-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
รูปพวกนี้สเก็ตช์ไว้ในช่วงปี พ.ศ. 2559 - 2560
ส่วนมากสเก็ตช์เร็ว เพราะตั้งใจจะรวมเล่มพร้อมข้อเขียน จึงมี deadline สั้นมาก
ก็รวมเล่มสำเร็จตอนต้นปี 2560 ชื่อหนังสือ ท่ามกลางประชาชน : เรื่องเล็ก ๆ ในรัชสมัยอันยิ่งใหญ่
เป็นบันทึกความรู้สึกมากกว่าบันทึกเหตุการณ์ เป็นไดอารีมากกว่าประวัติศาสตร์
และเป็นหนังสือที่บอกตัวเองว่า "ต้องทำ"
นี่ก็ผ่านมาแปดปีแล้ว
เห็นเหตุการณ์น้ำท่วมทางใต้แล้ว คิดถึงพระองค์
วินทร์ เลียววาริณ
5 ธันวาคม 25680- แชร์
- 2
-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ รำลึกถึงมหาราชาบนฟ้า
0- แชร์
- 4
-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
ลบหนังเกี่ยวกับเกมโชว์ในโลกอนาคตทั้งหมดออกจากหัวก่อน มันคือปี 1973 นักเขียนคนหนึ่งนั่งเขียนนวนิยายเกี่ยวโลกอนาคต เขาจินตนาการเกมโชว์เกมหนึ่ง มันเป็นการแข่งขันล่าและฆ่า โดยมีรางวัลเป็นตัวล่อ เขาตั้งชื่อเรื่องว่า The Running Man เกือบสิบปีต่อมา มันจึงได้รับการตีพิมพ์ (1982) ชื่อนักเขียนคือ Richard Bachman
Richard Bachman ก็คือนามปากกาของ สตีเฟน คิง
หากเราดู The Running Man ใน พ.ศ. นี้ จะพบว่ามันไม่มีอะไรใหม่ เพราะมีหนังแนวนี้มากมาย แต่หากถือว่าใครคนหนึ่งคิดคอนเส็ปต์นี้เมื่อ 52 ปีก่อน ก็ถือว่าไม่ธรรมดา
นับว่า สตีเฟน คิง มาก่อนกาล นานก่อนยุค Squid Game
ดังนั้นในหนังรีเมก The Running Man ฉบับปี 2025 จะวิจารณ์เสมือนหนึ่งเราไม่เคยดูหนังแนวนี้มาก่อน เรากำลังดูมันในปี 1973
เนื้อเรื่องคร่าวๆ คือ ในโลกอนาคต สหรัฐฯกลายเป็นรัฐตำรวจ ผู้คนถูกควบคุมทุกอย่าง ในความมืดหม่น มีเกมโชว์ชื่อดังคือ The Running Man กติกาคือผู้เล่นจะถูกตามล่าหมายชีวิต แต่หากสามารถรอดชีวิตจากการถูกตามฆ่าได้หนึ่งเดือน จะได้เงินรางวัลมหาศาล
หนังเดินเรื่องเร็ว ไล่ล่าฆ่ากันตายฉับไว หักมุมเป็นระยะ ดังนั้นหากดูเอาความบันเทิง ก็ถือว่าสอบผ่าน
แต่คนเขียนบทกลับพลิกเรื่องให้เป็นหนังสะท้อนและเสียดสีสังคมและสื่อแบบเจ็บปวด
และทำได้ดีในระดับหนึ่ง ทำให้ The Running Man ฉบับปี 2025 ลึกกว่าที่คิด (สตีเฟน คิง บอกว่าเขาชอบเวอร์ชั่นนี้มากกว่าเวอร์ชั่นก่อน)หนังมีจุดอ่อนและจุดเยิ่นเย้อหลายตอน แต่เนื่องจากภาพรวมแข็งแรง หนังจึงเอาอยู่ (คะแนนหนังสถาบันต่างๆ เห็นต่างจากความเห็นของผม เรื่องนี้คะแนนไม่สูงมาก)
The Running Man สื่อว่าเกมโชว์กับการเมืองก็เป็นเรื่องเดียวกัน เกมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เจ้าของเกมสามารถบิดเบือนแก้กติกาใหม่ได้เสมอ เพื่อบรรลุเรทติ้ง
หากเรามองการเมืองสหรัฐฯในเวลานี้ มันก็คือเกมโชว์ The Running Man นั่นเอง ฆ่ากันอย่างถูกกฎหมาย พรีเซนเตอร์เกมโชว์คือท่านประธานาธิบดี เจ้าของเกมโชว์คือ Deep State ที่คุมประธานาธิบดีอีกทีหนึ่ง สามารถสั่งฆ่าทุกคนทุกกลุ่มทุกประเทศตามปรารถนา (และดูเหมือน The Running Man ที่กำลังวิ่งหนีอยู่ชื่อมาดูโร น่าจะวิ่งไม่รอดถึงหนึ่งเดือน ส่วน The Running Man ชื่อปูติน วิ่งเกินหนึ่งเดือนไปแล้ว)
เมื่อมองดูว่าคอนเส็ปต์หนังคิดเมื่อ 52 ปีก่อน และไม่นำไปเปรียบกับเรื่องอื่นๆ ที่มาทีหลัง ก็ถือว่าเก่ง สตีเฟน คิง นายแน่มาก!
8/10
ฉายในโรงภาพยนตร์วินทร์ เลียววาริณ
4-12-25วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
(มาตรการให้คะแนนของ วินทร์ เลียววาริณ : ความคิดสร้างสรรค์ + สาระ + ศิลปะการเล่าเรื่อง)
1- แชร์
- 25
-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
(ดูจบจนได้เมื่อคืนนี้ นี่คือรีวิว)
ฮอลลีวูดเป็นเจ้าแห่งการรีไซเคิลและรีเมก ซ้ำไปซ้ำมา จนคนที่ดูหนังเป็นกิจวัตรประจำ (อย่างผม) ต้องถามว่า "คิดอะไรใหม่ไม่ได้แล้วหรือ มันยากขนาดนั้นเชียวหรือ"
หนังเรื่อง Life ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการรีไซเคิล พล็อตเรื่องมีบรรทัดเดียว "สัตว์ประหลาดต่างดาวฆ่าคนในสถานีอวกาศ"
จุดเดียวที่แตกต่างคือพล็อตที่หักมุมจบและรายละเอียดปลีกย่อย
หนังเดินเรื่องเรียบๆ อารมณ์ประมาณ Sunshine สร้างความตื่นเต้นได้เป็นระยะ ก็อารมณ์ประมาณ Alien หนังมีฉาก emotion ความเสียสละ อารมณ์ประมาณ The Abyss และจบอารมณ์ประมาณ Gravity
ถามว่าสนุกไหม? ก็สนุกดี หนังดีไหม? ก็ไม่เลว ดีกว่าที่คาด จบดีไหม? จบดี แต่ไม่เกินคาด เพราะหากไม่จบแบบนี้ ทั้งเรื่องจะไม่มีไคลแม็กซ์ที่น่าจดจำ นี่เป็นการจบที่ดีที่สุดแล้ว แต่แค่นี้ยังไม่พอ
โดยเนื้อเรื่อง หนังเรื่องนี้ควรสร้างเป็นตอนย่อยหนึ่งตอนในชุด Love Death + Robots จะเหมาะที่สุด เพราะไม่มีความจำเป็นต้องสร้างยาว 104 นาที แค่ 14 นาทีก็เหลือพอแล้ว
ต่อให้สร้างเป็นหนังสั้น หากเทียบกับไซไฟหลายเรื่องใน Love Death + Robots แล้ว Life ก็ยังจัดว่าแผ่ว ยกตัวอย่างเรื่อง Beyond the Aquila Rift ในชุดนี้ หนังสั้น แต่ใหม่สด เรื่องตื่นเต้นและหักมุม คาดไม่ถึง เป็นหนังเกรด A+
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจหลังดูหนังคือคำถามเรื่องการเผชิญหน้ากับสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาว มีความคิดหนึ่งว่า จะดีหรือที่เราพยายามค้นหาชีวิตนอกโลก เพราะดูจากประวัติศาสตร์โลกเราแล้ว อารยธรรมที่เหนือกว่ามักทำลายอารยธรรมที่ด้อยกว่า
จริงหรือไม่ ก็ตอบยาก แต่อาจตอยง่ายกว่าคำถาม "คิดอะไรใหม่ไม่ได้แล้วหรือ มันยากขนาดนั้นเชียวหรือ"
7.5/10
Netflixวินทร์ เลียววาริณ
4-12-25วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
(มาตรการให้คะแนนของ วินทร์ เลียววาริณ : ความคิดสร้างสรรค์ + สาระ + ศิลปะการเล่าเรื่อง)
1- แชร์
- 19
-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
สมมุติว่าผู้อ่านสามารถมองเห็นอนาคตของชีวิตทั้งหมดของคุณ คุณจะพบชะตากรรมร้ายแรงบางอย่างที่เป็นโศกนาฏกรรม แต่มันก็เป็นชีวิตที่มีความสุขเช่นกัน
เนื่องจากอนาคตนี้ยังไม่เกิดขึ้น คุณยังสามารถเลือกได้ว่าจะไปตามเส้นทางชีวิตที่เห็นหรือไม่ คุณจะเลือกอนาคตของคุณแบบไหน อนาคตที่มีแต่เรื่องดี หรืออนาคตที่มีสุขกับทุกข์ปนกัน
ในทำนองเดียวกัน หากคุณสามารถเดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีต คุณจะแก้ไขปรับปรุงหรือไม่? บางทีคุณอาจลบด้านไม่ดีออกให้หมด เหลือแต่ด้านดี ทำให้เป็นชีวิตที่มีแต่ความสุข? คุณจะเลือกทางนั้นไหม?
เราทุกคนมีชีวิตที่มีทั้งสุขและทุกข์ปนกัน เรามักได้รับการสอนหรือแสดงให้เห็นว่าความทุกข์คือสิ่งที่น่ารังเกียจ ควรหนีให้ห่างไกล
นั่นขึ้นอยู่ว่าเรามองความทุกข์อย่างไร คือสิ่งที่ต้องหนี หรือสิ่งที่เราโอบรับ?
โอบรับความทุกข์? ล้อเล่นหรือเปล่า?
แนวคิดโอบรับความทุกข์ไม่ใช่คอนเส็ปต์ใหม่ และไม่ใช่ของใหม่ มันมีมาตั้งแต่กรีกโบราณ ภาษาละตินว่า amor fati แปลตรงตัวว่า รักชะตากรรม หรือรักชะตาของตนเอง
เอพิคทีตัส (Epictetus) นักปรัชญากรีกพูดถึงแนวคิดนี้ นอกจากนี้ก็ยังปรากฏในงานเขียนของจักรพรรดิโรมัน มาร์คัส ออรีลิอัส (Marcus Aurelius) แม้จะไม่ได้ใช้คำนี้ตรง ๆ
เอพิคทีตัสเกิดมาเป็นทาส แต่กลายเป็นนักปรัชญา เขาเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ภายนอกอยู่เหนือการควบคุมของเรา เราจึงควรยอมรับอย่างสงบ แต่เราก็รับผิดชอบต่อชีวิตของเราเอง
เอพิคทีตัสเขียนว่า “จงอย่าแสวงหาทางที่สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นอย่างที่ท่านต้องการ แต่จงหวังว่าสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นตามทางของมัน แล้วท่านจะเป็นสุข”
amor fati จึงเป็นทัศนคติอย่างหนึ่งในการมองชีวิต มองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา ทั้งสุขและทุกข์ เป็นสิ่งที่ดีแล้ว จึงโอบรับได้
วินทร์ เลียววาริณ
4-12-251- แชร์
- 24
