-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้เล่าเรื่องฉากรักในนิยายที่ผมแต่ง ผู้อ่านคนหนึ่งพูดถึงฉากรักในเรื่อง น้ำเงินแท้ ตอนพระยาศราภัยฯที่ถูกจำคุกลาภรรยาที่มาเยี่ยมเขาที่คุก ก่อนเธอจะกลับไปตายที่บ้านด้วยโรคร้าย
เรื่องนี้จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องแต่ง เป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
บางครั้งเรื่องจริงก็เศร้ากว่าเรื่องที่จินตนาการขึ้น
เรื่องรักที่ผมเขียนซึ่งมีคนอ่านจำได้ ก็มีอยู่ไม่กี่เรื่อง เรื่องหนึ่งคือ รักกันหนึ่งร้อยปี รักแบบเศร้าๆ รักไม่สมหวัง
.......................
เขาจากผู้หญิงคนหนึ่งไปเพราะโรคร้าย ทว่าเป็นโรคร้ายเดียวกันนี้ที่ลากพาสังขารที่ไม่น่าจะอยู่รอดอีกนานกลับมาหาเธออีกครั้ง เพื่อหวังเห็นใบหน้านั้นเป็นครั้งสุดท้าย
แต่การอยู่ใกล้เงาของผู้หญิงที่เขารักกลับทำให้เขามีชีวิตยืนยาวกว่าที่คาด
ใกล้แสนใกล้ ไกลแสนไกล...
.......................
ใน บุหงาปารี ก็มีเรื่องรักแบบไม่สมหวังอยู่หลายเรื่อง
"นั่นคือเชือกที่โจรสลัดพันธนาการพระองค์..."
"ใช่"
"แต่เชือกเส้นนี้ยังคงพันธนาการพระองค์"
"ใช่"
.......................
"ชีวิตของเราทั้งสองต่างมิเป็นของตัวเอง เราต่างมีเชือกเส้นหนึ่งพันธนาการ"
.......................
เรื่องรักใน ปีกแดง ก็เป็นแบบรันทดเช่นกัน
รุจน์วางร่างนั้นในหลุมนั้นอย่างทะนุถนอม จูบแก้มนั้นเป็นครั้งสุดท้าย กลบหลุมศพ และจากคนที่เขารักมา
ฝนพรำทั่วทุ่งกว้างที่ร้างผู้คน ไกลออกไปเป็นเงาราง ๆ ของเทือกเขา ท้องฟ้าเบื้องบนซีดราวผ้าขาวที่ถูกซักมานานปี เหนือเส้นขอบฟ้าปรากฏร่างชายคนหนึ่งเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เขาก้าวผ่านเศษซากของสงคราม เขามาดิ้นรนไขว่คว้าสิ่งที่เขามองไม่เห็น ณ ที่นี่เพื่ออะไร หากมิใช่เพราะคำว่า ความรัก!
.......................
เรื่องรักใน ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติฯ ก็มีแบบเศร้าๆ เช่นกัน
"เล่ากันว่า หากคนที่มีความรักกินเมล็ดของมัน จะไม่เป็นไร หากผิดหวังในรักหรือชอกช้ำด้วยสูญเสียคนรัก กินมันเพียงคำเดียวก็ถึงตาย มันจึงเรียกว่า ต้นแสลงใจ"
"ข้าจักไม่ทำให้เจ้าแสลงใจเป็นอันขาด"
"ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์..." นางพึมพำ
แล้วนางก็โผเข้ามากอดข้า
ม้าของนางหายไปในหมอกขาว พาหัวใจของข้าไปด้วย
.......................
เราทั้งสองต่างเป็นคนทรยศต่อแผ่นดินของเรา เพราะคำคำเดียว 'ความรัก'
.......................
นางอยู่ต่อมาอีกสองวัน กุมมือของข้าตลอดเวลา ก่อนสิ้นใจ นางชี้ไปที่กลุ่มดาวธนู เอ่ยว่า "สวยเหลือเกิน..."
ข้าเหม่อมองดูจุดไฟบนฟ้าเนิ่นนาน ดาวสุกสว่าง แต่ใจของข้าดับไปแล้ว
แสงอาทิตย์ยามเช้าชำแรกผ่านช่องหลืบแอบอาบโลมร่างไร้วิญญาณของนาง
.......................
ในเรื่องสั้น ก้อนเนื้อในน้ำ (ชุด น้ำแข็งยูนิตตราควายบิน) ตัวละครสองคนที่แต่งงานแล้วพบกัน และเกิดความรักความพิศวาสแบบฉับพลัน
"ลืมน้ำฝนเถอะค่ะ และน้ำฝนก็จะลืมคุณด้วย"
"ผมอิจฉาเขา ผมหึงหวงเขา"
"คุณเพิ่งรู้จักน้ำฝนแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้น"
"คุณก็เพิ่งรู้จักตัวเองแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเหมือนกัน"
.......................
ดูเหมือนเรื่องรักที่ผมเขียนมีแต่รักแบบรันทด
เรื่องรักแบบสดชื่นมีเหมือนกัน แต่น้อย เช่น ความรักของโทนกับหนูแดงใน บางกะโพ้ง
เรื่องรักของคุณบริสุทธิ์ฯไม่ค่อยเข้าข่ายเรื่องรัก ออกไปในแนวทะลึ่งมากกว่า
พรุ่งนี้จะเล่าเรื่องรักในนิยายจีนกำลังภายในที่ผมเขียนว่ามีที่มาอย่างไร
วินทร์ เลียววาริณ
29-12-250- แชร์
- 9
-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
ในโลกของสินค้า flip-flop แปลว่ารองเท้าแตะ
แต่ในโลกการเมือง มันมีอีกความหมายหนึ่ง
flip-flop = make an abrupt reversal of policy
แปลว่า การพลิกนโยบายกลับอย่างฉับพลัน
หรือกลับลำ 180 องศา
ยกตัวอย่าง เช่น วันหนึ่งพรรค ก. บอกว่าจะเดินหน้านโยบาย A เป็นนโยบายหลักของพรรค แต่พอใกล้เลือกตั้ง มองดูผลตอบรับจากมวลชนแล้ว เห็นว่าไปไม่รอดเพราะนโยบาย A ก็บอกว่าจะไม่ทำนโยบาย A แล้ว
พฤติกรรมอย่างนี้เรียก flip-flop เป็นอาการเกิดขึ้นบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้ง
พรรคการเมืองใหญ่ของสหรัฐฯก็ทำบ่อย ผู้นำหลายชาติก็ทำ แล้วค่อยหาข้ออ้างมาอธิบายว่าทำไม่ได้เพราะถูกกลั่นแกล้ง อย่างโน้นอย่างนี้
ภาษาไทยแบบสุภาพเรียก พลิกแพลง แบบไม่สุภาพเรียกกลับกลอก
นโยบายรองเท้าแตะเป็นมาตรวัดหนึ่งที่บอกว่า คนสวม 'รองเท้าแตะ' ไม่มีจุดยืนที่แท้จริง สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้
ความจริง จุดยืนนั้นย่อมเปลี่ยนไปได้ตามความเหมาะสม แต่ไม่ควรเปลี่ยนจุดยืนหน้ามือเป็นหลังมือเพื่อเรียกคะแนนเสียง
นักการเมืองแบบนี้วางใจยาก เพราะแสดงว่าเขาไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น ทำได้ทุกอย่าง เปลี่ยนได้เสมอ เพื่อขอคะแนนเสียง
และใครจะรู้ เมื่อได้คะแนนเสียงแล้วจะไม่ flip-flop อีกที
คนอย่างนี้สมควรโดน flip-flop ที่แปลว่ารองเท้าแตะ
วินทร์ เลียววาริณ
29-12-250- แชร์
- 15
-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นเพื่อนสนิทกับ ชาร์ลี มังเกอร์ ตั้งแต่หนุ่มจนอายุเกือบร้อย
หลังจาก ชาร์ลี มังเกอร์ ตาย เด็กคนหนึ่งถาม วอร์เรน บัฟเฟตต์ ว่า "ถ้าคุณได้อีกหนึ่งวันอยู่กับชาร์ลี คุณจะทำอะไร"
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตอบว่า ความจริงแล้ว เขาก็ได้ 'อีกหนึ่งวัน' นั้นกับชาร์ลีอยู่แล้ว เพราะทั้งสองมีความสุขความสนุกที่ทำอะไรด้วยกันทุกวัน ตั้งแต่หนุ่มจนชรา
เล่นกอล์ฟด้วยกัน เล่นเทนนิสด้วยกัน ทำธุรกิจทั้งกำไรและขาดทุนด้วยกัน
ความสัมพันธ์ของเขากับชาร์ลีลึกซึ้ง ทำอะไรด้วยกันเสมอ
ชาร์ลีอ่านหนังสือมาก กินทุกอย่างที่อยากกิน ไม่เคยออกกำลังกาย มีความสนุกกับงาน และจากโลกไปในวัย 99
มันไม่สำคัญว่าแต่ละวันนั้นเจออะไร แต่ว่าเขาทำให้ทุกวันนั้นสนุก
หากมีหนึ่งวันเพิ่ม ก็คงทำอะไรเหมือนเดิม ไม่ต้องคิดถึงวันพรุ่งนี้
บัฟเฟตต์บอกว่า เราทุกคนควรถามตัวเองว่า อยากใช้วันสุดท้ายของชีวิตกับใคร ก็ไปใช้ชีวิตกับคนนั้นในวันพรุ่งนี้เลย ไม่ต้องรอ
มุมมองของบัฟเฟตต์คือ มันไม่สำคัญว่าทำอะไร แค่มีเวลาอยู่ด้วยกันก็วิเศษแล้ว
หลายคนอาจลืมไปว่า พ่อ แม่ และคนที่รักเราอาจจะไม่อยู่กับเราในวันพรุ่งนี้ หรือกระทั่งในนาทีหน้า
อย่ารอจนวันที่พวกเขาไม่อยู่แล้ว ค่อยคิดว่าจะใช้ชีวิต 'อีกหนึ่งวัน' นั้นกับพวกเขาอย่างไร
ทำเสียแต่ตอนนี้
วินทร์ เลียววาริณ
29-12-25ฟังคลิปเต็ม https://www.youtube.com/watch?v=Ud5SuYH8YfA
0- แชร์
- 16
-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
ผมเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์หลายเรื่อง เริ่มที่ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน
คอมเมนต์หนึ่งที่ได้ยินบ่อยคือ "ทำไมไม่มีบทรักเลย"
เหตุผลเพราะนี่เป็นงานเล่าเหตุการณ์การเมือง อีกทั้งเขียนเรื่องนี้แบบ minimalism เป็นเรื่องสั้นจบในตัวหลายเรื่องมาร้อยต่อกันเป็นนวนิยาย เรื่องรักไม่ใช่จุดสำคัญ
เรื่องต่อมาคือ ปีกแดง เป็นนวนิยายการเมือง ยาวมาก เพราะอิงประวัติศาสตร์คอมมิวนิสต์ตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องนี้มีเรื่องรัก
ต่อมาเขียนภาคต่อของ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน สองเรื่องคือ 16 องศาเหนือ และ 17 องศาเหนือ สองเรื่องนี้ก็มีเรื่องรัก
พอเขียน บุหงาปารี/บุหงาตานี น้ำเงินแท้ ก็มีเรื่องรัก
สรุปคือพอจะเขียนเรื่องรักได้ แม้จะห้วน
สำหรับ 17 องศาเหนือ ไม่เน้นเรื่องรัก แต่เน้นเรื่องเซ็กซ์
ไม่เชื่อใช่มั้ย? เอ้า! ยกมาให้อ่านก็ได้
........................
เจ้าของห้องเอื้อมมือจับลูกบิดประตู แขนของหล่อนแตะแขนของเขาโดยบังเอิญ อบอุ่น อ่อนนิ่ม กลิ่นหอมที่คุ้นจมูกสัมผัสประสาทของเขาอีกครั้ง เขาไม่เคยใกล้ชิดหญิงใดในระยะเท่านี้มานานแล้ว เขาสัมผัสไฟอุ่นซึ่งมีอำนาจดึงดูดอย่างประหลาด
ดวงตาสองคู่ประสานกัน อาจเป็นแสงไฟจากโคมคู่ในห้องทำให้ดูเหมือนผิวหน้าหล่อนระเรื่อขึ้น หรืออาจไม่ใช่
อาจด้วยสัญชาตญาณหรืออารมณ์ชั่ววูบ เขาไม่รู้ โลกภายในของเขาพลันละลาย เขารั้งร่างหล่อนแผ่วเบา เพียงพริบตาเดียว ร่างของหล่อนก็จมในแผ่นอกกว้างใหญ่ของเขา
ริมฝีปากของทั้งสองเคลื่อนเข้าหากัน ทีแรกด้วยความลังเลไม่แน่ใจ แต่ความลังเลก็ละลายไปเมื่อสองแขนของหล่อนโอบรัดเขา
หล่อนมิได้ปฏิเสธ เขาก็ไม่ได้ห้ามตนเอง
ชั่วครู่ใหญ่ผ่านไป เขาถอนริมฝีปาก พึมพำ “ผมขอโทษ ผมไม่ควร... คุณยังเด็กเกินไป”
“ฉันอายุน้อย แต่ฉันไม่ใช่เด็ก ฉันเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เกิดแล้ว”
“แต่ผมไม่ควร...”
“คนเรามักเสียใจเมื่อทำเรื่องผิด แต่คุณไม่ได้ทำเรื่องผิด คุณแค่ชอบขังตัวเองกับอดีตเท่านั้น”
เขางันไป หล่อนพูดถูก เขาไม่มีเรื่องต้องเสียใจ เขาไม่เคยกระทำเรื่องใดผิดทำนองคลองธรรม คงจริงที่เขาเลือกกักขังตัวเองกับอดีต
บางทีชีวิตของเขาอยู่ในพันธนาการมาตลอด
หล่อนสบตาเขา “ฉันรักคุณค่ะ ปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระเถอะค่ะ”
แววตาหล่อนแสดงว่ามีสติสัมปชัญญะเต็มที่
ในวินาทีหนึ่ง เขาหยุด กระซิบถามหล่อน “แน่ใจหรือ?”
หล่อนตอบเขาด้วยภาษากาย
เขาสบตาคู่นั้น แววตาหล่อนเป็นประกายวามวาวเหมือนดวงดาวแห่งรัตติกาล เขาเคยเห็นนัยน์ตาแบบนี้มาหลายคนแล้ว หล่อนไม่ใช่คนไร้เดียงสา หล่อนรู้ว่าหล่อนต้องการอะไร
กายแนบกาย ใจแนบใจ กลิ่นหอมอบอวลทุกห้องหัวใจของเขา
หัวใจของเขาหลอมละลาย บางทีเขาอ่อนแอเกินไป
แล้วในคืนสุดท้ายของปี 2522 สองวิญญาณร่อนเร่ก็รวมเป็นหนึ่งเดียว
ทั้งสองซบหน้าหากัน จูบต่อเนื่องยาวนาน เขากอดจูบหล่อนไม่หยุด เริงใจเริงกาย ริมฝีปากของหล่อนอบอุ่นชุ่มชื้นและเชิญชวน เขาจูบหล่อนราวกับคนเดินทางกลางทะเลทรายผู้ไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายวัน ใจของเขากระเจิดกระเจิง
พัสตราภรณ์ชิ้นสุดท้ายลอยร่อนแตะพื้นไม้กระด้าง สีดำเหมือนนิลเนื้อดี ตัดกับสีขาวโพลนราวงาช้างของเรือนกายทุกตารางนิ้ว ผิวของหล่อนลื่นราวผ้าแพรเนื้อดี หล่อนจมร่างใต้แสงไฟสลัว ราวกับรูปปั้นเทพธิดาวีนัสที่หายใจได้
เรือนกายหล่อนสมส่วนของหญิงสาวที่แข็งแรงสมบูรณ์เต็มที่ เป็นดอกไม้พันธุ์ที่สวยเรียบ แต่ไม่เปราะบาง ทรวงอกได้รูปงาม เอวคอดกิ่ว ตะโพกผายงามหนั่นแน่น ทั้งหมดซ่อนตาเขามานาน อาจเพราะเขาไม่เคยคิดเรื่องชู้สาวกับผู้หญิงคนใดมาก่อน แม้นานหลังจากที่ศรีลัดดาจากไป
เขารู้สึกเช่นวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างชั่ววูบ นี่เป็นความฝันหรือความจริง?
เขารู้สึกว่าไฟในตัวซึ่งเขาเชื่อว่าใกล้มอดดับเต็มทีลุกโชนขึ้นอีกครั้ง เหมือนถูกสาดด้วยน้ำมัน
หล่อนคือน้ำมันหรือไฟ?
แล้วใจของเขาก็หลุดกระเจิงไปราวกับม้าป่าซึ่งถูกพันธนาการมานาน เชือกขาดหลุด มันเป็นอิสระ ควบทะยานไปเหมือนม้าป่าโลดแล่นไปในท้องทุ่งเขียวขจี
........................
เฮ้อ! นี่น่าจะเป็นเรื่องที่โป๊ที่สุดของผมแล้ว เวรกรรม ได้แค่นี้เอง!
วินทร์ เลียววาริณ
28-12-25ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน https://www.winbookclub.com/store/detail/145/ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน%20%28ปกอ่อน%20ปรับปรุง%29
16 องศาเหนือ https://www.winbookclub.com/store/detail/148/16%20องศาเหนือ
17 องศาเหนือ https://www.winbookclub.com/store/detail/140/17%20องศาเหนือ
ปีกแดง https://www.winbookclub.com/store/detail/114/ปีกแดง%20ฉบับปรับปรุง
น้ำเงินแท้ https://www.winbookclub.com/store/detail/118/น้ำเงินแท้
0- แชร์
- 14
-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
ผมติดนิสัยเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายแบบไร้ไขมัน (lean) คือไม่มีส่วนเกิน ประหยัดถ้อยประหยัดคำ จนบางคนว่าห้วนไป นักเขียนคนอื่นสามารถร่ายเนื้อความเดียวกันได้เป็นหน้าๆ ผมใช้แค่สองสามบรรทัด
วันก่อนมาดูนวนิยาย ปีกแดง ก็พบว่าจริง! เราห้วนมาตั้งแต่ปีแรกๆ แล้ว
ฉากต่อไปนี้เขียนมา 25 ปีแล้ว ห้วน กระชับ ถ้าให้เขียนใหม่ตอนนี้ คงใส่ผงชูรสมากกว่านี้อีกหน่อย
ผู้อ่านชอบแบบก๋วยเตี๋ยวน้ำเยอะๆ หรือแบบแห้ง?
...................
ชายหลายคนกำลังพูดถึงเขาอยู่ ทั้งหมดดูรูปถ่ายสองสามรูปบนโต๊ะ สีหน้าเคร่งเครียด
หลวงชาญไชยนิวัติกล่าวว่า “รูปนี้คนของผมถ่ายได้”
หลวงรณยุทธสงครามขมวดคิ้วว่า “คุณให้คนเฝ้าเขา?”
ผู้ถูกถามยิ้มกระด้าง “ผมได้รับข่าวเมื่อวันก่อนว่า พวกแต้มแดงกำลังมีความเคลื่อนไหว จริงตามข่าวนั้น คุณรุจน์ที่คุณรับรองว่ารักชาติหนักหนา ติดต่อกับพวกคอมมิวนิสต์จีนสยาม จำชายคนนี้ได้ใช่ไหม ตันเต็กเส็ง หัวหน้าพวกแต้มแดง”
“บังเอิญ...”
“เป็นไปไม่ได้ อยู่ดี ๆ ทำไมก่อนออกเดินทาง เขาถึงไปหาพวกนั้นที่ย่านคนจีน ร้านเอี๊ยะแซเป็นหน้าฉากของพวกแต้มแดง พวกคอมมิวนิสต์จีน เขารู้ เขาเป็นสายของคอมมิวนิสต์อย่างแน่นอนที่สุด”
“คุณหลวงได้ข่าวจากไหน?”
“ไม่สำคัญว่าจากไหน สำคัญว่าจริงก็แล้วกัน ผมบอกแล้วว่า ทุกอย่างเกี่ยวกับชายคนนี้เกี่ยวข้องกับพวกคอมมิวนิสต์ทั้งหมด ญาติสนิทเป็นคอมมิวนิสต์ ทำไมถึงต้องติดคุกโซเวียต ทำไมถูกปล่อยออกมา ทำไมเดินทางไปหาหลวงพิจิตรฯทำไมไปหาพวกแต้มแดงที่ราชวงศ์ มีใครตอบผมได้ไหมว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญ”
“แต่พวกแต้มแดงไม่มีตัวตนอีกแล้ว”
“ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีบทบาท ผมเชื่อว่าป่านนี้พวกแต้มแดงคงรู้แล้วว่าพวกเราเป็นใครกันบ้าง พวกนั้นคงอยากฆ่าเราเต็มที”
พระโกศลวีรยุทธจำนนต่อหลักฐาน เอ่ยเบา ๆ “ตามรุจน์กลับมา”
“ช้าไปแล้ว เขาออกเดินทางไปแล้ว”
“เราปล่อยเสือเข้าป่า...”
“การที่รุจน์ติดต่อกับพวกแต้มแดง ทำให้ผมคิดว่าพวกนั้นน่าจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้มาโดยตลอด”
“คุณคิดว่าพวกเขาจะกล้ามาล้างแค้นหน่วยแม่บ้าน?”
“ไม่มีอะไรที่พวกแต้มแดงไม่กล้าทำ พวกนั้นไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว”
“เราอาจจัดการพวกมันได้ก่อน”
ทันใดประตูห้องประชุมถูกผลักออกเบา ๆ ทั้งหมดหันไปดู เป็นหญิงรับใช้ถือถาดกาแฟ พระพิจารณ์บริบาลหน้าบึ้งเอ่ยเสียงแข็ง “ใครบอกให้เสิร์ฟกาแฟ?”
“อิฉันไม่...”
หญิงรับใช้พูดได้แค่นั้นก็ตาเหลือก พลันร่างของหล่อนก็ล้มลง เลือดไหลออกมาจากหน้าอก ถาดกาแฟกระทบพื้นดังกังวาน เผยให้เห็นด้านหลังเป็นชายคนหนึ่งสวมผ้าคลุมหน้า ใช้หล่อนเป็นที่กำบัง ปืนพกสีดำในมือ
พระโกศลวีรยุทธกับพระพิจารณ์บริบาลลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่รู้สึกผิดสังเกต ในเสี้ยววินาทีนั้น นิ้วมือภายใต้ถุงมือรัดกุมก็กระดิกยิงอย่างประณีต เสียงของมันแผ่วเบาเพราะติดเครื่องเก็บเสียง
ร่างพระพิจารณ์บริบาลกระเด็นหงายออกไปก่อน เลือดซึมไหลออกจากหน้าผาก ล้มโดยไม่ร้องสักคำ นายทหารร่างใหญ่สิ้นใจก่อนที่ร่างจะตกถึงพื้น พระโกศลวีรยุทธถลันร่างขึ้น แต่ก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมือปืนลั่นไกอย่างเยือกเย็น กระสุนทะลวงแสกหน้าใส่ร่างท่านเพียงนัดเดียว ร่างของพระโกศลวีรยุทธผงะโอนเอน ในที่สุดก็หน้าคว่ำคาโต๊ะประชุม หลวงชาญไชยนิวัติชักปืนที่เอวออกมา แต่ไม่ทันพ้นซอง ร่างของเขาก็ผงะหงายไปจมเบาะเก้าอี้ยาว
หลวงรณยุทธสงครามยิงปืนออกไปได้นัดเดียวก็ถูกยิงล้มลง ปืนหลุดกระเด็นจากมือ เขาคลานไปยังจุดที่ปืนตกอยู่ มือสังหารเล็งปืนที่ร่างเขา แต่ถูกหลวงอิสรายุทธยิงสวน ชายมือปืนอุทานเป็นภาษาจีนคำหนึ่งและวิ่งหนีไป
หลวงรณยุทธสงครามร้องบอกหลวงอิสรายุทธซึ่งเป็นผู้เดียวที่ไม่ถูกยิงว่า “ไปดูหลวงชาญฯก่อน”
หลวงชาญไชยนิวัติฝืนยิ้มขณะที่เลือดไหลออกจากปาก กล่าวเสียงกระท่อนกระแท่นว่า “เห็นมั้ย... คุณรุจน์ของคุณให้แผนที่บ้านนี้กับ... พวก... แต้มแดง...” แล้วสิ้นใจ
หลวงรณยุทธสงครามเลือดขึ้นหน้า “ผมจะตามล่ามันเอง”
หลวงอิสรายุทธกล่าว “ได้เวลาเรียก 'แม่บ้าน' แล้ว”
วินทร์ เลียววาริณ
28-12-25จาก ปีกแดง
รางวัลนวนิยายดีเด่นคณะกรรมการหนังสือแห่งชาติ ปี 2546
https://www.winbookclub.com/store/detail/114/ปีกแดง%20ฉบับปรับปรุง0- แชร์
- 13
