• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    ช่วงนี้ - หลังยุบสภา ข้าพเจ้าได้ยินคำพูดของอดีต ส.ส. บางประโยคบ่อยๆ

    "ผมถูกกลั่นแกล้ง"

    "มีคนใส่ร้ายว่าผมใช้เอกสารปลอม"

    "มันไม่ยุติธรรม"

    "มีคนเล่นงานผม"

    "นี่กะจะให้ผมตายไปเลย"

    ฯลฯ

    แปลกนะ ข้าพเจ้ารู้สึกเข้าใจหัวอกของคนพูด มันเป็นความรู้สึกเดียวกับส่วนลึกในใจข้าพเจ้า

    ตอนเย็นข้าพเจ้ากลับถึงบ้าน ได้ยินเสียงภรรยาถาม น้ำเสียงไม่นุ่มนวลเหมือนวันเงินเดือนออก "ไปไหนมา?"

    "ไปกินเบียร์นิดหน่อย"

    "ยังไม่ได้ซักผ้าแล้วไปกินเบียร์หรือ?"

    ข้าพเจ้าเอ่ยคำพูดของอดีต ส.ส. คนนั้น "ผมถูกกลั่นแกล้ง"

    ภรรยาร้องว่า "อะไรนะ?"

    "มันไม่ยุติธรรม"

    "พูดใหม่ซิ"

    "มีคนเล่นงานผม นี่กะจะให้ผมตายไปเลย

    คราวนี้ภรรยาเดินมาหาข้าพเจ้า "คุณว่าอะไร?"

    "มีคนใส่ร้ายว่าผมใช้เอกสารปลอม"

    "คุณจะถูกกลั่นแกล้งว่าใช้เอกสารปลอมได้ยังไง ใบทะเบียนสมรสเป็นของจริง ไม่ใช่ของปลอม ฉันก็ให้คุณพักระหว่างการซักเสมอ ไม่ได้ใช้งานจนตาย แล้วคุณจะบอกว่าไม่ยุติธรรมได้ยังไง ฉันให้เงินคุณ 50 บาทหลังซักผ้าทุกครั้ง"

    "จริงจ้ะ ผงซักฟอกอยู่ที่ไหนจ๊ะ?"

    วินทร์ เลียววาริณ
    20-12-25

    1
    • 0 แชร์
    • 20
  • วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    เคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับ? "ที่บ้านให้อภัยหมดแล้ว"

    สมัยผมเป็นเด็ก ประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์ที่เห็นบ่อยคือประโยค “ที่บ้านให้อภัยหมดแล้ว”

    เช่น นางสาวกบ กลับบ้านเถอะ ที่บ้านให้อภัยหมดแล้ว

    ประโยคนี้ประโยคเดียวบอกเล่าเรื่องราวหลายอย่าง

    มันเล่าว่ามีการทะเลาะกันในครอบครัว ลงท้ายด้วยการให้อภัย การยอมกัน การง้อทางหน้าหนังสือพิมพ์

    “ที่บ้านให้อภัยหมดแล้ว” มีความหมายว่ายังมีความรัก ความผูกพันระหว่างคน ระหว่างสมาชิกในครอบครัว

    อ่านบทความใหม่วันเสาร์ คลิกลิงก์ https://www.blockdit.com/posts/692d655d8535799bb4b2358a 

    1
    • 0 แชร์
    • 22
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    ช่วงหลังนี้ข่าวความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เริ่มมีสื่อตะวันตกพูดถึงศูนย์สแกมเมอร์ในเขมรโดยไม่อ้อมแอ้ม

    หลายคนเรียกมันว่า Scambodia

    BBC (ที่ปกติไม่ค่อยเขียนอะไรดีๆ เกี่ยวกับไทย) วันนี้ลงบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้อความท่อนหนึ่งว่า

    "The association of the Cambodian leadership with the scam industry is a weak point in the country's battle for international sympathy."

    (ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำเขมรกับขบวนการต้มตุ๋นเป็นจุดอ่อนของประเทศกัมพูชาที่จะเรียกความสงสารจากนานาชาติ)

    "The Cambodian government says it is now taking action against scam centres, but their proliferation in the country in recent years, and their link to a number of very powerful, politically-connected Cambodian figures, raises doubts about how sincere that action is."

    แปลคร่าวๆ ว่า รัฐบาลกัมพูชาบอกว่ากำลังปราบพวกศูนย์สแกม แต่การเพิ่มจำนวนของมันในเขมรในหลายปีนี้ และการที่ศูนย์สแกมเชื่อมกับอำนาจทางการเมืองกัมพูชา ทำให้คนสงสัยความจริงใจในการปราบ

    เท่ากับยอมรับว่า ผู้มีอำนาจในกัมพูชาเกี่ยวข้องกับขบวนการต้มตุ๋นที่โกงเงินคนข้ามชาติ

    เสียงต่อต้านว่าไทยทำเกินกว่าเหตุเริ่มแผ่วลง

    ล่าสุดจีนส่งจอมยุทธ์ หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน มาเยือนไทย พร้อมคณะผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีอาญา กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กองสอบสวนอาชญากรรมโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต กระทรวงความมั่นคงสาธารณรัฐประชาชนจีน

    นี่แปลได้อย่างเดียวว่าจีนก็ยอมรับว่า ผู้มีอำนาจในกัมพูชามีส่วนร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์

    ดังนั้นการที่กองทัพไทยถล่มรังสแกมเมอร์ นานาชาติจึงไม่ได้ออกตัวมาด่าไทยตามธรรมเนียมปฏิบัติ

    หากไทยถล่มแก๊งต้มตุ๋นได้อย่างเป็นรูปธรรมจริง น่าจะได้คะแนนบวกจากชาวโลก

    นาทีนี้อังเคิลน่าจะปวดหัว คงกำลังคิดว่า "This gu do what down go."

    ก็บอกแล้วว่า You know Thailand little go.

    วินทร์ เลียววาริณ
    19-12-25

    1
    • 0 แชร์
    • 29
  • วินทร์ เลียววาริณ
    3 วันที่ผ่านมา

    บริษัทสร้างหนังใหญ่ ๆ มักมีเจ้าหน้าที่ตำแหน่งหนึ่งคือ script supervisor ทำหน้าที่ดูแลเครื่องแต่งกาย ฉาก ผม การแต่งหน้า ไปจนถึงความต่อเนื่องของหนัง การแสดงของนักแสดง แล้วบันทึกโน้ตไว้ เพื่อให้นักตัดต่อทำงานได้ง่ายขึ้น

    พูดง่าย ๆ คือ script supervisor ทำหน้าที่เป็นมือขวาของผู้กำกับและผู้กำกับภาพ อีกทั้งทำหน้าที่เหมือนตัวแทนของนักตัดต่อและนักเขียนบทในกองถ่าย

    ก่อนถ่ายทำ script supervisor เขียนรายงานอธิบายและจัดลำดับของแต่ละฉาก ระหว่างถ่ายทำ ก็เขียนรายงานความก้าวหน้าของการถ่ายทำแต่ละวัน จึงเป็นงานที่กว้างมาก และเป็นหน้าที่สำคัญ เพราะมันช่วยลดความผิดพลาดของการถ่ายทำและตัดต่อ

    กระนั้นหนังจำนวนมากก็ยังหลุด

    หนังเรื่อง Titanic ของ เจมส์ คาเมรอน เป็นภาพยนตร์ที่มีจุดหลุดมาก ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่งไฝของนางเอก ‘โรส’ ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

    ภาพยนตร์ชุด Star Wars ของ จอร์จ ลูคัส ก็หนีไม่พ้นชะตานี้ ยกตัวอย่างเช่น ในฉากหนึ่ง สตอร์มทรูปเปอร์คนที่ถูกยิงไม่ล้มลง แต่สตอร์มทรูปเปอร์ซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ กลับล้มลงแทน

    คนดูตาคมถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? หามิได้ คนดูมองเห็นเพราะรักหนังสองเรื่องนี้มาก จึงตีตั๋วเข้าไปดูคนละหลายรอบ ผลก็คือเห็นจุดหลุดที่ซุกซ่อนอยู่

    เรามองไม่เห็นจุดผิดพลาดเหล่านี้ หากดูเพียงรอบเดียว แต่เมื่อดูหลายรอบ ก็เริ่มมองเห็น

    ชีวิตคนก็เหมือนกัน ไม่ว่าเป็นเพื่อนหรือคู่ครอง เมื่ออยู่ด้วยกันนาน ๆ ก็เริ่มเห็น ‘จุดหลุด’ ของอีกฝ่าย

    คนรักกันหลายคู่ก่อนแต่งงาน ตามืดตามัว มองไม่เห็นจุดไม่ดีของคนรัก แต่เมื่อแต่งงานแล้ว อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ก็เริ่มแลเห็นจุดต่าง ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งดีและไม่ดี

    นี่อาจเป็นเหตุผลของประโยค “ความรักทำให้คนตาบอด”

    บางคู่แต่งงานแบบปุบปับ รู้จักกันไม่นานก็ตกร่องปล่องชิ้นกัน เพราะ “ชัวร์มากว่าเป็นคนนี้” ไม่เผื่อที่สำหรับบทบาท ‘script supervisor’ เลย แต่งงานกันไม่นาน ก็อาจพบจุดหลุดที่ตัวเองไม่ชอบ

    บางคู่จึงรักกันเร็ว เลิกกันเร็ว

    เพราะไม่ให้เวลาในการหา ‘จุดหลุด’

    คนโบราณจึงสอนเสมอว่า ใจเย็น ๆ อย่ารีบร้อน คำสอน ‘อย่าชิงสุกก่อนห่าม’ ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องความสัมพันธ์ทางกายภาพ แต่คือการให้เวลาดูใจด้วย

    คนโบราณยังมีคำพังเพยว่า “ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” หมายถึงลูกสาวมักมีนิสัยใจคอเหมือนแม่ ดังนั้นอยากรู้ว่าแฟนสาวของตนเป็นอย่างไรในอีกสามสิบปีข้างหน้า อาจลองดูว่าที่แม่ยายของตนเอง วลี ‘ดูนาง’ ไม่ได้หมายความแค่ผู้หญิง แต่รวมผู้ชายด้วย เพราะการดูพ่อแม่ของคู่ครองก็พอบอกอะไรได้หลายอย่าง มันบอกว่าคู่ครองเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน ถูกเลี้ยงดูอย่างไร วิธีการมองโลกเป็นอย่างไร นิสัยใจคอของคนไม่น้อยก็เป็นแบบ ‘ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น’ มันชี้ให้เรารู้จักมองไกล ๆ ถึงอนาคต หรือจินตนาการภาพของคู่ครองในอนาคต จะได้ยอมรับตั้งแต่ก่อนแต่งงาน

    จะเห็นว่าคนโบราณไม่ได้คร่ำครึแต่อย่างใด

    แต่จุดหลุดบางอย่างแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นล่วงหน้า เพราะหลายเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นภายหลัง เนื่องจากคนเปลี่ยนได้ เช่น นาย ก. เป็นคนใจเย็น ไม่เคยโกรธใคร แต่ผ่านความอยุติธรรมในชีวิตมาหลายปี ก็เพิ่งจะมีจุดหลุดคือโกรธแค้นให้คนอื่นเห็น

    นาย ข. เป็นคนซื่อสัตย์ แต่เมื่อผ่านสิ่งแวดล้อมหรือบางสถานการณ์ ก็ค่อยเปลี่ยนไปเป็นคนที่คอร์รัปชั่น

    จุดหลุดแบบนี้เป็นเรื่องน่าเสียใจ แต่นี่คือสัจธรรมของชีวิต นั่นคือความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน

    ส่วนการตีตั๋วเข้าโรงหนังแล้วพบ ‘จุดหลุด’ จะดูจนจบเรื่องหรือจะเดินออกจากโรง ก็ต้องเลือกเอา

    วินทร์ เลียววาริณ
    19-12-25

    จากหนังสือ ตัวสุขอยู่ในหัวใจ
    260 บาท 49 บทความ เรื่องละ 5.3 บาท
    หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว

    https://www.winbookclub.com/store/detail/211/ตัวสุขอยู่ในหัวใจ 

    2
    • 0 แชร์
    • 19
  • วินทร์ เลียววาริณ
    4 วันที่ผ่านมา

    ประโยคนี้ของท่านพุทธทาสภิกขุอาจไม่คุ้นหู หรือไม่เช้าใจ

    “กินข้าวจานแมว, อาบน้ำในคู, เป็นอยู่อย่างทาส” หมายความว่าอย่างไร?

    กินข้าวจานแมวหมายถึงกินเท่าแมวหรือ? เป็นอยู่อย่างทาสคือเป็นทาสงั้นหรือ?

    นี่ย่อมไม่ได้หมายความตรงคำอย่างนั้น

    ให้ลูกศิษย์ท่านพุทธทาสฯท่านหนึ่งเป็นผู้อธิบายเองดีกว่านะ

    “กินข้าวจานแมว, อาบน้ำในคู, เป็นอยู่อย่างทาส ทำไมการใช้ชีวิตเป็นอยู่อย่างต่ำจึงเป็นทางรอดมาถึงสมัยที่โลกเจริญมาถึงยุคนี้ พวกเราก็คงจะมองเห็นได้ชัดว่า โลกที่เดินทางผิด สั่งสอนอบรมศึกษากัน เน้นแต่เรื่องของการกินดีอยู่ดี ยิ่งนับวันโลกยิ่งเจริญ คนยิ่งมีความฟุ่มเฟือย หาความสุขจากการผลิตวัตถุขึ้นมาในระบบอุตสาหกรรม...”

    “กินข้าวจานแมว, อาบน้ำในคู, เป็นอยู่อย่างทาสคือการปฏิบัติตามองค์อริยมรรคแปด ตามคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้ที่จะปฏิบัติอย่างนี้ได้ก็จะต้องมีสัมมาทิฏฐิ จะต้องรู้ว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุให้เกิดทุกข์ เมื่อรู้ชัดแล้วว่าการตามใจตัวเอง ตามกิเลสตัณหา เป็นเหตุให้เกิดทุกข์...”

    “การที่เราใช้ชีวิตกินอยู่อย่างต่ำ เป็นการใช้ชีวิตชนิดที่ทวนกระแสโลกที่เขาเรียกว่าเนกขัมมะ...”

    หากให้แปลซ้อนแปลคำอธิบายของท่านพุทธทาสฯ ก็คือการใช้ชีวิตตามความจำเป็นขั้นต่ำ ถ้าพูดด้วยภาษาเท่หน่อยก็คือ Minimalism ไม่เดินไปตามทางบริโภคนิยม

    มิใช่เพื่อประหยัดเงิน แต่เพื่อประหยัดจิตวิญญาณ

    เมื่อเดินชีวิตแบบ ‘น้อยที่สุดที่อยู่ได้’ ก็เป็นการฝึกการลด-ละ-เลิกทางพุทธ

    ที่ว่าใช้ชีวิตแบบเนกขัมมะ ก็คือชีวิตละวางอย่างนักบวช

    นี่ก็ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นนักบวชด้วยเครื่องแบบและพิธีกรรม แต่บวชใจ

    สำหรับตนเองก็ทำให้เราปลดปล่อยตนเองเป็นอิสระจากบ่วงต่างๆ ไม่ยึดมั่นถือมั่น

    สำหรับสังคมรวม ก็จะได้สังคมที่พอเพียงและสงบสุข

    ท่านพุทธทาสฯจึงเขียนว่านี่คือ “ทางรอดของเรา”

    วินทร์ เลียววาริณ
    18-12-25

    1
    • 0 แชร์
    • 30