• วินทร์ เลียววาริณ
    1 ปีที่ผ่านมา

    คำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อรัฐสภาเมื่อวันก่อน มีประโยค "ประเทศไทยเปรียบเสมือนคนป่วย" ซึ่งทำให้ "ภาวะเศรษฐกิจถดถอย" (ซึ่งทำให้ต้องแจกเงิน)

    น่าจะจับคนเขียนบทมาตีมือ เพราะตัวเลขล่าสุดบอกว่า เงินบาทของเราแข็งแกร่งในปฐพี เป็น Top 10 ของโลก เงินสำรองของเราก็มากเกินจะเรียกตัวเองว่า 'คนป่วย'

    เปรียบเทียบกับเศรษฐกิจไทยยุค 'ต้มยำกุ้ง' ที่คนไทยไม่น้อยฆ่าตัวตายเพราะธุรกิจล้มเป็นโดมิโน เศรษฐกิจของเราวันนี้ยังไม่น่าจะใกล้คำว่า 'ถดถอย'

    แต่ก็เข้าใจบรี๊ฟที่คนเขียนคำแถลงการณ์ได้รับ เพราะทุกครั้งที่เปลี่ยนรัฐบาล ก็จำเป็นต้องเขียนบทว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเลวร้ายสุดทนทาน ต้องรื้อหมด ในกรณีนี้ก็ต้องหาเหตุผลเพื่อแจกเงิน

    ก็เข้าใจว่าเป็นงานเขียนตามโจทย์

    ทำให้นึกถึง ตันหลิม แห่ง สามก๊ก

    ตันหลิมเป็นนักเขียนบท ทำงานรับใช้อ้วนเสี้ยว เพื่อนเก่าที่กลายเป็นศัตรูของโจโฉ

    ตอนนั้นโจโฉป่วยด้วยโรคปวดหัว นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก หมอให้ยาหลายขนาน ทว่าไม่ดีขึ้น เขาเปลี่ยนหมอครั้งแล้วครั้งเล่า ก็มิได้ผล

    สงครามระหว่างเขากับอ้วนเสี้ยวกำลังจะเริ่ม เขาต้องการหายจากอาการปวดหัวนี้โดยเร็ว เขามิต้องการเข้าสู่สมรภูมิด้วยความคิดไม่แจ่มใส มองภาพไม่ชัดแจ้ง

    วันหนึ่งมีหนังสือจากอ้วนเสี้ยวถึงโจโฉ ข้อความว่า

    “คำนับมายังท่านโจโฉ

    เราสองต่างรู้ว่าสงครามเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่พ้น เราสองเป็นเพื่อนกันมาก่อน ข้าพเจ้าจึงเห็นควรเขียนหนังสือถึงท่าน เพื่อชี้ทางให้ท่านเห็นว่าท่านสมควรถอยทัพ

    สมัยเป็นหนุ่มเราเรียนด้วยกัน ทำงานเป็นทหารเช่นกัน รับใช้เจ้านายคนเดียวกัน ทั้งที่ข้าพเจ้ามีชาติตระกูลสูงส่งดุจพญาหงส์ ท่านมาจากตระกูลต่ำต้อยกว่าหนอน มาพิจารณาในยามนี้ ข้าพเจ้านึกมิออกว่าตนเองเกลือกกลั้วกับหนอนสกปรกเช่นท่านได้อย่างไร ท่านต่ำต้อยจนแม้กระทั่งท่านมิยอมใช้แซ่จริงของท่าน สายเลือดของท่านแซ่แฮหัว แต่ท่านใช้แซ่โจ เรื่องนี้บิดเพี้ยนมาตั้งแต่สมัยบิดาท่าน บิดาท่านคือโจโก๋ เป็นบุตรบุญธรรมของขันทีโจเท้ง โจโก๋เป็นคนสกุลแฮหัว ถือโอกาสเปลี่ยนไปใช้แซ่โจตามบิดาบุญธรรม เพราะดูถูกแม้แต่สายเลือดตัวเอง...

    “ท่านมีนิสัยขี้โกงมาตั้งแต่เด็ก ข้าฯจับได้หลายหน จนในที่สุดก็ปล่อยเลยตามเลย เนื่องเพราะสันดานขี้โกงของท่านฝังรากลึก แก้ไม่ได้ อันแม่น้ำสามารถเปลี่ยนทิศได้ ขุนเขาเปลี่ยนแปรรูปได้ แต่สันดานของตระกูลท่านนั้นยากแท้แก้ไข สันดานฉ้อโกงนี้สืบทอดมาจากบิดาท่าน ซึ่งสืบทอดมาจากปู่ของท่าน และจากทวดของท่าน และบรรพบุรุษขี้โกงของท่าน นี่ย่อมเป็นตระกูลคนขี้โกง ฝังในสันดานมาตั้งแต่บรรพบุรุษหลายสิบชั่วคน บัดซบมาตั้งแต่ต้น...

    “สมัยที่ท่านร่วมปราบกบฏโจรโพกผ้าเหลือง ต้องอาศัยข้าฯช่วยสนับสนุน เพราะเบื้องสูงเห็นว่าท่านไร้ค่า หลังปราบโจรโพกผ้าเหลือง ข้าฯต้องขอเบื้องสูงให้เลื่อนตำแหน่งท่าน เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าในการรบ ท่านมัวแต่เมาหลับในหน้าที่ ไม่ออกรบ...

    “ขณะที่ทหารคนอื่นล้มตาย ท่านกลับหลบซ่อนอยู่ในส้วม ท่านยอมขลุกกับอาจมดีกว่าสู้ศัตรู นี่ก็ย่อมเป็นสันดานของท่านอีกเช่นกัน ซึ่งสืบสายมาจากบิดา ปู่ ทวด และบรรพบุรุษบัดซบของท่าน...

    “ท่านคิดลอบสังหารตั๋งโต๊ะ แต่เพียงเห็นเงาร่างของเขา ท่านก็มือสั่น ทำมีดหล่น บ้านเมืองฉิบหายก็เพราะท่าน ก็จะโทษผู้ใดไม่ได้ นอกจากบิดาท่านที่ให้กำเนิดคนขี้ขลาดเช่นท่าน มันเป็นสายเลือดชั่วที่สืบต่อมาจากบรรพบุรุษของท่าน...”

    สีหน้าโจโฉเข้มขึ้นเรื่อย ๆ

    “ระหว่างหลบหนีท่านถูกจับ ท่านใช้วาจาหลอกลวงจนตันก๋งเจ้าเมืองจงพวนหลงเชื่อ ขอร่วมเดินทางไปกับท่านด้วย ท่านไปหาแปะเฉีย ผู้เตรียมอาหารและสุราเลี้ยงท่าน พวกเขาเตรียมฆ่าสุกรเลี้ยงท่าน แทนที่ท่านจะตอบแทนคุณ ท่านกลับสังหารแปะเฉียและคนในครอบครัวอย่างโหดเหี้ยม ย่อมเป็นสายเลือดบัดซบของท่านนั่นเอง ท่านสังหารได้แม้แต่ผู้มีพระคุณย่อมเลวยิ่งกว่าตั๋งโต๊ะ หากตั๋งโต๊ะยังมีชีวิตอยู่ คงต้องเรียนวิชาบัดซบเหล่านี้จากท่าน และเรียกท่านเป็นบิดา...”

    “ต่อมาท่านซมซานมาขอร้องข้าพเจ้าให้ช่วยรวมหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อปราบตั๋งโต๊ะ รวมกันได้สิบแปดหัวเมือง ครั้นเกิดศึกขึ้นจริง ท่านกลับยกทัพหนีกลับบ้าน เพราะความขี้ขลาด เจ้าลูกเต่า บิดามารดามิสั่งสอน จะโทษบิดามารดาก็มิได้ เพราะบิดามารดาท่านโง่เง่าบัดซบพอกับท่าน ไม่เคยใฝ่หาความรู้ วัน ๆ ช่างมารดามันเถอะ ข้าพเจ้าคร้านจะสาธยายความชั่วร้ายโง่เง่าบัดซบของท่าน ใช้กระดาษเท่าผืนแผ่นดินก็จารึกความบัดซบของท่านมิหมด...”

    “บัดนี้ท่านลืมคุณข้าฯ คิดจะยกทัพมาตีข้าฯ ข้ามิใช่คนโง่บัดซบเช่นตระกูลท่าน เรามีกำลังคนมากมายรอท่านอยู่ อีกไม่นานท่านก็จะได้ไปพบแปะเฉียและคนอื่น ๆ ที่ท่านฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ทว่าครานี้ท่านมิต้องเตรียมคำพูดไปหลอกลวงพวกเขาอีก ด้วยว่าก่อนท่านตาย ข้าพเจ้าจะสั่งตัดลิ้นท่านออก”

    สีหน้าโจโฉแดงเข้ม โกรธจนตัวสั่น บอกทหารคนสนิท “ไปตามตัวกุยแกมา”

    ไม่ช้านานกุยแกก็ปรากฏตัว เขายื่นจดหมายให้กุยแกอ่าน

    “สืบให้รู้ว่าใครเป็นผู้เขียนหนังสือฉบับนี้”

    กุยแกตอบทันที “ผู้เขียนคือตันหลิม เขาเป็นอาลักษณ์ที่เก่งที่สุดแห่งกิจิ๋ว เป็นปราชญ์ที่อ้วนเสี้ยววางใจ”

    “ปราชญ์บัดซบ! เจ้าลูกเต่าบัดซบ! ที่แท้เป็นมันผู้นี้นี่เอง ข้าฯเคยพบมัน มันเคยทำงานให้โฮจิ๋น มันเคยเตือนโฮจิ๋นมิให้เรียกตั๋งโต๊ะเข้ามาที่เมืองลกเอี๋ยง แต่โฮจิ๋นไม่ฟัง มันยังเป็นคนเตือนโฮจิ๋นมิให้เข้าวัง แต่โฮจิ๋นไม่ฟัง จึงถูกฆ่าตาย ข้าฯเพิ่งรู้ว่ามันไปทำงานให้อ้วนเสี้ยว มันเขียนด่าข้าฯได้เจ็บปวดยิ่ง ถ้าจับตัวได้ จะตัดหัว แล่เนื้อทาเกลือ แต่ต้องตัดมือของมันก่อน...”

    โจโฉหยุดพูด นัยน์ตาเป็นประกาย “อาการปวดหัวของข้าฯหายแล้ว”

    โจโฉหัวเราะ หนังสือทำให้เขาโกรธจัดจนอาการปวดหัวหายไปเช่นปลิดทิ้ง

    ..............

    ศึกกัวต๋อยุติพร้อมความพินาศของกองทัพอ้วนเสี้ยว และการจับเชลยหลายคน

    ทหารคนสนิทรายงานว่า “เราจับตัวตันหลิมได้”

    โจโฉหัวเราะ “พามันมาเดี๋ยวนี้ ได้เวลาคิดบัญชีมันแล้ว”

    ทหารลากตัวเชลยอาลักษณ์เข้ามา มือและเท้าผูกด้วยโซ่ตรวน

    “ที่แท้ก็คือเจ้าลูกเต่าตันหลิม ปราชญ์เอกของเรานั่นเอง”

    โจโฉยื่นจดหมายฉบับนั้นให้ตันหลิมดู “นี่เป็นจดหมายที่ข้าฯเก็บไว้ ท่านเขียนจดหมายฉบับนี้ใช่หรือไม่?”

    ตันหลิมตอบว่า “ใช่ ข้าพเจ้าเป็นผู้เขียนเอง”

    “ไยท่านเขียนด่าข้าฯรุนแรงเช่นนี้? ท่านกับข้าฯมิได้มีเรื่องหมองใจกัน ข้าฯมิเคยทำร้ายท่าน บรรพบุรษของข้าฯก็มิได้เกี่ยวข้องกับท่าน ไยท่านด่าลามไปถึงบรรพบุรุษของข้าฯ?”

    ตันหลิมกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ข้าพเจ้าเชี่ยวชาญการเขียนหนังสือ จนได้รับการแต่งตั้งเป็นอาลักษณ์ ท่านอ้วนเสี้ยวสั่งให้ข้าฯเขียนหนังสือที่ทำให้ท่านเจ็บปวดจนกระอักเลือด ทำให้ท่านโกรธจัดจนคิดไม่ออก สมองไม่แจ่มใส เพื่อที่ท่านจะได้ทำการพลาด ข้าพเจ้าก็ถือนี่เป็นหน้าที่ที่ต้องบรรลุ ข้าฯจึงใช้ความรู้ความสามารถทั้งมวลเขียนข้อความเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น ท่านอ้วนเสี้ยวเลี้ยงดูครอบครัวข้าพเจ้าดียิ่ง ข้าพเจ้าย่อมทำงานสุดกำลัง อีกประการ นี่คือสงคราม เมื่อง้างธนู ก็ต้องง้างสุดทาง และยิงให้สุดกำลัง”

    สีหน้าโจโฉขมึงทึง นัยน์ตาฉายประกายวาว พลันโพล่งหัวเราะออกมาอย่างขบขัน

    “ท่านเป็นคนใช้การได้ จงมาทำงานกับข้าฯเถิด ข้าฯชอบคนที่ทำงานเต็มที่เช่นนี้”

    ตันหลิมแก่ตายเพราะโรคภัย มิได้ถูกประหาร ตลอดชีวิตเขาสร้างงานเขียนดี ๆ มากมาย ต่อมาพระเจ้าโจผีทรงแต่งตั้งให้ตันหลิมเป็นหนึ่งในเจ็ดกวีเอกแห่งยุคเจี้ยนอัน

    .

    จากเรื่อง สามก๊ก ฉบับ วินทร์ เลียววาริณ / มีจำหน่ายในเว็บไซต์ winbookclub.com / และ สามก๊ก ในชุดโปรโมชั่นรวมมิตร (R1-R2) มีจำหน่ายทั้งในเว็บและ Shopee (ค้นคำ namol113)

    0
    • 0 แชร์
    • 131

บทความล่าสุด