปล่า เพราะห้วนเหมือนบทภาพยนตร์มากกว่านวนิยาย เช่น

    บทที่ 1 ประเทศจีน ค.ศ. 1967 (แล้วตัดเข้าเรื่อง)

    บทที่ 2 สองปีต่อมาที่เทือกเขาต้าชิงอันหลิง (แล้วตัดเข้าเรื่อง)

    บทที่ 4 สามสิบแปดปีต่อมา (แล้วตัดเข้าเรื่อง)

    แต่นิยายมีความคิดสร้างสรรค์ มีความสดใหม่ แม้จะหงุดหงิดทุกครั้งที่อ่านนิยายที่สิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวเหมือนคน

    ไว้อ่านให้จบก่อนค่อยเล่า (ถ้าอ่านจบนะ)

    ป.ล. หลังจากอ่านจบเล่ม 1 ก็เห็นว่าบทภาพยนตร์ซีรีส์ Three-Body Problem ถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิดตอนแรกมาก อย่างน้อยความห้วนก็หายไป

    0
    • 0 แชร์
    • 30