• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    เป็นผู้นำในเวทีโลกไม่ง่าย เพราะบางครั้งต้องตอบคำถามที่ไม่อยากตอบ แต่ถ้าไม่ตอบก็แสดงว่าอ่อนหัด ตอบผิดก็โดนด่า ตอบถูกก็โดนด่าเช่นกัน

    ใช่ เรากำลังพูดถึงเรื่องการแสดงความเห็นของนายกฯหญิงญี่ปุ่น ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดของสองชาติ หนังม้วนนี้ยังไม่จบ ตอนนี้มีอย่างน้อยอีกหนึ่งชาติที่โดนลากมาเกี่ยว

    สิงคโปร์

    เมื่อวานนี้นักข่าวถามนายกฯสิงคโปร์ ลอว์เรนซ์ หว่อง ว่าคิดยังไงกับความเห็นของนายกฯญี่ปุ่น สิงคโปร์มีจุดยืนอย่างไร

    นายกฯหว่องก็ตอบกลางๆ ไปหลายคำถาม แต่คำตอบที่ถูกคนสิงคโปร์ด่าคือ "อย่าเมาค้างไปกับประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง" (overhang of the history of World War II, which still remains between the two countries.)

    และ "วางประวัติศาสตร์ในอดีตลงก่อน"

    สิงคโปร์มีคนจีนจำนวนมาก และยังไม่ลืมสิ่งที่ทหารญี่ปุ่นฆ่าหมู่คนสิงคโปร์ในปฏิบัติการซุกชิง (肅清 / Sook Ching) ตายไปหลายหมื่นคน

    จะให้ลืมน่ะทำไม่ได้

    พูดอย่างนี้เข้าข้างญี่ปุ่นหรือเปล่า เอาใจสหรัฐฯหรือเปล่า

    ส่วนคนจีนก็ด่าว่า "มายุ่งอะไรกับเรื่องครอบครัวกู"

    คำถามนี้ตอบไม่ง่าย มันมีเรื่องการทูตมาเกี่ยว เพราะสิงคโปร์ลงทุนเยอะในจีน และมีธุรกิจกับญี่ปุ่น

    ตรงนี้ที่ทำให้คิดถึงลีกวนยู น่าคิดว่าหากลีกวนยูยังอยู่ จะตอบคำถามนี้อย่างไร เพราะลีกวนยูเกือบถูกทหารญี่ปุ่นฆ่าตาย และโดนทหารญี่ปุ่นตบหน้า

    ลีกวนยูบอกว่าภาพญี่ปุ่นกระทำทารุณกรรมกับชาวบ้าน ไปจนถึงยิงทิ้งศัตรูอย่างเลือดเย็น ตราในใจเขาตลอดชีวิต กระนั้นเขาก็ต้องก้าวข้ามอดีต และเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น

    แต่จะตอบนักข่าวยังไง โดยรักษาน้ำใจของทั้งสองฝ่าย และต้องไม่ตอบโง่ๆ ด้วย

    ไม่ง่าย

    การเป็นผู้นำประเทศต้องพร้อมรับคำถามที่มาอย่างคาดไม่ถึง และต้องรักษาน้ำใจของทุกฝ่าย

    นี่เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง

    เป็นนายกฯในประเทศง่าย แต่ถ้าจะออกสู่เวทีโลก ต้องรู้มาก รู้ลึก เฉียบไว และมองภาพกว้าง

    แต่ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมคงจะตอบว่า "ที่ญี่ปุ่นพูดก็ถูก ที่จีนแย้งก็ถูก"

    "คุณเอาอะไรมาตอบเนี่ย?"

    "เอามาจากหนังสือ มังกรเซน เป็นวิธีคิดมองโลกอย่างเซนว่า โลกนี้ไม่มีผิดหรือถูก มังกรเซนเป็นหนังสือหนา 320 หน้า ลดเหลือ 400.- มีจำหน่ายที่เว็บ วินทร์ เลียววาริณ และ Shopee ก็มีจ้ะ เตง"

    วินทร์ เลียววาริณ
    26-11-25

    0
    • 0 แชร์
    • 21
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    สองวันนี้วุ่นๆ กับเรื่องข่าวน้ำท่วม เครียดพอสมควร วันนี้มาเริ่มต้นวันใหม่ด้วยเรื่องเบาๆ ดีกว่า ต่อจากที่คุยวันก่อน

    ทำอย่างไรจึงชงชาเขียวให้อร่อยที่สุด

    ผมเองไม่รู้หรอกครับ ผมชงชาเขียวง่ายๆ ต้มน้ำร้อน พอเดือด ก็เทลงในถุงชาเขียวหรือใบชาเขียว

    แต่เพิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่วิธีที่จะได้รสชาเขียวแบบดีที่สุด

    ปรมาจารย์ชาเขียวแห่งเกียวโตสอนว่า วิธีชงชาเขียวให้ได้รสชาติดีที่สุดคือใช้น้ำร้อน 70 องศาเซลเซียส แช่ใบชาในกานานหนึ่งนาที ก็รินดื่ม

    หากต้องการรสเข้มอีกนิด ก็ต่อได้เต็มที่หนึ่งนาทีครึ่ง

    70 องศาเซลเซียสนี่ร้อนขนาดไหน?

    ก็ลองเอานิ้วแหย่ลงไปในน้ำต้ม ถ้านิ้วพองก็แสดงว่าเกิน 70 องศา ถ้าพอทน ก็แสดงว่าใช้การได้

    ล้อเล่นน่า อย่าไปทำจริงล่ะ แต่ถ้าทำจริง ก็อย่าดื่มชาเลย ไปดื่มชาเขียวแบบหวาน ๆ ต่อไปเถอะ เพราะแสดงว่าสมองขาดน้ำตาล

    แต่ถ้าเป็นหญิงสาว อยากรู้ว่าแฟนรักไหม ก็พิสูจน์ได้ โดยให้แฟนช่วยจุ่มนิ้วในน้ำร้อน สามารถพิสูจน์ได้ถึงสามประการ

    ประการหนึ่ง พิสูจน์ว่าน้ำร้อนได้ที่หรือไม่

    ประการหนึ่ง พิสูจน์ว่าเขารักเราจริงหรือไม่

    และประการสุดท้าย หากเขายอมจุ่มนิ้วในน้ำร้อน ก็พิสูจน์ว่าสติปัญญาของเขาไม่สูงเท่าที่ควร สมควรเป็นคู่ชีวิต

    ไม่น่าเชื่อ ชงชาเขียวมีประโยชน์ถึงขนาดนี้!

    ผมเองใช้วิธีกะเอา พอต้มน้ำเดือดปุด ๆ (100 องศา) แล้ว ก็รอสัก 2-3 นาทีก่อนเทน้ำลงในกา คะเนว่าน่าจะได้ 70 องศา

    ปรมาจารย์ยังบอกว่า หยดสุดท้ายจากกาจะอร่อยที่สุด

    เรื่องนี้คงต้องเชื่อพวกญี่ปุ่น พวกนี้จะทำอะไรก็ศึกษาอย่างละเอียดถ่องแท้

    เอาละ ก็เรียนมาเพื่อให้คอชา เอ๊ย! คอน้ำชาและคนที่กำลังจะเริ่มดื่มชาเขียวทั้งหลายทราบวิธีชงชา

    ส่วนวิธีชงเรื่องให้เจ้านาย รัฐมนตรี ไปจนถึงนายกรัฐมนตรีเซ็นนั้น ผมมิทราบ และมิขอทราบ

    เรื่องวิธีชงเรื่องบริการพิเศษในคุก ผมก็มิทราบ และมิขอทราบ

    เคี้ยกเคี้ยก

    วินทร์ เลียววาริณ
    26-11-25

    2
    • 0 แชร์
    • 23
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    ปัญหาหนึ่งของผู้ประสบภัยน้ำท่วมทางใต้บางครอบครัวคือ ติดอยู่ในบ้าน ออกมาไม่ได้ มีผู้ป่วย ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ต้องการอาหารและยา

    ท่านสามารถโทร.ไปที่หน่วยทหารตามนี้

    ศภบ.มทบ.42

    074-232145-8
    098-223-3364
    061-586-5574
    074 58 6685
    098 2233 364
    061 586 5574
    074 23 2145-8

    หรือให้ข้อมูลใน แพลทฟอร์ม jitasa.care 

    (ถ้าข้อมูลผิดหรือมีเพิ่มเติม หรือช่องทางอื่น ช่วยแจ้งมาด้วย จะได้แก้ไข)

    สำหรับคนที่เครื่องมือสื่อสารดับไปด้วย ญาติพี่น้องหากติดต่อไม่ได้ ก็ควรเป็นคนแจ้งเอง กันไว้ก่อน

    หลายคนหลายฝ่ายก็พยายามช่วยอยู่ ผมมีเพื่อนทางใต้ที่ช่วยส่งทีมคนไปช่วยทางเรือ คนที่ประสบภัยหากได้ข่าวนี้ ก็อดทนหน่อย

    วินทร์ เลียววาริณ
    25-11-25

    2
    • 1 แชร์
    • 32
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    ปีนี้จังหวัดสงขลาประสบอุทกภัยร้ายแรง พวกเราอยู่เมืองหลวง ห่างไกลสายฝน เดินตากลมเย็นๆ ก็สามารถช่วยคนใต้ได้

    ท่านสามารถบริจาคทั้งอาหาร และหรือเงินดังนี้

    1 อาหาร

    ถ้าเป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร อาจเป็นของสดทุกชนิด โดยเฉพาะไข่ไก่ / เครื่องปรุง (ฮาลาล)

    ถ้าเป็นอาหารแห้งสำหรับจัดทำถุงยังชีพ อาจเป็นข้าวสาร มาม่า อาหารประป๋อง นม ไข่ ขนม น้ำดื่ม ยาสามัญ ฯลฯ

    รับบริจาคทุกวัน เวลา 09.00 - 16.00 น. 
    ณ อาคารร่มศรีตรัง (ตรงข้ามศูนย์อาหารโรงช้าง) 
    ม.อ. หาดใหญ่

    ....................

    2 บริจาคเงินกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

    บัญชี : ธนาคารไทยพาณิชย์
    ชื่อบัญชี : สงขลานครินทร์เพื่อผู้ประสบภัย
    เลขที่บัญชี : 565-471106-1


    สอบถามข้อมูล 087-287-8713 (คุณเยาวลักษณ์)

    ป.ล. ใครเจอมิจฉาชีพสวมรอยการบริจาคที่จุดไหน ก็แจ้งให้เพื่อนๆ รู้ด้วย จะได้ระวัง

    2
    • 0 แชร์
    • 23
  • วินทร์ เลียววาริณ
    3 วันที่ผ่านมา

    ก่อนไปคุยเรื่องจีนจะครองโลกหรือไม่ ขอเสริมเรื่องนานกิงก่อน จะได้ต่อเนื่องกัน

    สิ่งเลวร้ายที่ทหารญี่ปุ่นกระทำที่นานกิง ไม่ใช่มีแต่คนจีนที่รับไม่ได้ ทหารญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งก็รับไม่ได้

    ทหารหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ฮิโรชิ ยามะซากิ เป็นหนึ่งในทหารญี่ปุ่นหนึ่งหมื่นห้าพันคนที่ข้ามทะเลมายึดเมืองจีน

    เขาเป็นสัตวแพทย์ ทำงานในหน่วยเสนารักษ์ กองพลที่ 10 ดูแลสัตว์สงคราม

    เวลานั้นกองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์ชายฉกรรจ์จากทุกบ้าน บ้านละคน ฮิโรชิเป็นลูกชายคนเล็ก ยังเป็นโสด จึงเข้าร่วมกองทัพเพื่อให้พี่ชายที่มีครอบครัวไม่ต้องไปรบ

    กองทัพญี่ปุ่นเข้าล้อมกรุงปักกิ่งและเทียนจิน ที่ปักกิ่ง ฮิโรชิอยู่ในเหตุการณ์ที่หลูโกวเฉียวหรือสะพานมาร์โค โปโล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามจีน-ญีปุ่นที่กินเวลาแปดปี

    ฮิโรชิถูกส่งไปประจำการที่เทียนจิน ตลอดหกเดือนนั้นเขาพบความโหดเหี้ยมของทหารฝ่ายตน เขาเริ่มคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ที่นั่น

    ปลายปีนั้นกองพลที่ 10 เคลื่อนกำลังไปที่เมืองนานกิง นายทหารชั้นสูงอนุญาตให้เหล่าทหารฆ่า ปล้น และข่มขืนผู้หญิงจีนได้ตามใจชอบ พลเรือนชาวจีนที่นานกิงจำนวนสามแสนคนถูกฆ่าหมู่ ปล้นสะดม และถูกข่มขืน ฮิโรชิไม่เคยคาดคิดว่ามโนธรรมของทหารแต่ละคนจะขาดวิ่นได้ถึงเพียงนี้

    เขาเรียนรู้ว่าสงครามเป็นเรื่องไร้สาระ สงครามไม่เคยมีเกียรติและศักดิ์ศรี เพราะเกียรติยศและชาตินิยมจะมีค่าอะไรหากต้องพรากชีวิตผู้อื่น และทำให้คนอื่นบ้านแตกสาแหรกขาด

    ฮิโรชิรู้แล้วว่าเขาเกลียดสงคราม และทนไม่ได้ที่เพื่อนทหารทำต่อคนจีนอย่างไร้มนุษยธรรม

    วันหนึ่งเขาเห็นเพื่อนทหารในหน่วยบีบคอเด็กทารกคนหนึ่ง เขาพยายามช่วยชีวิตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จ ทารกคนนั้นเสียชีวิต

    คืนนั้นฮิโรชิก็หนีออกจากค่ายทหาร ก้าวข้ามเส้นพรมแดนแห่งความรู้ผิดชอบชั่วดี หนีจากอสูรร้ายคืนสู่ความเป็นมนุษย์เขามุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก สู่คาบสมุทรซานตงซึ่งใกล้ญี่ปุ่นที่สุด ตั้งใจจะหาทางข้ามทะเลกลับบ้าน

    เขาเดินทางหลายวัน จนในที่สุดก็หมดแรงล้มลง หากไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ เขาจะตายเพราะขาดอาหาร

    ชาวบ้านชาวจีนสูงอายุครอบครัวหนึ่งช่วยชีวิตเขา ให้อาหารเขากิน มอบเสื้อผ้าเก่า ๆ และเสบียงพอประทังชีวิตระหว่างเดินทางต่อ

    เขารู้สึกแปลกใจที่ชาวจีนช่วยเหลือเขาทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นทหารญี่ปุ่นที่ทำร้ายชาวจีนอย่างแสนสาหัส เขาไม่อยากเชื่อว่าโลกยังมีคนที่ตอบแทนศัตรูด้วยความดี เขาโค้งคำนับชาวบ้านผู้อารี แล้วจากไปทั้งน้ำตา

    ภาพทหารญี่ปุ่นทำเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ในเมืองจีน และภาพคนจีนใจอารีช่วยชีวิตเขา ขัดแย้งกันอยู่ภายในใจเขาตลอดชีวิต

    ด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้านตลอดทาง เขาเดินทางไปถึงจีหนาน เมืองหลวงของซานตง

    ความช่วยเหลือของศัตรูทำให้เขาลังเลที่จะกลับบ้านเกิด เขาใช้ชื่อปลอมและหางานทำ ได้งานเป็นคนเฝ้าโกดังก่อสร้างทางรถไฟของญี่ปุ่น ผู้จัดการโครงการเป็นคนญี่ปุ่น

    ด้วยมโนธรรม เขาช่วยคนงานชาวจีนที่อดอยากขโมยของในคลัง ในที่สุดก็ถูกจับได้ เขาถูกทุบตีอย่างหนัก แต่ก็ไม่ยอมเผยชื่อของคนงานเหล่านั้น การกระทำของเขาทำให้คนจีนรู้สึกว่าชายญี่ปุ่นผู้นี้ต่างจากคนญี่ปุ่นอื่น ๆ

    ฮิโรชิผ่านชีวิตหลายปีต่อมาบนแผ่นดินศัตรูจนสงครามสิ้นสุด เขามีโอกาสกลับบ้าน แต่เขาเลือกไม่หวนกลับไป เขาเลือกที่จะไม่ถือสัญชาติญี่ปุ่นอีก

    ความรักชาติพาเขามาถึงประเทศนี้ ความรักชาติอีกเช่นกันทำให้เขาอยู่ต่อ

    เขาจะอยู่ต่อเพื่อลบล้างบาปของชนชาติเขา

    เขาใช้ชื่อหมอซาน แล้วเริ่มรักษาคนป่วย นี่คือหนทางล้างบาปของเขา

    เขาอาศัยอยู่ที่จีหนานนานต่อมาอีกเจ็ดสิบปี ใช้ชีวิตที่เหลือช่วยเหลือชาวจีน ทำงานในศูนย์แพทย์จีหนานและโรงพยาบาลชุมชน เขาเปิดคลินิกรักษาคนป่วย ส่วนมากไม่คิดค่ารักษา

    เขาผ่านช่วงเวลาความผันผวนทางการเมืองในจีน การรบกันระหว่างฝ่ายก๊กมินตั๋งกับคอมมิวนิสต์ จนเมื่อเหมาเจ๋อตงยึดเมืองจีนสำเร็จ เปลี่ยนประเทศเป็นคอมมิวนิสต์ เขาก็ยังอยู่ต่อไป เพราะไม่ว่าใครชนะ ชาวบ้านก็เดือดร้อนเหมือนกัน สงครามไม่ว่าจะก่อกับชาติศัตรูหรือชาติเดียวกัน สร้างผลลัพธ์เดียวกัน

    เขาแต่งงานกับหญิงสาวชาวจีน และมีครอบครัว เขาไม่เคยเล่าอดีตของเขาให้ลูกฟัง จนนานปีหลังจากนั้น ลูกพบความจริงโดยบังเอิญ

    หลังจากประเทศจีนกับญี่ปุ่นปรับความสัมพันธ์ทางการทูตใหม่ในช่วงทศวรรษ 70 เขาเดินทางกลับญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสี่สิบปี แต่เขาก็ไม่ปักหลักที่บ้านเกิด เขาหวนกลับเมืองจีนเพื่อทำงานของเขาต่อไป

    การล้างบาปยังไม่จบ

    คลินิกเล็ก ๆ ของเขามีคนไข้วันละ 20-30 คน สังขารที่ร่วงโรยทำให้งานตรวจคนไข้ลดลงเหลือวันละสามชั่วโมง สัปดาห์ละหกวัน เขาตรวจอาการคนไข้ทีละคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส คนไข้หลายคนเป็นเด็ก หมอซานก็สั่งให้เด็กอ้าปาก ดูคอ สั่งจ่ายยา เหมือนคุณทวดใจดี

    เขาเป็นทหารที่เรียนรู้ว่าคุณค่าของการเป็นทหารมิได้อยู่ที่การใช้อาวุธพรากชีวิต แต่อยู่ที่รู้จักวางอาวุธเพื่อรักษาชีวิต

    และเขาก็เรียนรู้ว่าเครื่องมือรักษาสันติภาพของโลกมิใช่สงคราม แต่คือสันติภาพ

    ความเมตตาไม่มีเส้นสมมุติ หัวใจมนุษย์ไม่มีเส้นพรมแดน

    หมอซานทำงานจนวาระสุดท้ายของชีวิต เขาตายอย่างสงบในเมืองจีนเมื่อปี 2010 อายุ 103 ปี

    เพราะโลกนี้ยังมีคนที่รู้จักแยกผิดแยกถูก ท้องฟ้าจึงยังไม่หมองหม่นเกินไปนัก

    และเพราะโลกนี้ยังมีคนที่กล้าสลัดชาตินิยมที่เกาะกินวิญญาณ แล้วกระทำสิ่งดี ๆ เพื่อเพื่อนมนุษย์ เราจึงยังพอเห็นแสงดาวชำแรกฟ้ายามมืดมิด

    .....................
    หมายเหตุ เรื่องของ ฮิโรชิ ยามะซากิ (山崎宏) เผยแพร่ในวงแคบมาก ทำให้ยากจะตรวจสอบว่าส่วนใดเป็นเรื่องจริง ส่วนใดเป็นตำนานเสริมแต่ง บทความนี้เขียนอิงข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ China Daily July 7, 2009 และหนังสือ Japanese  War Orphans in Manchuria: Forgotten Victims of World War II โดย Mayumi Itoh

    วินทร์ เลียววาริณ
    24-11-25

    อ่านฉบับเต็มได้จากหนังสือ วีรบุรุษที่เราลืม เล่มนี้รวมเรื่องราวชีวิตของคนดีหลายคนที่ช่วยโลก เช่น นิโคลาส วินตัน, ออสการ์ ชินด์เลอร์ ฯลฯ

    เล่มนี้แจกฟรีเมื่อซื้อชุดสารคดี ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม 1-5 (5 เล่ม) 
    เหมาะสำหรับเก็บประจำบ้าน ให้ลูกหลานประกอบการเรียน
    1,000 บาท จากราคาปก 1,605.-
    แต่ละเล่มหนา 256 หน้า (รวม 1,536 หน้า) 
    รวม 6 เล่ม 118 เรื่อง = เรื่องละ 8.4 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
    ทุกเล่มมีลายเซ็นนักเขียน  เหมาะเป็นของขวัญ
    หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว

    สั่งทาง Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6 

    สั่งทางเว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/176/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B9%91-%E0%B9%95%20+%20%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9 

    2
    • 1 แชร์
    • 36