• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    ขณะที่เขียนบทความนี้ สหรัฐฯ กรีก สเปน อิตาลี สั่งปิดสถานทูตในกรุงเคียฟแล้ว เหตุผลคือเผื่อว่ารัสเซียถล่มเคียฟ

    สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวนี้ เหตุเริ่มเมื่ออาทิตย์นี้ ประธานาธิบดีไบเดนสั่งการอนุญาตให้ยูเครนใช้จรวดพิสัยไกล (Army Tactical Missile Systems - ATACMS) ยิงถล่มรัสเซียได้

    และยูเครนก็ยิง อยากยิงมานานแล้ว จรวจ ATACMS หกลูกหล่นใส่รัสเซีย รัสเซียบอกว่ายิงสกัดได้ห้าลูก

    รัสเซียบอกว่า ถือว่านี่เป็นการประกาศสงครามแล้วนะ

    ไบเดนไม่อนุญาตเรื่องนี้มาตลอดสงครามยูเครน แต่ทำไมเมื่อเหลือเวลาอีกสองเดือนในตำแหน่งประธานาธิบดี จึงเปลี่ยนใจ?

    ปกติผู้นำที่กำลังรักษาการไม่ออกนโยบายสำคัญระดับนี้ การกระทำของไบเดนจึงน่าคิด

    นักวิเคราะห์ทั่วโลกมองเรื่องนี้หลายมุม

    มุมหนึ่งคือ ไบเดนต้องการเตะขาทรัมป์ ที่จะขึ้นมาแทนในเดือนมกราคม ทรัมป์ประกาศมานานแล้วว่าจะไม่สนับสนุนยูเครน ต้องการให้สงครามจบ "ใน 48 ชั่วโมง"

    มุมหนึ่งคือไบเดนยังต้องการให้ยูเครนเข้าสู่ NATO โดยปริยาย เพื่อไม่ให้ทรัมป์เปลี่ยนอะไรได้

    หากเป็นเช่นการวิเคราะห์นี้ ก็แปลว่าการฟัดกันในสหรัฐฯสำคัญกว่าชีวิตคนในสนามรบ

    คำถามคือรัสเซียจะถล่มกลับหรือไม่

    จะกลายเป็นสงครามโลกหรือไม่

    นาทีนี้ตอบยาก เพราะโลกเรามีคนบ้าที่เป็นผู้นำอยู่เยอะ

    มีข้อเสนอหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญเสนอคือ ทรัมป์ควรเตะขาไบเดนกลับ โดยประกาศต่อประเทศกลุ่มยุโรปใน NATO และยูเครนว่า "ถ้าพวกคุณยิงจรวดใส่รัสเซียอีก ถึงวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ผมจะเฉ่งบัญชีกับพวกคุณ ผมจะถอนความช่วยเหลือทั้งหมดทันที ผมจะปล่อยให้ปูตินขยี้พวกคุณโดยผมดูเฉยๆ กินข้าวโพดคั่วไปด้วย เข้าใจบ่? ไบเดนอยู่อีกสองเดือน แต่ข้าพเจ้าจะอยู่อีกสี่ปี ให้มันรู้ว่าไผเป็นไผ"

    คำถามคือ ทรัมป์จะได้สาบานตัวเป็นประธานาธิบดีหรือไม่ เพราะหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ คนทั้งโลกก็หายวับ

    และ เป่ย หนาน ตง ซี คงไม่ได้ตีพิมพ์

    วินทร์ เลียววาริณ
    20-11-24

    0
    • 0 แชร์
    • 5
  • วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    วันก่อนพูดเรื่องความยากความง่ายของการเขียนเรื่องสั้นกับนวนิยาย

    อาจเขียนไม่ชัดเจน ก็ขอขยายความอีกนิด เผื่อจะเป็นประโยชน์กับนักเขียนใหม่

    เรื่องสั้นต่างจากนวนิยายไม่ใช่ที่ความยาว แต่ที่จำนวนองค์ประกอบเรื่อง (นวนิยายบางเรื่องสั้นมาก เรื่องสั้นบางเรื่องยาวมาก)

    เรื่องสั้นมีสารเดียว องค์ประกอบเรื่องเดียว นวนิยายมีได้ไม่จำกัด แต่นวนิยายที่ดีมักมีสารเดียวเช่นกัน

    หากเทียบกับการทำอาหาร การเขียนเรื่องสั้นก็เหมือนให้ผักมาหนึ่งกำ กับน้ำปลานิดหน่อย ไม่มีกุ้ง ไม่มีกะปิ ผัดให้อร่อยได้ แต่ยาก

    ส่วนการเขียนนวนิยายก็เหมือนทำปลาช่อนลุยสวน ใส่เครื่องปรุงเต็มที่ หอม มะนาว พริก ขิง ข่า กุ้งแห้ง ฯลฯ ถ้าฝีมือไม่แย่จริงๆ ก็มักจะอร่อย

    ถ้าเป็นจอมยุทธ์ ก็เป็นพวกดาบไว กระบวนท่าเดียวฆ่าคนร้ายตาย

    ถ้าต้องไล่ฟันกันห้าร้อยกระบวนท่า กว่าจะฆ่าคนร้ายตาย อย่างนี้เรียกนวนิยาย

    การเขียนเรื่องสั้นจึงเป็นศาสตร์แห่ง Minimalism ต้องใช้ฝีมือ

    นักเขียนชั้นครูในอดีตล้วนสอนให้นักเขียนใหม่เริ่มที่เรื่องสั้นทั้งนั้น

    เพราะฝึกดาบไวสำเร็จ ดาบช้าก็ง่าย แต่ถ้าเป็นแต่ดาบช้า ยากจะเก่งเรื่องดาบไว

    การเขียนนวนิยายในอดีต มักตีพิมพ์ตามหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารเป็นตอนๆ ดังนั้นนักเขียนมักวางโครงคร่าวๆ ที่เหลือก็ไล่ไปเรื่อยๆ

    อย่าง เพชรพระอุมา ทีแรกพนมเทียนไม่ได้กะเขียนยาว แต่พอติดลม ก็ใส่องค์ประกอบใหม่เพิ่มเข้าไป นานถึง 25-26 ปีจึงเขียนจบ

    นักเขียนสมัยนั้นมีรายได้จากความยาวของเรื่อง เรื่องยิ่งยาว ยิ่งมีรายได้เยอะ

    ดังนั้นความยาวของเรื่องในยุคนั้น บ่อยครั้งไม่ได้มาจากความจำเป็นของเรื่อง แต่มาจากความจำเป็นต้องใช้เงินของนักประพันธ์ เหมือนการทำหนังซีรีส์ในสมัยนี้ ถ้าเรื่องฮิตก็ลากยาวเลย

    เรื่องสั้นทำอย่างนั้นไม่ได้ ทุกองค์ประกอบต้องเป๊ะ ไม่มากกว่านั้น ไม่น้อยกว่านั้น เหมือนประติมากรรมเดวิดของ ไมเคิล แองเจโล

    หินมากกว่านั้นเดวิดก็อ้วนไป น้อยกว่านั้นเดวิดก็ผอมไป สลักเสลาตีนเดวิดไม่ดี เดวิดก็เป็นโรคเท้าช้าง

    คนที่ฝึกเรื่องสั้นจนเชี่ยวชาญ เวลาเขียนนวนิยาย จะรู้ทันทีว่าอะไรเป็นแก่น อะไรเป็นเปลือก อะไรเป็นผงชูรส มองทะลุปรุโปร่ง

    เพราะเรื่องสั้นไม่มีผงชูรส

    วินทร์ เลียววาริณ
    20-11-24

    ป.ล. ใครสนใจวิธีการเขียน อ่านได้จากหนังสือ เขียนไปให้สุดฝัน ผมบอกเคล็ดลับทุกอย่างที่มีโดยไม่กั๊ก แต่หนังสือขายไม่ออก สงสัยเขียนไม่ดี!

    https://www.winbookclub.com/store/detail/135/เขียนไปให้สุดฝัน 

    1
    • 0 แชร์
    • 7
  • วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    วันอาทิตย์แรกของเดือนนี้เมื่อ 53 ปีก่อน (1971) สิงคโปร์ที่เพิ่งเป็นประเทศมาเพียงหกปี เริ่มวันปลูกต้นไม้ คนในชุมชนต่างๆ มาร่วมปลูกต้นไม้กัน

    เพียงสองปีหลังตั้งประเทศ ลีกวนยูเสนอนโยบายเปลี่ยนสิงคโปร์ให้เป็นอุทยานนคร มีการปลูกต้นไม้อย่างจริงจัง เขาผลักดันเต็มที่ ทั้งที่ไม่มีใครมองเห็นประโยชน์

    เขาวางนโยบายให้ผู้บริหารทุกคนจำให้มั่นคือ ‘clean and green’

    เขาจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้มาจากออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดินจากนิวซีแลนด์มาในปี 1978

    ผู้เชี่ยวชาญรายงานให้ลีกวนยูทราบว่า ดินที่สิงคโปร์มีสภาพเป็นกรด เมื่อฝนตกจะชะหน้าดินหาย ต้องใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอ ที่ดีที่สุดคือปุ๋ยหมัก

    “งั้นรออะไร? ทำเลย!”

    ทันใดนั้นทั้งเมืองก็เขียวขึ้น ใครเห็นก็ชม

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สิงคโปร์ปลูกต้นไม้ใหญ่หลายล้านต้น สีเขียวทำให้สภาพจิตคนดีขึ้น

    สิงคโปร์มีหน่วยงานดูแลต้นไม้โดยเฉพาะ และการสร้างอาคารสูงขึ้นมาใหม่ ต้องส่งแบบปลูกต้นไม้ให้พิจารณาด้วย

    สิงคโปร์เป็นเกาะใกล้เส้นศูนย์สูตร อากาศร้อน ความร้อนของเกาะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เพราะถ้าคนใช้พัดลมและเครื่องปรับอากาศมากขึ้น ก็เปลืองพลังงานไฟฟ้า การปลูกไม้ใหญ่ในปริมาณมหาศาลช่วยลดอุณหภูมิของทั้งเกาะลง ต้นไม้ยังช่วยดึงฝน ต้นไม้ยังเพิ่มออกซิเจน ลดฝุ่น เท่ากับลดอัตราการเจ็บป่วยของประชากร นี่ยังไม่รวมถึงความสวยงามและสภาพจิตคนที่อยู่กับธรรมชาติ มันเป็นการลงทุนที่คุ้ม และช่วยประเทศประหยัดเงินมหาศาลในระยะยาว

    ทุกครั้งที่ลีกวนยูนั่งรถจากสนามบินเข้าเมือง มองเห็นสีเขียวของต้นไม้สองข้างทาง เขารู้สึกปีติ และรู้สึกว่า โครงการเมืองสีเขียวของเขาเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จที่สุด

    จากหนังสือ สร้างชาติจากศูนย์ / วินทร์ เลียววาริณ

    ....................

    สนใจเล่มนี้ ซื้อได้ที่เว็บไซต์และ Shopee

    เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/248/สร้างชาติจากศูนย์

    Shopee https://shopee.co.th/product/90206829/29061345680/

    อีบุ๊ค The Meb https://www.mebmarket.com/ebook-320521-สร้างชาติจากศูนย์ 

    โปรโมชั่นแพ็คสามเล่ม

    เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/249/S12%20:%20ลีกวนยู%20+%20ไอน์สไตน์%20+%20หิน%2015%20ก้อน

    Shopee https://shopee.co.th/product/90206829/29311345988/

    0
    • 0 แชร์
    • 14
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    เงินเดือนแรกของผมเมื่อ 37 ปีก่อนคือ 3,200 บาท (ปริญญาตรี) ถือว่าโหดเอาการ เพราะสิ้นเดือนไม่เหลืออะไรเลย

    แต่มองดูเพื่อนร่วมงาน ได้แค่ 2,200 บาท (อนุปริญญา) ก็ยิ่งสะทกสะท้อนใจ ไม่รู้เขาจะอยู่รอดยังไง

    เวลานั้นข้าวแกงข้างถนนจานละ 10 บาท ใช้จ่ายอย่างประหยัดก็วันละ 50-80 บาท

    รวมค่าเช่าบ้าน ค่ารถเมล์ ค่าอื่น ๆ ก็ไม่เหลืออะไร

    ถ้าเป็นไปได้ กรุณาอย่าป่วย

    ขี่ยานเวลาย้อนกลับไปสมัยผมเป็นเด็กชั้นประถม เงินเดือนคนทั่วไปประมาณ 200-300 ถ้าเงินเดือน 500 ก็ถือว่าโอเค ยกลูกสาวให้ได้

    เวลานั้นก๋วยเตี๋ยวราดหน้าจานละ 3 บาท น้ำเปล่าฟรี

    ค่าดูหนัง 5 บาท ชั้นแพงขึ้นมาคือ 7 บาท กับ 9 บาท

    9 บาทนี่ถือว่าหรูสุดประมาณ จัดเป็นชั้นเฟิร์ส คลาส แต่จำนวนยุงเท่ากัน

    เวลานั้นเงิน 50 บาทสามารถเลี้ยงคนในครอบครัวสิบคน สามมื้อต่อวัน

    ค่าอาหารกินจนอิ่มก็ไม่เกิน 3-4 บาทต่อมื้อ And yes! น้ำเปล่าฟรี

    เวลานั้นไม่มีใครสั่งข้าวแกงสองจาน ถ้าหิวก็สั่งข้าวเปล่าเพิ่มหนึ่งจาน กินจานแรกให้เหลือกับข้าวบ้าง แล้วเสริมด้วยข้าวเปล่า

    ถ้ากินก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ก็สั่งมาจานเดียวพอ เพิ่มข้าวเปล่าหนึ่งจาน เทข้าวเปล่าลงไปคลุก

    เป้าหมายของการกินอาหารคืออิ่ม ไม่ใช่คุณภาพหรือสารอาหาร

    เวลานั้นยังไม่มีใครเคยได้ยินคำว่าคอเลสเตอรอล แอลดีแอล เอชดีแอล ไตรกลีเซอไรด์

    ขี่ยานเวลามาถึงปีปัจจุบัน เดี๋ยวนี้จ่ายสองร้อยต่อมื้อยังไม่ค่อยอิ่ม

    ไม่มีน้ำเปล่าฟรีมานานแล้ว เขาเสิร์ฟเป็นขวด ขวดละสิบบาท บางร้านเสิร์ฟแต่น้ำแร่ ขวดละ 40-50 เก็บทุกเม็ด

    กล้วยน้ำว้าหวีละ 100 ผักสดถุงละ 50 ส้มลูกละ 50 บาท สับปะรดชิ้นละ 30 มะพร้าวลูกละ 50 ค่ากาแฟถ้วยละ 100-200

    ดูหนังเรื่องละเกือบสองร้อย

    ได้ยินว่า iPhone รุ่นใหม่เครื่องละสี่หมื่น ขายดิบขายดี

    สงสัยพวกนี้มีทองเยอะแยะในตุ่มฝังดินหลังบ้าน หรือไม่ก็คงมีปานแดงที่ก้น เป็นเครื่องหมายของทายาทมรดกท่านเจ้าคุณ

    เวลานี้เงินเดือนสองหมื่นก็อยู่ยาก

    ในยุคที่มือถือเครื่องละสี่หมื่น นาฬิกาเรือนละสิบล้าน คอนโดห้องละ 125 ล้าน ช่องว่างคนรวยคนจนห่างกันล้านเท่า ไม่รู้จริง ๆ ว่าคนรายได้น้อยจะอยู่อย่างไร

    ใช่ไหมว่าเรามาถึงจุดนี้ด้วยปรัชญา ‘กำไรสูงสุด’ ?

    หากผมเป็นนายกรัฐมนตรี จะแก้ปัญหานี้โดยระดมนักวิทยาศาสตร์มาสร้างยานเวลา แล้วย้ายตัวเองไปในยุคที่ก๋วยเตี๋ยวชามละ 3 บาท น้ำเปล่าฟรี

    คิดถึงยุคน้ำเปล่าฟรีจริง ๆ

    วินทร์ เลียววาริณ
    19-11-24

    0
    • 0 แชร์
    • 25
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    บทสรุปผลวิจัยของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในยุโรปหลายปีก่อนเผยว่า ผู้คน 64 เปอร์เซ็นต์บอกว่าตนเองมีความสุข ใช้ชีวิตกับพ่อแม่ คู่รัก เพื่อน เสมอ ๆ พวกเขาบอกว่า แสงแดดและจุมพิตจากคนรักช่วยได้มาก

    ผลวิจัยยังชี้ว่า คนที่ไม่มีความสุขชอบใช้เวลากับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ตัวเลขคือ 69 เปอร์เซ็นต์ท่องอินเทอร์เน็ต 45 เปอร์เซ็นต์ใช้เวลาผ่านหน้าจอโทรทัศน์

    เห็นชัดว่าความสุขมักไม่เกิดมาจากความ 'ครบ' ในทางวัตถุ

    ความสุขมิอาจได้มาจากการแสวงหา ความสุขเกิดมาระหว่างการลงมือทำกิจกรรมใดก็ตามด้วยใจที่เป็นอิสระ

    ความสุขมักไม่เกิดจากเรื่องใหญ่ ไม่ใช่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง แจ๊คพ็อตหลายสิบล้านบาท ไม่ใช่บ้านใหญ่โตบนพื้นที่หลายสิบไร่

    ความสุขเป็นเรื่องเล็ก ๆ เกิดจากสิ่งเล็ก ๆ

    เรียบง่าย สมส่วน ลงตัว ไม่มากเกิน ไม่น้อยไป

    ความสุขเกิดจากการมองโลกในเชิงบวก คิดด้านลบให้น้อยเข้าไว้

    อย่าคาดหวังว่าคนอื่นจะทำให้เราสุข เราสุขด้วยตัวเราเอง ความสุขเป็นเรื่องที่เราต้องรับผิดชอบหามาเอง

    อย่าได้อิจฉาริษยาเพื่อนที่เก่งกว่า ร่ำรวยกว่า เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งกาจเลอเลิศแค่ไหน ก็จะมีคนอื่นหน้าตาดีกว่าคุณ ฉลาดกว่าคุณ เก่งกว่าคุณเสมอ (และที่น่าช้ำใจคือ มีแฟนหน้าตาดีกว่าแฟนของคุณด้วย!)

    สรีระไม่ใช่สิ่งที่เรากำหนดได้ แต่เราออกแบบชีวิตของเราเองได้

    จะเลือกออกแบบให้ 'รกรุงรัง' หรือ 'ยิ่งน้อยยิ่งมาก' ก็แล้วแต่เรา

    จาก อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก / วินทร์ เลียววาริณ
    https://www.winbookclub.com/store/detail/85/อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก 

    0
    • 0 แชร์
    • 24