-
วินทร์ เลียววาริณ2 ปีที่ผ่านมา
ขึ้นชั้น ป. 6 เพื่อนคนหนึ่งบอกผมว่า แถวสะพานลอย ก่อนถึงหาดใหญ่ใน มีห้องสมุดประชาชนอยู่ มีหนังสือเยอะ ผมสามารถไปยืมหนังสือจากที่นั่นได้
ผมก็แวะไปที่ห้องสมุดประชาชนหาดใหญ่ เวลานั้นยังเป็นห้องซอมซ่อ เก่า ๆ หนังสือกองเต็มไปหมด ล้วนเป็นหนังสือที่ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อน จำนวนมากเป็นนวนิยายที่ผมไม่เคยอ่านมาก่อน หนังสือเริงรมย์ในห้องนี้มีมากกว่าในห้องสมุดโรงเรียนหลายเท่า
ผมทำบัตรห้องสมุด แล้วยืมนวนิยายกลับบ้าน
ผมเลิกอ่านนิทานเด็กตั้งแต่นั้น อ่านแต่นิยายของผู้ใหญ่ และมันเปลี่ยนชีวิตผมตั้งแต่นั้น
ผมอ่านนิยายแบบบ้าคลั่ง เหมือนคนร่อนเร่กลางทะเลทรายแล้วพบน้ำกลางโอเอซิส
โอเอซิสหาดใหญ่ให้ยืมหนังสือได้วันละสองเล่ม ปิดวันอาทิตย์ ผมก็ใช้สิทธินั้นเต็มที่เสมอมา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมอ่านนิยายวันละสองเล่ม ความตั้งใจจะอ่านทั้งสองเล่มทำให้ผมฝึกการอ่านเร็วไปโดยปริยาย
ผมทำการบ้านแบบผ่าน ๆ เรียนหนังสือพอให้เข้าใจ นอกเหนือจากนั้น ทุกลมหายใจคือนิยาย
ผมไปห้องสมุดทุกวันไม่ว่าฝนตกแดดออก ฟ้าร้องฟ้าผ่า ขอเพียงแต่ประตูห้องสมุดไม่ถูกลั่นดาล บรรณารักษ์จะต้องเห็นหน้าเด็กคนนี้แน่นอน
ผมอ่าน ผู้ชนะสิบทิศ ของยาขอบตอนอยู่ ป. 7 ฉากเซ็กซ์ในนิยายเหล่านี้ อ่านตั้งแต่ก่อนขึ้นชั้นมัธยม
แล้วผมก็เผลอไปอ่าน เพชรพระอุมา
เพชรพระอุมา เป็นหนังสือที่ควรออกกฎหมายห้ามนักเรียนอ่านเด็ดขาด เพราะมันออกฤทธิ์แรงยิ่งกว่าเสพกัญชาร้อยต้นพร้อมกัน มันทำให้ไม่เป็นอันกินอันเรียน
ผมกลายเป็นเด็กติด(นิ)ยา(ย)
อ่านนิยายห้องสมุดวันละสองเล่มไม่พอ ผมยังไปอ่านฟรีที่ร้านหนังสือ
หาดใหญ่เมื่อ 40-50 ปีก่อนมีร้านหนังสือทั่วเมืองไม่เกิน 4-5 ร้าน ร้านที่ผมผูกพันที่สุดคือแพร่วิทยา ตั้งอยู่ที่ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ติดกับโรงภาพยนตร์โอเดียน
ร้านนี้ตั้งมานานแล้ว เป็นตึกแถวคูหาเดียว แต่ลึกมาก ด้านหน้าร้านวางแผงนิตยสารต่าง ๆ ภายในร้านมีชั้นหนังสือหลายชั้น เรียงหนังสือจนเต็ม แผงหน้าร้านวางนิตยสารต่าง ๆ เช่น นิตยสารดัง ๆ อย่างจักรวาล บางกอก ขวัญเรือน ก็ชูหน้าชูตาบนแผงนี้ ช่วงสิ้นปี ในยุคนิยายกำลังภายในเฟื่องฟู จะเห็นนิยายจีนวางเรียงเป็นแถว
นิยายจีนกำลังภายในสมัยนั้นพิมพ์เป็นพ็อคเก็ตบุ๊คบาง ๆ (คล้ายๆ กับเล่ม เป่ย ที่ผมแจก) อ่านไม่เกินชั่วโมงก็จบ ออกเป็นตอน ๆ อาทิตย์ละสองสามเล่ม เรื่องที่นิยมก็มีผู้อ่านมาซื้ออ่านทุกอาทิตย์
ผมไปร้านแพร่วิทยาบ่อยมาก แต่ไม่เคยซื้อหนังสือสักเล่มเดียว แม้ว่าราคาหนังสือตอนนั้นปกแข็งราว 20-30 บาท แต่ไม่มีปัญญาซื้อ
ผมมักย่องเข้าร้านเหมือนหัวขโมย หยิบหนังสือ ‘เป้าหมาย’ ขึ้นมาอ่านอย่างรวดเร็ว เมื่อคนขายมอง ก็วางหนังสือลง เมื่อเขายุ่งกับลูกค้าคนอื่น ก็อ่านต่อ ครั้นอ่านไปพอสมควรแล้ว ประมาณครึ่งชั่วโมงหรือโชคดีนานกว่านั้น ก็วางหนังสือบนชั้นตามเดิม แล้วหายตัวไปจากร้านโดยเร็วที่สุด ครั้นวันรุ่งขึ้นก็ย่องเข้าไปอ่านต่อ
ขโมยอักษรในร้านอย่างนี้จบไปหลายเล่ม เจ้าของร้านหนังสือคงเขม่นหน้าเด็กคนนี้ แต่ก็ไม่ได้ตะเพิดออกจากร้าน
กราบขอบพระคุณเจ้าของร้านย้อนหลัง บุญคุณนี้ใหญ่หลวงนัก ชาตินี้ไม่มีวันลืม
ผมก็อ่านนิยายจีนกำลังภายใน ประเดิมด้วย อสูรจอมราชันย์ ซึ่งตอนแรกอ่านไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไล่อ่านจนรู้เรื่อง ผาโลหิต กระบี่ดาวรุ่ง มัจจุราชคะนอง บ้ออ้วงตอ พญามารเงิน ฯลฯ
ผมอ่าน มังกรหยก ภาค 1 เล่มแรกหนาหนึ่งพันหน้าจบในคืนเดียว รุ่งขึ้นก็ไปยืมเล่ม 2 หนาพันหน้ามาอ่านต่ออย่างติดพัน เมื่ออ่านจบ ก็อ่านอีกรอบเพื่อให้ภูมิแน่น
บางวันเมื่ออ่านนิยายไม่ทัน ผมก็ยัดมันลงในกระเป๋านักเรียน ไปเปิดอ่านตอนครูสอน เพื่อนหลายคนมองผมตาค้าง ไอ้เด็กเวรนี่อ่านนิยายขณะที่ครูสอนวิชา ช่างกล้าจริง ๆ! นึกไม่ออกจริง ๆ ว่า หากครูจับได้จะเป็นอย่างไร
บางทีเมื่อเห็นผมจมกับหนังสือที่ดูไม่เหมือนตำราเรียน พ่อก็ถามเชิงดุว่า “อ่าน 小說 อีกแล้วหรือ”
小說 (เสี่ยวซัว) แปลว่านิยายเริงรมย์
วงแตกโดยปริยาย
ความจริงพ่อก็ดุผมไม่ได้เต็มปาก เพราะพ่อก็อ่าน ‘เสี่ยวซัว’ เหมือนกัน บนหน้าหนังสือพิมพ์จีนซิงเสียนเยอะเป้า มีนิยายของกิมย้งเป็นประจำ เช่น ซู่ซินเจี้ยน (กระบี่ใจพิสุทธิ์)
อ้าว! ที่แท้ท่านพ่อก็เป็นแฟนกิมย้งเหมือนกัน!
วันหนึ่งบรรณารักษ์ถามผมด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า “นี่น้องไม่ต้องเรียนหนังสือหรือ?”
ผมอึ้งไปครู่ใหญ่ ตาละห้อยเหมือนหมาที่ถูกเจ้าของดุ แต่ก็ตากหน้าไปยืมต่อ
มาคิดดูตอนนี้ เหตุที่บรรณารักษ์ถามก็มีเหตุผล เพราะหากเราเป็นบรรณารักษ์ เห็นเด็กคนหนึ่งมายืมนิยายวันละสองเล่ม ย่อมเป็นห่วงว่าเด็กคนนั้นจะหมกมุ่นกับ ‘เสี่ยวซัว’ มากไปจนเสียการเรียน
แล้วสิ่งที่บรรณารักษ์เป็นห่วงก็เกิดขึ้นจริง
ครั้นขึ้น ป. 7 หายนะก็มาเยือน ผลกรรมตามสนองทันตาเห็น ผมสอบได้ที่ 25 ของชั้น ตกต่ำที่สุดในประวัติการเรียนของผม
สำหรับคนเรียนแย่เสมอต้นเสมอปลาย อาจไม่เครียดนักเมื่อต้องยื่นสมุดพกให้พ่อ แต่สำหรับคนที่เคยสอบได้ที่ 1 ต่อเนื่องกันสองปี คะแนนหล่นจากเลข 1 มาอยู่ที่เลข 25 ย่อมเป็นปรากฏการณ์พิสดารสะท้านปฐพี
พ่อผมมองดูตัวเลข 25 บนสมุดพกอยู่นาน พ่อคงประหลาดใจ ผมก็ประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าชีวิตนี้จะสอบได้เลขสองตัว
ครูประจำชั้น ป. 7 ก. ครูนิยม แสนทอง โรยเกลือบนบาดแผลซ้ำ โดยเขียนในสมุดพกว่า
“รู้สึกว่าระดับการเรียนตกต่ำลงกว่าเดิม ขอให้กระตือรือร้นเข้าให้มาก เห็นจะเล่นสนุกมากกว่าเรียน”
ความรู้สึกตอนนั้นคือละอายใจ เหมือนขี้เมาถูกน้ำเย็นสาด
จ๋อยแดก! แล้วตื่นเลย
.....................
(ย่อความจากหนังสือ ชีวิตที่ดี / ประวัติชีวิตของ วินทร์ เลียววาริณ เขียนโดยเจ้าตัว)
- สั่งซื้อทางเว็บไซต์ winbookclub.com คลิกตรง "ซื้อหนังสือ"
- สั่งซื้อทาง Shopee คลิกลิงก์ตามนี้
(ชุด 3 เล่ม S10) ชีวิตที่ดี + หิน 15 ก้อนฯ + เป่ย (ปก 660.- เหลือ 590.- พร้อมลายเซ็นนักเขียน) https://shope.ee/LL9SCqyRl?share_channel_code=6
(เล่มเดี่ยว) ชีวิตที่ดี (ปก 340.- เหลือ 300.- พร้อมลายเซ็นนักเขียน) https://shope.ee/9esoZKMidk?share_channel_code=6
(เล่มเดี่ยว) หิน 15 ก้อนของ สตีฟ จ๊อบส์ (ปก 320.- เหลือ 290.- พร้อมลายเซ็นนักเขียน) https://shope.ee/20TNRFpQtO?share_channel_code=6
0- แชร์
- 64
-
ช่วงนี้กำลังมีงานหนังสือ ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันที่นั่น
ช่วงงานหนังสือ ไม่ได้อยู่ติดเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงไม่สามารถเขียนงานอะไรได้ ต้องรอกลับบ้านก่อน ถ้าไม่ง่วง ก็เขียนงานตอนนั้น
ตารางเวลาทำงานรวนหมด
แต่งานหนังสือกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีนักเขียนไปแล้ว ตามระบบเขียนเอง-ทำเอง-ขายเอง
ออกแบบปกเอง ทำอาร์ตเวิร์กเอง
นอกจากงานพวกนี้แล้วยังต้องซักผ้าเองอีก
นักเขียนสายวรรณกรรมหลายคนก็ทำโมเดลนี้ และค่อยๆ หายไปทีละคน ตอนนี้นอกจากผมแล้ว ก็เห็นแต่คุณพงศกร คุณกิ่งฉัตร กับนักเขียนค่ายนาครอีกไม่กี่คน
ไม่รู้จะยืนหยัดได้อีกนานเท่าไร
ก็ทำใจได้ครับ ถ้าโมเดลนี้ไปไม่รอด ตามสัจธรรม "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป"
เอาละ ระหว่างที่ยังมาเปิดบูธในงานหนังสือ ใครอยากแวะมาเยี่ยม ก็เชิญที่ F-21 ผมประจำการตอนเที่ยงกับตอนเย็น (งานมีถึงวันอาทิตย์ที่ 19)
เวลาที่เหลือก็ดื่มเหล้า เอ๊ย! คิดงานเรื่องต่อไป
วินทร์ เลียววาริณ
17-10-251 วันที่ผ่านมา -
ผู้อ่านท่านหนึ่งส่งรูปบ้านของเขามาให้ดู ติดโปสเตอร์ สี่ภพ ความยาวเกือบเมตรบนผนัง
เขาบอกว่ามันเข้ากับสไตล์จีนของบ้านดี ก็จริงอย่างนั้น
แปลกดีครับ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนเอาโปสเตอร์ไปติดจริง และติดแบบนี้
ถ้าติดในบ้านสมัยใหม่ อาจไม่เข้ากันก็ได้ (ไม่รู้มีใครลองติดหรือเปล่า)
โปสเตอร์นี้มีขนาดราว 24.5 x 90 ซม. กว้างประมาณบานประตู ม้วนใส่ในหลอดกระดาษแข็ง ผู้ที่สั่งซื้อตอนนี้ได้รับทุกคน
สี่ภพ boxset ยังมีจำหน่าย ขายไปช้าๆ เหตุผลหนึ่งเพราะไม่ทุกคนอ่านนิยายกำลังภายใน อีกเหตุผลหนึ่งอาจเพราะราคาค่อนข้างสูง แต่ราคานี้เกิดจากจำนวนพิมพ์น้อยและต้นทุนสูงมากๆ จัดเป็น rare item หรือ collection
รูปเล่มของหนังสือจำลองแบบมาจากหนังสือจีนกำลังภายในยุคห้าสิบปีก่อนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้อ่านที่ทันยุคนั้นต่างร้องว่าจำได้
ท่านที่สนใจอยากเก็บ ก็สามารถซื้อได้หลายทาง รวมทั้งในงานหนังสือที่จะมีถึงวันที่ 19 ตุลาคม
สำหรับคนที่ไม่ขอเป็นเจ้าของ ก็สามารถอ่านได้จากห้องสมุด เพราะเราก็ยังอุตส่าห์เข็นออกมาจำนวนหนึ่งเข้าห้องสมุด จำนวนอาจไม่มากเท่าเล่มอื่นๆ แต่ก็ทำเท่าที่ทุนบริจาคพาไปได้
ไม่ว่าจะอ่านทางไหน นี่ก็เป็นบทหนึ่งของการหวนระลึกถึงความสวยงามของบรรยากาศการอ่านในอดีตเมื่อห้าสิบปีก่อน ซึ่งไม่มีวันกลับมาแล้ว
วินทร์ เลียววาริณ
16-10-25...............
สี่ภพ เป็นนิยายจีนกำลังภายใน+ไซไฟ ผลงาน 5 ปีของ วินทร์ เลียววาริณ
จำหน่ายในงานหนังสือและทางออนไลน์
งานหนังสือบูธ F-21 (ราคา 2,300.- ถ้ารับกลับเอง)ซื้อผ่าน Shopee กดลิงก์ https://s.shopee.co.th/2LPBgEyqPg?share_channel_code=6
ซื้อผ่านเว็บไซต์ วินทร์ เลียววาริณ กดลิงก์
https://www.winbookclub.com/store/detail/255/%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%9Eอีบุ๊ค จัดจำหน่ายโดยบริษัท The Meb ทั้งแยกเล่มและรวมชุด (สำนักพิมพ์ 113 ไม่ได้จำหน่าย) https://www.theonebook.com/index.php?action=search_book&page_no=1
2 วันที่ผ่านมา -
พ่อบอกให้เดชาเรียนแพทย์ แม่อยากให้เขาเรียนกฎหมาย แต่เขาอยากเรียนศิลปะ เดชาบอกพ่อแม่ว่าเขาโตแล้ว เลือกทางเดินตัวเองได้ แต่เขารู้สึกแย่หากไม่ทำตามคำแนะนำของพ่อแม่ และยิ่งรู้สึกแย่กว่าเมื่อต้องทำตามคำแนะนำที่เขาไม่ชอบ ท้ายที่สุดเขาก็ตามใจแม่ เขาทำตามบทบาทของ ‘ลูกกตัญญู’ เขาไม่มีความสุขในอาชีพของเขาเลย
ถาวรทำงานออกแบบโฆษณา เขาใส่รูปสินค้าเล็ก ๆ แต่เจ้านายบอกว่าอยากให้รูปสินค้าใหญ่ ๆ เขารู้สึกแย่หากไม่ทำตามคำแนะนำของเจ้านาย แต่รู้สึกแย่กว่าหากทำตามคำแนะนำที่เขาไม่ชอบ ท้ายที่สุดเพื่อรักษาบรรยากาศของการทำงาน เขาตามใจเจ้านาย
เขาไม่เคยประสบความสำเร็จในสายงานของเขาเลย
นารีไปซื้อกระเป๋าสะพายกับเพื่อนสาวสองคน เธอชอบใบสีเหลือง เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าใบสีแดงเหมาะกับเธอมากกว่า เพื่อนอีกคนว่าน่าจะเป็นกระเป๋าหนังมากกว่า เธอไม่ชอบทั้งสองแบบที่เพื่อนแนะนำ นารีรู้ว่าเพื่อนของเธอมีรสนิยมดี เธออยากเอาใจเพื่อน แต่เธอรู้สึกว่าทำแล้วไม่มีความสุข
ฯลฯ
มนุษย์เรามีสัญชาตญาณกลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบ เราอยากรู้ว่าคนอื่นจะมีปฏิกิริยาอะไรเมื่อเราทำเรื่องหนึ่ง ๆ คนอื่นจะคิดอะไรเมื่อเราสวมเสื้อไม่เหมือนคนอื่น สีไม่ตรงใจพวกเขา กินไม่เหมือนพวกเขา เราอยากให้คนอื่นชอบเรา
เรารู้สึกว่าเราเป็นคนมีค่าก็เมื่อคนอื่นชอบเรา ยิ่งมากคน ยิ่งดี
ถ้าเราไม่ทำสิ่งที่ขัดกับความชอบของคนอื่น เราก็ไม่สบายใจ เพราะกลัวจะได้ยินคำติเตียนของคนอื่น
ปัญหาคือถ้าเราทำตามใจคนอื่น เราก็ไม่สบายใจ
มนุษย์แต่ละคนมีความฝัน ความคิด ความต้องการ และวิถีทางของตัวเอง แต่ละคนเชื่อว่าตนเองถูกต้อง คนส่วนใหญ่ชอบหาคำตอบสุดท้ายคำตอบเดียวในทุกเรื่อง
พวกเขาเห็นว่าคนที่แตกต่างจากตนคือคนประหลาด ทั้งนี้เพราะคนส่วนใหญ่กลัวความแตกต่างจากความเคยชินของพวกเขา พวกเขาคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยทำเป็นเรื่องไม่ถูกไม่ดี
ประสบการณ์ชีวิตต่างกันปรับหลอมโลกทัศน์และมุมมอง และเมื่อใช้มุมมองแบบหนึ่งไปมองอีกคนหนึ่ง ย่อมเห็นความแตกต่าง และหากใจไม่กว้างพอ ก็จะวิพากษ์และตัดสินคนอื่นด้วยมุมมองและกรอบคิดแคบ ๆ ของตัวเอง
ดังนั้นเราจึงมักถูกคนที่เห็นต่างจากเราตัดสิน และพยายามชี้ทางที่เขาเชื่อว่าถูกต้องหรือดีที่สุดให้เราเดิน
หากเราทำตามใจเขา ก็เท่ากับเราพยายามเอาใจเขาคนนั้น
แต่ความจริงคือ ไม่ใช่ทุกเรื่องในชีวิตที่ต้องมีคำตอบเดียว หรือต้องมีคำตอบ
ความจริงคือ มีคนนับล้าน ๆ ที่เห็นต่างกัน ความเห็นหรือคำแนะนำนับล้านที่ขัดแย้งกัน ไม่อาจถูกต้องพร้อมกัน
นี่แปลว่าความเห็นเป็นความคิดส่วนตัว ไม่ใช่สัจธรรม
เรื่องหลายเรื่องในโลกเป็นรสนิยมส่วนตัว เป็นนานาจิตตัง ดังนั้นไม่มีวิถีทางใดที่ถูกต้องสูงสุด
จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเอาใจทุกคน
และเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราไม่ทำตามใจคนอื่น เราจะถูกวิพากษ์
วินทร์ เลียววาริณ
16-10-25.........
ท่อนหนึ่งจาก ตัวสุขอยู่ในหัวใจ
หนังสือเสริมกำลังใจ
260 บาท 49 บทความ เรื่องละ 5.3 บาท
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/211/ตัวสุขอยู่ในหัวใจ2 วันที่ผ่านมา -
สองวันนี้ สถานการณ์ในกาซาซาลงนิดหน่อย หลังจากท่านทรัมป์บังคับให้ทุกฝ่ายเซ็นสัญญาสันติภาพ
ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายปล่อยตัวประกันทั้งหมด
คำถามคือศึกกาซาจบแค่นี้หรือ?
นักวิเคราะห์การเมืองโลกส่วนใหญ่บอกว่า "โน! เดี๋ยวก็รบกันต่อ"
คำถามต่อมาคือ งั้นทำไมฮามาสยอมปล่อยตัวประกัน ในเมื่อมันเป็นอำนาจต่อรอง
คำตอบน่าจะเป็นเพราะคนที่ร่วมเซ็นสัญญาสันติภาพมีหลายประเทศในอาหรับ และคำรับรองของสหรัฐฯ
และฮามาสอาจรู้ว่า ปล่อยหรือไม่ปล่อยตัวประกัน ก็โดนถล่มเหมือนเดิม เพราะนายกฯอิสราเอล เนทันยาฮู โนสนโนแคร์ใดๆ ทั้งสิ้น
ผลงานของท่านทรัมป์ชิ้นนี้ทำให้นิตยสาร Time นำท่านไปขึ้นปก
ท่านทรัมป์บอกว่า นิตยสารเขียนถึงท่านในแง่ดี แต่เลือกรูปได้ห่วยมาก
ไม่ชอบ ขอบอก
วันก่อนท่านทรัมป์ไปปรากฏตัวที่รัฐสภาอิสราเอล (เรียกว่า Knesset) ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับอย่างล้นหลาม
ท่านทรัมป์พูดทีเล่นทีจริงกลางที่ประชุมว่า ท่านประธานาธิบดีอิสราเอลควรให้อภัยโทษนายกฯ เนทันยาฮูนะ ทำเอาเนทันยาฮูหน้าเจื่อน เพราะเท่ากับท่านทรัมป์ยอมรับว่าเนทันยาฮูเป็นอาชญากรสงคราม!
ชาวอิสราเอลถือว่าท่านทรัมป์เป็นสุดยอดวีรบุรุษประชาธิปไตย มีคนทำรูปท่านบนพื้นดิน
อืม! ดีไซน์นี้ค่อยยังชั่ว
วันนี้เห็นข่าวท่านทรัมป์จะมาร่วมเซ็นสัญญาสันติภาพระหว่างไทยกับเขมร
ท่าทางรางวัลโนเบลสันติภาพปีหน้าจะหนีไม่พ้นมือท่านทรัมป์เสียแล้ว
เอาละ ไหนๆ ท่านทรัมป์ก็จะมาเยือนแถวนี้ น่าจะชวนท่านไปกินไข่เจียวปูเจ๊ไฝ แล้วพาท่านและพวกซีไอเอ เพนตากอน ไบกอน ไปดูการสาธิตการใช้เสียงเป็นอาวุธ ทรงพลังกว่าอาวุธจรวด supersonic ของมหาอำนาจอีก
เพราะมันคือเสียงผีผ่านลำโพง
คราวนี้ถ้าไม่ได้โนเบิ้ล เอ๊ย! โนเบลสันติภาพ จะเปิดเสียงผีให้คณะกรรมการโนเบลฟังทุกคืน เดี๋ยวก็ยอมเอง
เฮ้อ! โลกเรานี่อยู่ยากเข้าไปทุกที แม้แต่ผียังถูกลากเข้ามาสู่การเมืองโลก
วินทร์ เลียววาริณ
15-10-252 วันที่ผ่านมา -
หลายปีก่อนมีนิยายไซไฟจีนเรื่องหนึ่งโด่งดังไปทั่วโลก ได้รับรางวัลฮิวโก และสร้างเป็นหนังด้วย ทั้งเวอร์ชั่นจีนและฝรั่ง (ได้รับรางวัลฮิวโกนี่ถือว่าสุดยอดแล้ว)
คือเรื่อง ดาวซานถี่ อุบัติสงครามล้างโลก (The Three-Body Problem)
คำว่า ซานถี่ (三体) แปลตรงตัวว่า สามร่าง
ในหนังฉบับ Netflix สร้าง ตั้งชื่อดาวว่า ซานถี่ แต่ในภาษาจีนต้นฉบับ ซานถี่ไม่ใช่ชื่อเฉพาะ
ในทางดาราศาสตร์หมายถึงระบบดาวสามดวง (three-body) นั่นคือเมื่อดวงอาทิตย์สามดวงโคจรวนกัน หากมีดาวเคราะห์อยู่ สภาพดาวเคราะห์ก็ปั่นป่วน ไม่เสถียร เป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่า three-body problem
เอาละ เกริ่นมาตั้งนานก็เพื่อจะบอกว่า ในนวนิยาย สี่ภพ ก็มีดาวชื่อคล้ายกัน คือซานไถ
นี่ไม่ใช่ลอกหรือล้อเลียน หรือกวงติงแต่ประการใด
ซานถี่กับซานไถไม่มีอะไรที่เกี่ยวกัน เพียงแต่ชื่อคล้ายกัน และเกี่ยวกับดาวเหมือนกัน
ตอนเขียนก็ไม่เคยคิดอะไร แต่เมื่อเขียนออกมา ก็นึกขำที่ชื่อคล้ายกันมาก
แต่ระบบดาวซานไถมีจริงนะครับ ผมอ้างอิงมาจากตำราโบราณของจีน
ซานไถ (三台 Three Terraces) คือกลุ่มดาวสามคู่ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ (Ursa Major) ซึ่งอยู่ห่างจากโลกราว 80 ปีแสง
ที่น่าสนใจคือพวกนักพรตเต๋าโบราณมีกิจกรรมเดินอย่างหนึ่ง เรียกว่า ปู้กังต้าโต่ว (步罡踏鬥)
ปู้ (步) คือก้าว กัง (罡) คือดวงดาวที่ประกอบเป็นก้านตะบวยของกลุ่มดาวตะบวยใหญ่ (Big Dipper)
ตำราสมัยซ่งอธิบายเรื่องปู้กังว่า การเดินปู้กังคือการเชื่อมกับ ‘เจิน’ (真) คือความสมบูรณ์สูงสุด
ปู้กังก็คือการเดินในสวรรค์ เพื่อบรรลุความสมบูรณ์แบบของมนุษย์ พวกนักพรตเต๋าใช้หลักนี้ โดยเดินไปตามทางของหมู่ดาวตะบวย ไปจบที่ประตูสวรรค์ ในดินแดนที่เรียกว่าซานไถ
ในทางเต๋า ซานไถคือบันไดสวรรค์ เป็นทางขึ้นลงของเทพไท่อี้
เอาละ อย่างนี้ก็เข้าทางไซไฟเลย เพราะผู้เขียนสามารถแต่งเรื่องโยงไท่อี้เป็นสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวแห่งซานไถ
อีกจุดหนึ่งที่น่าคิดคือ ขณะที่นิยายซานถี่พูดถึง three-body problem นิยายสี่ภพจะพูดถึง four-body problem
แปลว่า ปัญหาของสี่ภพ
อยากรู้ว่าเป็นยังไง ก็ต้องอ่าน รอ'ไรล่ะ?
วินทร์ เลียววาริณ
15-10-25...............
สี่ภพ เป็นนิยายจีนกำลังภายใน+ไซไฟ ผลงาน 5 ปีของ วินทร์ เลียววาริณ
จำหน่ายในงานหนังสือและทางออนไลน์
งานหนังสือบูธ F-21 (ราคา 2,300.- ถ้ารับเอง)ซื้อผ่าน Shopee กดลิงก์ https://s.shopee.co.th/2LPBgEyqPg?share_channel_code=6
ซื้อผ่านเว็บไซต์ วินทร์ เลียววาริณ กดลิงก์
https://www.winbookclub.com/store/detail/255/%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%9Eอีบุ๊ค จัดจำหน่ายโดยบริษัท The Meb ทั้งแยกเล่มและรวมชุด (สำนักพิมพ์ 113 ไม่ได้จำหน่าย) https://www.theonebook.com/index.php?action=search_book&page_no=1
2 วันที่ผ่านมา