-
วินทร์ เลียววาริณ4 วันที่ผ่านมา
ไม่รู้คนอื่นคิดยังไง แต่ผมอยากให้รัฐบาลขึ้น VAT จริงๆ
ขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์น้อยไป! อยากให้ขึ้นสัก 1,000 เปอร์เซ็นต์
2,000 เปอร์เซ็นต์ยิ่งดี
VAT = Value Added Thailand (คุณค่าที่เพิ่มขึ้นของเมืองไทย)
เราสามารถเพิ่มคุณค่าให้เมืองไทยหลายวิธี
เพิ่มปัญญาประชาชน เพิ่มคนที่มีคุณภาพ
เพิ่มความรู้ เพิ่มการศึกษาที่มีคุณภาพ
เพิ่มการสอนวิชาให้รอบด้าน
เพิ่มวิทยาศาสตร์ ลดไสยศาสตร์ ลดพุทธพาณิชย์
เพิ่มการอ่านหนังสือสร้างปัญญา
เพิ่มบทลงโทษคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด (ขอเสนอการเฆี่ยนด้วยหวายแช่น้ำเยี่ยว)
เพิ่มค่านิยมรังเกียจคนโกง
เพิ่มศีลธรรม เพ่ิมจริยธรรม
เพิ่มมารยาทของคนในสังคม
ถ้าเราไม่เพิ่ม VAT แบบนี้ เราก็จะได้ VAT อีกแบบหนึ่ง
Very Abnormal Thailand
วินทร์ เลียววาริณ
11-12-242- แชร์
- 36
-
บทความใหม่วันเสาร์ คลิกลิงก์อ่านได้เลย https://www.blockdit.com/posts/6705104c765d159c873767bc
1 วันที่ผ่านมา -
ปีนี้ครบรอบ 25 ปี The Matrix
ครบรอบ 25 ปี Fight Club
ครบรอบ 30 ปี The Shawshank Redemption
และครบรอบ 30 ปี Pulp Fiction
ทั้งสี่เรื่องนี้ถือเป็นสุดยอดในหลายด้าน
ความคิดสร้างสรรค์สุดยอด ปรัชญาสุดยอด การหักมุมสุดยอด แนวทดลองสุดยอด
40/40
ว.ล.
13-12-242 วันที่ผ่านมา -
ข้อดีของเวลาคือ มันทำให้เราเห็นภาพชีวิตชัดขึ้น
นี่คือคำกล่าวของนักปราชญ์ Jean-Paul Sartre
"The more sand that has escaped from the hourglass of our life, the clearer we should see through it."
เม็ดทรายยิ่งไหลผ่านจากนาฬิกาทรายแห่งชีวิตมากเท่าไร เราก็มองทะลุมันชัดขึ้นเท่านั้น
แต่นี่หมายถึงเราต้องมีพัฒนาการทางความคิด มองโลกและชีวิตอย่างพิเคราะห์ จึงจะแก่แล้วมีปัญญา ไม่ใช่ใช้ชีวิตแบบแก่เพราะกินข้าว
ว.ล.
ศุกร์ 13 ธันวาคม 25672 วันที่ผ่านมา -
นานปีมาแล้ว ในชั่วโมงหนึ่งของวิชาออกแบบสถาปัตยกรรม อาจารย์สอนว่า การออกแบบห้องโถงที่โล่งเกินไปโดยไม่มีเสาเลยนั้น มิใช่เรื่องที่ควรทำเสมอไป แม้ว่าโดยเทคโนโลยีการก่อสร้างจะทำได้
เหตุผลของอาจารย์คือมุมของจิตวิทยา คนเราชอบยืนใกล้เสา เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่ายืนในที่โล่งมาก ๆ
สัญชาตญาณนี้อาจสืบต่อในยีนมาแต่บรรพบุรุษ การยืนโด่เด่กลางทุ่งอาจตกเป็นอาหารของสัตว์ใหญ่ได้ง่ายกว่าหลบหลังต้นไม้
ไม่ว่าทฤษฎีนี้จะจริงหรือไม่ ลึก ๆ ในสัญชาตญาณ มนุษย์เราต้องการฐานที่มั่นคงแข็งแรง เห็นชัดในการใช้ชีวิตของคนเรา มักแสวงหาเสาแห่งความมั่นคงในชีวิตซึ่งมักหมายถึงทรัพย์สินเงินทอง
บางคนหาเงินมากเท่าไรก็ยังไม่ยอมหยุด เพราะเชื่อว่าเงินทองคือความมั่นคงในชีวิต เงินทองยิ่งมากยิ่งอุ่นใจ
เงินทองอาจสร้างความอุ่นใจในระดับหนึ่ง แต่สัจธรรมของชีวิตคือความไม่แน่นอน ดังนั้นความมั่นคงที่สุดในโลกก็ยังไม่ใช่ความมั่นคงที่แท้จริง เพราะความมั่นคงไม่ได้เกิดที่ร่างกาย หากที่ใจ
ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นคนร่ำรวยล้นฟ้าที่หงอยเหงาเศร้าเปลี่ยว ขาดความสุข บางคนยิ่งมีเงินมากก็ยิ่งร้อนรน กลัวทรัพย์สินสูญหาย ระแวงระวังจนยิ่งห่างไกลจากความมั่นคงที่แสวงหา
มหาเศรษฐีคนหนึ่งของโลกกล่าวว่า เขาเข้าใจหลังจากร่ำรวยแล้วว่า เงินนั้นไม่สำคัญ
การมีเงินทองมากก็ไม่ได้รับประกันว่าเงินทองจะไม่ลดมูลค่าลง ความผันผวนทางเศรษฐกิจหลายยุคหลายสมัยแสดงให้เราเห็นตัวอย่างของคนที่รวยที่สุดที่สะดุดตอเศรษฐกิจล้มลงได้ชั่วข้ามคืนอย่างไม่น่าเป็นไปได้
วินาศภัย สงคราม ภัยธรรมชาติ ล้วนสามารถทำให้ความมั่นคงภายนอกหายวับไป ความมั่นคงเดียวที่ไม่มีใครหรืออะไรเอาไปได้ก็คือความมั่นคงภายใน
ความมั่นคงคือความรู้ที่ติดตัว สามารถใช้สร้างตัวได้ใหม่ทุกครั้งที่ล้ม
ความมั่นคงคือความสามารถที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้งหลังล้ม มันเกิดขึ้นได้เมื่อมีจิตใจเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้
คนที่รู้สึกว่ามั่นคงที่สุดก็คือคนที่เชื่อว่า ถึงจะสูญสิ้นทุกอย่างในชีวิตก็สามารถลุกขึ้นได้ทุกครั้งไป
สมองมีความรู้ มีปัญญา ใจมีความเข้มแข็ง และเชื่อว่าตัวเองคือเสาของตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงเสาใด ๆ อีก
....................
จาก สองแขนที่กอดโลก / วินทร์ เลียววาริณ
ได้รับคัดเลือกเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
สนใจหนังสือ https://www.winbookclub.com/store/detail/86/สองแขนที่กอดโลก
(หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว)3 วันที่ผ่านมา -
ช่วงนี้ผมทำงานโดยใช้วิธีคิดแบบหลวงปู่ดีเนาะ
หลวงปู่ดีเนาะก็คือพระเทพวิสุทธาจารย์ ภิกษุที่ชาวอุดรเคารพนับถืออย่างสูง
เหตุที่ท่านได้รับฉายาหลวงปู่ดีเนาะ ก็เพราะว่าท่านชอบเอ่ยคำว่า “ดีเนาะ” เป็นนิจ ไม่ว่าเรื่องที่ท่านได้รับฟังนั้นจะดีหรือร้ายเพียงใด
ดังนั้นตอนนี้หากผมไม่ได้ทำงานเขียนต่อไป เพราะขายหนังสือไม่ได้ ก็ดีเนาะ จะได้พักผ่อนเลี้ยงหลานสักที
หากหนังสือขายได้ ก็ดีเนาะ จะได้เขียนต่อไป สมองจะได้ทำงาน
หากเขียนออกมาแย่ ก็ดีเนาะ จะได้ปรับปรุงตัวเอง
หากเขียนออกมาดี ก็ดีเนาะ จะได้มีกำลังใจเขียนอีก
ถ้าโพสต์แล้วโดนด่า ก็ดีเนาะ จะได้เข้าใจสัจธรรมโลก
ถ้าโพสต์แล้วคนชอบ ก็ดีเนาะ จะได้หาเรื่องมาเขียนต่อ
ถ้าวงการหนังสือพัง ก็ดีเนาะ จะได้ไปทำสื่ออื่นบ้าง
ถ้าวงการหนังสือรุ่ง ก็ดีเนาะ จะได้เขียนอีก
ถ้าโพสต์แล้วมีคนกดไลก์ ก็ดีเนาะ จะได้สบายใจตามเขา
ถ้าคนไม่กดไลก์ ก็ดีเนาะ มันเรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว
ถ้าเขาเลิกอ่านยาวๆ ก็ดีเนาะ สายตาเขาจะได้ไม่เหนื่อย
ถ้าเขาอ่านยาวๆ ก็ดีเนาะ เขาจะได้มีปัญญา
ถ้ารัฐบาลสนับสนุนหนังสือ ก็ดีเนาะ จะได้สบายขึ้น
ถ้ารัฐบาลไม่สนใจหนังสือ ก็ดีเนาะ จะได้มีเวลาไปซักผ้ามากขึ้น
วินทร์ เลียววาริณ
11-12-244 วันที่ผ่านมา