-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
เมื่อพูดถึงตำนานนักแต่งเพลง เอนนิโอ มอร์ริโคเน ก็ต้องเล่าเรื่องของผู้กำกับคู่บุญ เซอร์จิโอ เลโอเน คู่นี้ทำหนัง-แต่งเพลงด้วยกันหลายเรื่อง
และเรื่องที่ดีที่สุดของ เซอร์จิโอ เลโอเน ในความเห็นส่วนตัวของผมก็คือ Once Upon a Time in the West เพลงที่มอร์ริโคเนแต่งให้หนังเรื่องนี้ก็ดีเยี่ยม ไม่ว่าเพลงในท่อนท้าย หรือเพลงช่วงเล่นฮาร์โมนิกา
ในปี 2521 หนังความยาว 3 ชั่วโมง 4 นาทีเรื่อง Deer Hunter เข้ามาฉายในบ้านเรา (ถ่ายทำที่บ้านเราด้วย) ท่อนแรกของหนังเป็นการปูเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนกลุ่มหนึ่ง ท่อนที่สองเป็นฉากที่เพื่อนกลุ่มนี้เข้าร่วมสงครามเวียดนาม ในโรงหนังต่างจังหวัด ท่อนแรกยาวร่วมชั่วโมงนี้ถูกหั่นทิ้ง หนังเปิดเรื่องที่สงครามเลย
นี่คือการกระทำของคนที่ไม่เข้าใจหนัง เหมือนชงกาแฟโดยเทกาแฟออกครึ่งถ้วย แล้วเติมนมเข้าไปแทน
สตูดิโอใหญ่ๆ ในอเมริกามีประวัติเรื่องทำลายหนังมาตลอด หนังดีจำนวนมากถูกนายทุนทำลายป่นปี้ เพราะไม่เข้าใจศิลปะ ตัวอย่างเช่น Blade Runner ของ ริดลีย์ สก็อตต์ ถูกนายทุนสั่งให้ตัดบทใหม่ "ขอจบแบบแฮ็ปปี้ เอนดิ้ง นะ" หนัง ‘แป้ก’ แต่ต่อมาก็กลายเป็นหนังฮิต โดยเฉพาะเมื่อผู้กำกับแก้ไขเป็นเวอร์ชั่น Director's Cut
เรื่อง Dune (1984) นายทุนไปตัดต่อหนังเองโดยที่ผู้กำกับทำอะไรไม่ได้ ผลคือเละ
อีกเรื่องหนึ่งที่ประสบชะตากรรมเดียวกันคือเรื่อง Once Upon a Time in the West ผลงานของ Sergio Leone หนังความยาว 229 นาทีถูกตัดเหลือ 139 นาทีสำหรับให้ชาวอเมริกันเสพ ตัวละครบางตัวหายไป ตัดแฟลชแบ็คทิ้ง ผลคือเละ
เหตุที่ Once Upon a Time in the West ‘แป้ก’ ในอเมริกา (ประเทศที่หนังเรื่อง The Shawshank Redemption ขายไม่ออก) อาจเพราะคนดูอเมริกันรู้สึกแปลกๆ ที่หนังคาวบอยอเมริกันสร้างโดยพวกอิตาเลียน หรือเพราะดูหนังแบบนี้ไม่เป็น นักวิจารณ์อเมริกันบางคนด่าเรื่องนี้เละ บอกว่าหนังเดินช้าไป (ขนาดหั่นหนังออกไปชั่วโมงหนึ่งแล้ว!)
ตรงกันข้ามกับสหรัฐฯ หนังเรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างสูงในยุโรป ณ วันนี้มันได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ที่ดีที่สุด และอาจถือเป็นหนังคาวบอยที่ดีที่สุดด้วย แม้แต่ห้องสมุดคองเกรสสหรัฐฯก็ขึ้นหิ้งเป็นหนังที่ต้องอนุรักษ์ นักสร้างหนังแนวหน้าหลายคนยกให้เรื่องนี้เป็นครู เช่น มาร์ติน สกอร์เซซซี จอร์จ ลูคัส เควนติน ทาแรนติโน และเจ้าพ่อ Breaking Bad วินซ์ กิลลิแกน
(ทาแรนติโนเดิมคิดจะตั้งชื่อหนังเรื่อง Inglourious Basterds ว่า Once Upon a Time in Nazi-Occupied France แต่ตอนหลังให้มันเป็นชื่อตอนแรกของเรื่อง และหลายปีให้หลังก็สร้าง Once Upon a Time in Hollywood)
..............
Once Upon a Time in the West เปิดเรื่องที่สถานีรถไฟกลางพื้นที่รกร้าง นายสถานีชราเห็นชายแปลกหน้าสามคนนั่งรอรถไฟที่กำลังจะมา ทั้งสามพกปืนมาด้วย แกรู้ว่าทั้งสามเป็นมือปืน แมลงวันตัวหนึ่งบินมาตอมหน้ามือปืนคนหนึ่ง เขาปัดมันไป แต่มันบินมาตอมเขาอีก เขาจับมันด้วยกระบอกปืน เสียงหวูดรถไฟดังมาแต่ไกล รถไฟแล่นเทียบชานชาลา ผู้โดยสารหลายคนก้าวลงมา แต่ไม่มีเป้าหมายที่สามมือปืนรอ เมื่อรถไฟแล่นออกไป มือปืนทั้งสามจึงเห็นผู้โดยสารคนหนึ่งกำลังมองพวกเขาอยู่อีกฟากหนึ่งของราง ชายคนนี้ยกฮาร์โมนิกาขึ้นเป่าเบาๆ เสียงปืนพลันดังขึ้น มือปืนทั้งสามลงมือ แต่ทั้งสามล้มคว่ำ มือปืนฮาร์โมนิกาไวกว่า
ฉากแรกของหนังมีเพียงเหตุการณ์เดียว คือการดวลกัน แต่ใช้เวลายาวถึง 13 นาที (ดวลครึ่งนาที ปูอารมณ์ 12 นาทีครึ่ง!)
Once Upon a Time in the West เป็นหนัง slow burn แต่ละฉากเดินช้า แต่ละเมียดละไม ไม่ใช่หนังคาวบอยประเภทยิงกันวินาศสันตะโรทั่วไป และเป็นหนังที่สร้างโดยชาวอิตาเลียน
เราเรียกตระกูลงานคาวบอยที่สร้างโดยอิตาเลียนว่า Spaghetti Western หรือที่บ้านเราเรียก คาวบอย สปาเก็ตตี้
Spaghetti Western โด่งดังมากในยุค 60-70 ไม่ได้สร้างกันแค่เรื่องสองเรื่อง มันมีจำนวนถึงกว่าหกร้อยเรื่อง และในบรรดาผู้กำกับหนังแนวนี้ Sergio Leone ถือเป็นเบอร์ 1 งานของเขาจับคู่กับนักแต่งเพลงที่เก่งที่สุดในโลก เอนนิโอ มอร์ริโคเน
ผลงานของ Sergio Leone ที่ดังมากคือชุดไตรภาค Dollars Trilogy คือ A Fistful of Dollars (1964), For a Few Dollars More (1965) และ The Good, the Bad and the Ugly (1966) ทั้งสามเรื่องเล่นโดย คลินท์ อิสต์วูด สมัยยังหนุ่มมาก ดังมากในบ้านเรา
แต่ Sergio Leone โดดเด่นที่สุดในเรื่อง Once Upon a Time in the West มันยกระดับหนังคาวบอยเป็นหนังอาร์ต
เรื่องนี้มีตัวละครหลักสี่คน ผู้หญิงหนึ่ง ชายสาม ทั้งหมดเป็นตัวละครสีเทา บางคนก็ออกเทาสว่าง บางคนก็ดำไปเลย
คนร้ายหลักคือ 'แฟรงก์' รับบทโดย เฮนรี ฟอนดา นักแสดงใหญ่ที่ปกติรับบทคนดี เมื่อได้รับเสนอบทคนร้าย เขาก็ปฏิเสธ ไม่อยากเปลืองตัว
อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับอยากได้ตัวเขามาก จึงบินไปหาฟอนดาที่นิวยอร์ก บอกเขาว่า “ลองนึกภาพดูนะ กล้องจับภาพช่วงล่างของมือปืน เขาชักปืนขึ้นมายิงเด็กที่กำลังวิ่งหนี กล้องพาดขึ้นจับที่ใบหน้าของมือปืนโหด ก็คือ เฮนรี ฟอนดา”
ฟอนดารับบทนี้ในที่สุด คนรอบตัวไม่มีใครเห็นด้วย
ปรากฏว่าฟอนดารับบทคนร้ายได้ดีมาก ดูน่ากลัว และได้รับคำชื่นชมว่าแสดงดี
ตัวละครสีเทาคนหนึ่งคือ 'ไชแอน (Cheyenne)' รับบทโดย เจสัน โรบาร์ดส์ นักแสดงคุณภาพ (คนที่รับทบรรณาธิการ Ben Bradlee ในหนังเรื่อง All the President's Men และคว้าตุ๊กตาทองในปีนั้น)
ตัวละครหลักอีกคนคือบุรุษลึกลับ เรียกว่า ฮาร์โมนิกา รับบทโดย ชาร์ลส์ บรอนสัน
เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนมาก แต่วิธีเล่าเรื่องทำให้เรื่องน่าติดตาม การเดินเรื่องโดยให้ตัวละครคนหนึ่งพาไปเปิดตัวตัวละครอีกคนหนึ่งทำได้น่าสนใจ หนังไม่ค่อยเล่าโดยบทพูด แต่เล่าด้วยภาษาหนัง ตัวละครสร้างความสัมพันธ์ด้วยการกระทำมากกว่าบทพูด เช่น เรารู้ความสัมพันธ์ระหว่างไชแอนกับฮาร์โมนิกาโดยไม่ได้รู้จากบทพูด แต่รู้จากแววตา สีหน้า การกระทำ เรารู้ว่ามิตรภาพเกิดขึ้นจากการสัมผัสของเราเอง
เราไม่รู้ว่าตัวละคร ฮาร์โมนิกา เป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร และเรื่องก็พาไปถึงจุดไคลแม็กซ์โดยแทบไม่ปูเรื่อง (establishing) มาก่อน ซึ่งผิดหลักการแต่งเรื่องโดยทั่วไป แต่เรื่องนี้เป็นข้อยกเว้น เพราะมันปูเรื่องไม่ได้ ทำได้อย่างมากที่สุดคือคำพูดของฮาร์โมนิกาว่า "จะบอกเมื่อถึงจุดที่มีคนตาย"
หนังเดินด้วยจังหวะเนิบ มุมกล้องดี ดนตรีดี เนื้อเรื่องน่าสนใจ จับอารมณ์ความดิบในยุคคาวบอย หนังมีกลิ่นของปรมาจารย์ อะกิระ คุโรซาวา (ผู้สร้าง เจ็ดเซียนซามูไร) ซึ่งมีอิทธิพลต่องาน คาวบอย สปาเก็ตตี้ ไม่น้อย
หากจะมีจุดรำคาญสายตาคือ การใช้ฟอนต์ในไตเติลซึ่งสะท้อนความนิยมในยุคนั้น ตัวหนังสือวิ่งไปมา พลิกแล้วหมุน เหล่านี้ดูรุงรังไปหน่อยสำหรับหนังเรียบง่าย แต่ก็คงเป้นเครื่องสะท้อนหลักไมล์ของวงการกราฟิกในภาพยนตร์
ที่โดดเด่นไม่แพ้ตัวหนังก็คือดนตรีประกอบโดย เอนนิโอ มอร์ริโคเน ดนตรีประกอบสุดยอด จับวิญญาณเราจนดิ้นไม่หลุด เสียงเพลงฮาร์โมนิกาทั้งเรื่องประพันธ์โดยปรมาจารย์ เอนนิโอ มอร์ริโคเน สุดยอดมาก นี่เป็นหนึ่งในหนังน้อยเรื่องที่ใช้เครื่องดนตรีฮาร์โมนิกาได้อย่างทรงพลัง (อีกเรื่องหนึ่งที่นึกออกทันทีคือ Midnight Cowboy งานดนตรีของ จอห์น แบร์รี)
ไม่ทุกคนที่ชอบหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะหากทนดูฉากเปิดเรื่องยาว 13 นาทีไม่ได้ อาจจะทรมานและดูไม่จบ (เช่นที่ทนฉากเปิดเรื่อง 2001: A Space Odysey ไม่ได้) แต่ถ้าเข้าถึง จะชอบเรื่องนี้มาก นี่ไม่ใช่หนังที่ดูเอาพล็อต แต่ดูเอาอารมณ์
สุดยอด
ป.ล. นักแสดงหลักของเรื่องนี้ รวมทั้งผู้กำกับและนักแต่งเพลง ล้วนจากโลกไปแล้ว คนล่าสุดเพิ่งจากไปเมื่อสองเดือนก่อนคือ คลอเดีย คลาดิเนล R.I.P.
10/10
วินทร์ เลียววาริณ
5-11-25วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
(มาตรการให้คะแนนของ วินทร์ เลียววาริณ : ความคิดสร้างสรรค์ + สาระ + ศิลปะการเล่าเรื่อง)
0- แชร์
- 14
-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
ช่วงนี้มีข่าวคนสิงคโปร์ไปเกี่ยวพันกับมิจฉาชีพที่เขมรและอื่นๆ ทางการสิงคโปร์ก็ยึดทรัพย์ทันที และล่าสุดเมื่อวานนี้ สภาสิงคโปร์ผ่านกฎหมายเฆี่ยนพวก scammers (นักต้มตุ๋น) เป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษพวกมิจฉาชีพ
ผู้ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานหลอกลวงจะโดนไม้เรียว 6-24 ที
เอาให้เข็ด
สแกมเมอร์สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวโลกอย่างหนักหนาสาหัส เฉพาะสิงคโปร์ ชาวบ้านสูญเงินไปกับมิจฉาชีพไป 1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์เมื่อปีก่อน
ความจริงกฎหมายเฆี่ยน (corporal punishment) ไม่ได้เริ่มโดยสิงคโปร์ แต่โดยพวกอังกฤษ ลีกวนยูแค่ตั้งใจไม่ทิ้งกฎหมายฉบับนี้เท่านั้น เพราะเห็นว่าไม้เรียวได้ผลกว่าค่าปรับและการจำขัง
มีการกระทำผิดราว 35 รายการที่จะต้องโทษเฆี่ยน เช่น การปล้น จับคนเรียกค่าไถ่ ฆาตกรรม ค้ายาเสพติด ละเมิดทางเพศ (เช่น ไปจับต้องของสงวนหญิงสาว) การข่มขืน พกอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต การปล่อยเงินกู้โดยผิดกฎหมาย รวมถึงคนต่างชาติที่อยู่เกินกำหนด 90 วัน (เพื่อขจัดปัญหาคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย) เป็นต้น
เจ้าหน้าที่เฆี่ยนหรือที่เรียกว่า ‘คอมมานโด’ เป็นมืออาชีพ รูปร่างใหญ่ แข็งแรง ฝึกมาทำงานนี้โดยเฉพาะ เวลาเฆี่ยน น้ำหนักตัวของคนเฆี่ยนจะทำให้การหวดแรงขึ้น เพื่อให้เจ็บที่สุด
ไม้ที่ใช้เฆี่ยนเป็นหวาย เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.27 เซนติเมตรหรือครึ่งนิ้ว ความเร็วของไม้เรียวที่ฝ่าอากาศอาจสูงถึง 160 กม./ชม. ด้วยความแรงขนาดนี้ เมื่อหวายสัมผัสก้นเปลือย เนื้อก็ฉีก
การเฆี่ยนมีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เฝ้าดูทุกครั้ง เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะตรวจร่างกายก่อนว่าร่างกายพร้อมรับการลงโทษหรือไม่
ถ้าร่างกายไม่พร้อม นักโทษจะถูกส่งตัวไปที่ศาลใหม่ เพื่อให้ศาลตัดสินว่าจะยกเลิกการเฆี่ยน หรือเปลี่ยนการเฆี่ยนเป็นเพิ่มเวลาจองจำแทน แต่เพิ่มได้ไม่เกิน 12 เดือน
ในการเฆี่ยน นักโทษต้องแก้ผ้า โค้งตัวเข้ากับขาหยั่งไม้ เจ้าหน้าที่ติดอุปกรณ์ป้องกันแผ่นหลังส่วนล่าง เพื่อไม่ให้โดนหวายในตำแหน่งที่อาจก่ออันตรายต่ออวัยวะภายใน เช่น ไต หรือกระดูกสันหลัง ในกรณีที่หวดพลาด
การหวดเว้นระยะเวลา 30 วินาที ต้องหวดให้จบในรอบเดียว ไม่มีการต่อวันหลัง
ถ้าต้องหวดจำนวนครั้งสูง (สูงสุด 24 หวดต่อคดี) อาจใช้คอมมานโด 2-3 คน เพื่อให้แรงหวดเท่ากัน ไม่แผ่วลง
ระหว่างหวด ถ้าสภาพนักโทษไปต่อไม่ไหว เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะสั่งยุติการเฆี่ยน ส่งกลับไปที่ศาลพิจารณาใหม่
ในกรณีที่มีการเฆี่ยนนักโทษหลายคนในวันเดียวกัน คนที่มีโทษจำนวนหวดมากกว่าถูกเฆี่ยนก่อน นักโทษคนอื่นที่มีคิวการเฆี่ยนในวันนั้นก็จะได้รับเกียรติให้ฟังเสียงร้องของคนที่กำลังถูกเฆี่ยน เป็นผลทางจิตวิทยา
คนที่ได้รับมากกว่าสามหวด เมื่อเสร็จสิ้น ร่างกายมักเกิดภาวะช็อก
หลังเฆี่ยนเสร็จ จะได้รับครีมฆ่าเชื้อไปทาแผล และได้รับยาแก้ปวดและยาปฏิชีวนะ
นักโทษต้องนอนคว่ำไปหลายวันหรือเป็นอาทิตย์
แผลจะหายราวไม่เกินหนึ่งเดือน แต่แผลใจดำรงไปตลอดชีวิต
ไม่ว่าจะถูกเฆี่ยน 3 ทีหรือ 24 ที มันจะเป็นฝันร้ายไปตลอดชีวิต การรอการเฆี่ยน การเฆี่ยน การรักษาแผล กินเวลานาน และสร้างผลทางจิตวิทยาอย่างสูง ทำให้เข็ดหลาบ
ออกจากคุกไป ก่อนจะเอื้อมมือไปลวนลามหญิงสาวคนใด ก็อาจต้องคิดใหม่ เพราะเจ็บแบบนี้ จำได้แน่นอน
ในหลายประเทศ คนมีเงินไม่ค่อยกลัวการทำความผิด เพราะเงินซื้อได้ทุกอย่าง และมีปัญญาหาเงินมาจ่ายค่าปรับ แต่หากเจอไม้เรียว ไม่มีใครเอาด้วย
ไม่รู้พวกนักสิทธิมนุษยชนจะออกมาว่าอะไรหรือเปล่า
วินทร์ เลียววาริณ
5-11-25(อ่านเรื่องการลงโทษในสิงคโปร์เพิ่มเติมได้จาก สร้างชาติจากศูนย์
https://www.winbookclub.com/store/detail/248/สร้างชาติจากศูนย์
Shopee https://shopee.co.th/product/90206829/29061345680/1- แชร์
- 18
-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
ควันหลงจากการประชุมสุดยอดของผู้นำโลก ประธานาธิบดีสีแห่งจีนมอบของขวัญกับประธานาธิบดีลีแห่งเกาหลีใต้ เป็นสมาร์ทโฟนยี่ห้อ Xiaomi
ทำไม?
แน่ละ มันต้องมีนัย เพราะจีนสามารถมอบงานศิลปะสักชิ้นก็ได้ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ทำไมต้องมอบสมาร์ทโฟน และทำไมต้องเป็นเสี่ยวหมี่ ไม่ใช่หัวเหวย
อีกทั้ง Xiaomi 15 Ultra รุ่นนี้ก็ไม่ใช่รุ่นล่าสุด
หลังจากอ่านบทวิเคราะห์จำนวนหนึ่ง ก็สรุปสิ่งที่อ่านมาได้ดังนี้
การที่สีจิ้นผิงไม่เลือกให้สมาร์ทโฟนหัวเหวยเพราะหัวเหวยถูกสหรัฐฯหมายหัว และภาพลักษณ์ของหัวเหวยก็ไม่ดีเท่าไรในเกาหลีใต้
แล้วทำไมต้องเป็นสมาร์โฟน?
เพราะเสี่ยวหมี่รุ่น 15 Ultra นี้ หน้าจอผลิตโดยบริษัท LG ของเกาหลีใต้
ในปี 2023 สีจิ้นผิงไปเยือนโรงงานผลิตหน้าจอ LG ที่กว่างโจว ปกติผู้นำจีนไม่ไปงานแบบนี้ แต่นี่เป็นการส่งสัญญาณให้เกาหลีใต้ว่า "มาร่วมมือทางเศรษฐกิจกันเถอะ"
การมอบเสี่ยวหมี่รุ่น 15 Ultra เท่ากับบอกเกาหลีใต้ว่าทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันทางเศรษฐกิจได้ และจากเศรษฐกิจ ก็สามารถเป็นเรื่องดีอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ก็ต้องการให้จีนช่วยคลี่คลายความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี
จีนกำลังชี้ว่าทั้งเกาหลีใต้และจีนถูกสหรัฐฯกดดัน ความขัดแย้งทางการเมืองโลกเพื่อให้สหรัฐฯเป็นเจ้าโลกแต่เพียงผู้เดียว ไม่ทำให้พลเมืองโลกดีขึ้น แต่ปากท้องอิ่มช่วยได้แน่นอน แล้วจะทะเลาะกันทำไม?
วินทร์ เลียววาริณ
4-11-251- แชร์
- 18
-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
พูดถึง จอห์น วิลเลียมส์ ดูหนัง Schindler’s List แล้วค่อยแต่งดนตรีประกอบ ทำให้นึกถึงการทำงานของ 'Maestro' เอนนิโอ มอร์ริโคเน ที่อาจแตกต่างจากนักแต่งเพลงคนอื่นๆ
นั่นคือไม่จำเป็นต้องดูหนังก่อน ก็กดปุ่มแต่งเพลงได้
เอนนิโอ มอร์ริโคเน ทำงานกับผู้กำกับ Sergio Leone หลายเรื่อง (ทั้งสองเรียนชั้นประถมด้วยกัน) และมักแต่งเพลงให้ก่อนถ่ายทำ เช่น ชุด Dollars Trilogy และ Once Upon a Time in the West
เซอร์จิโอมักเอาเพลงที่แต่งเสร็จไปเปิดผ่านลำโพงตอนถ่ายทำ เพื่อสร้างอารมณ์และบรรยากาศให้นักแสดง
บางครั้งเซอร์จิโออธิบายตัวละครให้มอร์ริโคเนฟัง ก็เอาไปแต่งเป็นเพลงได้
ส่วนมากมอร์ริโคเนจะอ่านบทก่อน แล้วค่อยแต่ง เช่น The Hateful Eight ของ เควนติน ทาแรนติโน
ทาแรนติโนคารวะซือแป๋คนนี้มาก เพราะเห็นฝีมือมานาน และใช้เพลงของซือแป๋ในหนังหลายเรื่องของเขา เช่น Kill Bill: Vol. 1, Kill Bill: Vol. 2, Death Proof, Inglourious Basterds
สำหรับ The Hateful Eight เควนตินบอกซือแป๋ว่าจัดเต็มเลย ให้แต่งเพลงยังไงก็ได้ ไม่แทรกแซง
สรุปก็คือ Maestro ทำงานแบบยืดหยุ่น ยังไงก็ได้ ทำได้หมด
และการยืดหยุ่นครั้งสำคัญคือเรื่อง Once Upon a Time in America ของเซอร์จิโอ ซือแป๋ขายของเก่าที่แต่งให้หนังเรื่องอื่น แต่ถูกปฏิเสธ ไปขายให้เซอร์จิโอ คือเพลง Deborah's Theme ไพเราะมาก!
ฝีมือแบบกดปุ่มได้อย่างนี้ ทำให้ตลอดชีวิตการทำงาน ซือแป๋เขียนเพลงไปแล้วราว 600 เพลง
วินทร์ เลียววาริณ
5-11-250- แชร์
- 12
-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้บอกชื่อนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชั้นยอดของโลกสามคน บางคนสงสัยว่าทำไมชื่อ จอห์น วิลเลียมส์ จึงไม่อยู่ในรายการ
แน่นอนผมชอบงานของ จอห์น วิลเลียมส์ แต่เมื่อจัดรายการ Top 3 จะมองที่ภาพรวมงานทั้งหมด ในรสนิยมส่วนตัว
จอห์น วิลเลียมส์ ย่อมเป็นเซียนคนหนึ่ง ผมชอบหลายเพลง โดยเฉพาะ Schindler’s List ฟังแล้วขนลุก ไม่รู้คิดออกมาได้อย่างไร
จอห์น วิลเลียมส์ มีประสบการณ์นานกว่าหกทศวรรษ ทั้งในโลกภาพยนตร์และดนตรีคลาสสิก กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน
เมื่อ สตีเวน สปีลเบิร์ก สร้างหนังเรื่อง Schindler’s List ในปี 1993 นั้น เขาขอให้ จอห์น วิลเลียมส์ ช่วยทำงานชิ้นนี้
แต่พอ จอห์น วิลเลียมส์ เห็นหนังที่ตัดต่อแล้วเรื่องนี้ก็บอกว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างดนตรีประกอบหนังที่สื่อสารแรงเช่นนี้ เขาว่า “คุณต้องหาคนแต่งเพลงที่เก่งกว่าผมแล้วละ”
หนังคุณภาพระดับนี้ไม่มีโอกาสมาเยือนบ่อย ๆ จึงไม่ใช่เรื่องปกติที่ยักษ์ใหญ่ระดับนี้จะถ่อมตัวว่าตัวเองไม่เก่งพอ
สตีเวน สปีลเบิร์ก ตอบว่า “ผมรู้ แต่พวกนั้นตายหมดแล้วนี่!”
มือหนึ่งจึงต้องลงมือทำงาน
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนที่อยากได้เกียรติยศ หน้าตา ความเด่นดัง เป็นที่ยอมรับในกลุ่มพรรคพวกและวงการของตน ความถ่อมตนเป็นคุณสมบัติที่ตรงกันข้ามกับทั้งหมดนี้ ดังนั้นจึงปฏิบัติยาก โดยเฉพาะเมื่อใครคนนั้นเก่ง มีความสามารถพิเศษ ทำงานได้ดีกว่าคนอื่น ๆ และอยู่ในสังคมที่กระตุ้นให้มีการแข่งขันกัน เน้นการสร้างตัวตนที่โดดเด่น
ช่วงที่ทำงานในสหรัฐอเมริกา ผมไม่เคยเจอฝรั่งสักคนที่ถ่อมตัว แม้จะไม่ถึงขั้นโอ้อวดก็ตาม อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมที่สอนให้กล้าแสดงออก จนทำให้ดูเหมือนคนฝั่งตะวันตกจะมีความก้าวร้าวสูงกว่า และความถ่อมตนน้อยกว่าโลกฝั่งตะวันออกอยู่บ้าง
มาถึงวันนี้ ภาพคนกล้าพูด กล้าแสดงออก และกล้าโชว์สิ่งที่คิดว่าตนเองมีดีไม่ได้จำกัดที่ฝั่งตะวันตกอีกต่อไป เราพบว่าฝั่งตะวันออกก็มีคนรุ่นใหม่ไม่น้อยที่ถือคติ ‘มีดีต้องอวด’ รวมทั้งพวกที่ ‘ไม่มีดีก็อวด’
ตรงกันข้ามกับทัศนคติของคนที่เชื่อว่าความถ่อมตนเป็นคุณสมบัติของคนอ่อนแอ ขี้หงอ จึงต้องยอมอ่อนข้อให้คนอื่น ความถ่อมตนเป็นคนละเรื่องกับความอ่อนแอ
มีแต่คนเข้มแข็งจึงสามารถถ่อมตัวได้
ความถ่อมตนมิใช่ความไม่มั่นใจ ตรงกันข้าม ผู้ที่ถ่อมตนอาจมีความมั่นใจสูงยิ่งก็ได้
ความถ่อมตนยังแสดงถึงระดับความมั่นคงของคนคนนั้น ถ่อมตัวไม่ได้แปลว่าเสียศักดิ์ศรีแต่ประการใด ผู้มีอำนาจก็สามารถถ่อมตนได้
ในปรัชญาของขงจื๊อ การถ่อมตัวจัดว่าเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง ขงจื๊อสอนให้คนถ่อมตัว อย่าอวดดี ให้ลงมือทำมากกว่าพูด
ขงจื๊อเห็นว่าการถ่อมตนเป็นการเคารพตัวเอง และเข้าใจว่าตนเองอาจผิดพลาดได้ เมื่อกล้ายอมรับหรือเปิดใจรับว่าตนเองอาจผิดพลาดได้ ก็จะกล้าเปิดใจรับความเห็นของคนอื่น และเปิดทางให้ตัวเองได้พัฒนาสูงขึ้นไป
ในปีนั้น ภาพยนตร์ Schindler’s List ปรากฏต่อสายตาชาวโลกพร้อมดนตรีประกอบของ จอห์น วิลเลียมส์ สวยงาม เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ติดตราลึกในใจหลังดูหนังจบ
แปลก! โลกเราไม่ค่อยพอดี บางคนคิดว่าตัวเองไม่เก่งทั้งที่จริงเป็นเซียน!
วินทร์ เลียววาริณ
5-11-25......................
บางท่อนจาก ชีวิตคือปาฏิหาริย์!
36 บทความกำลังใจ
175.- บทความละ 4.8 บาท
https://www.winbookclub.com/store/detail/103/ชีวิตคือปาฏิหาริย์!1- แชร์
- 12
