-
วินทร์ เลียววาริณ1 ปีที่ผ่านมา
ผมเดินทางเข้าไปในรูหนอนเมื่อปี พ.ศ. 2512 อายุสิบสาม เรียนชั้น ป. 6 หลังจากนั้นชีวิตผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
นักฟิสิกส์อธิบายเรื่องการเดินทางข้ามจักรวาลผ่านรูหนอนโดยสมมุติจุดสองจุด ก. กับ ข. บนปลายกระดาษทั้งสอง เนื่องจาก space-time บิดได้ เมื่อพับกระดาษให้ทั้งสองจุดทาบกัน ก็เท่ากับว่าจุด ก. กับจุด ข. กลายเป็นจุดเดียวกัน
ทางเชื่อมสองจุดนี้เรียกว่า ‘รูหนอน’ เป็นสะพานลัดระหว่างสอง space-time ที่ห่างไกลกันมหาศาลในจักรวาล
รูหนอนที่ว่านี้อยู่ที่ใดในโลกหรือมุมใดในจักรวาล ไม่มีใครรู้ แต่รูหนอนที่เพื่อนร่วมชั้นประถมคนหนึ่งแนะนำให้ผมรู้จัก อยู่ห่างสองสามกิโลเมตรจากบ้านผม
“ข้ามสะพานลอย ก่อนถึงหาดใหญ่ใน” เขาบอก
ตำแหน่งที่ตั้งนอกเมืองของรูหนอนทำให้ผมต้องปั่นจักรยานข้ามสะพานลอยเหนือทางรถไฟ เป็นสะพานลอยสูงชันเอาการโดยเฉพาะเด็กหนุ่มร่างผอมบางแทบปลิวตามลม ออกแรงปั่นจนหอบ แต่มันไม่อาจหยุดความอยากรู้อยากเห็นของผม
ทางเข้ารูหนอนไม่ใหญ่มาก มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งดูแล การเข้ารูหนอนก็ไม่ยุ่งยาก เพียงสมัครสมาชิกโดยไม่ต้องเสียเงิน
แล้วผมก็ก้าวเข้าไปในรูหนอน ผมไม่รู้ว่ามันจะพาผมไปไหน ไม่รู้ว่าโลกอีกปลายหนึ่งของรูหนอนเป็นอย่างไร มีอะไรรออยู่ โลกของผมในวัยนั้นยังคับแคบอย่างยิ่ง สำหรับเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง แค่เดินทางออกจากพื้นที่คุ้นชินซึ่งประกอบด้วยถนนไม่กี่สาย ก็คือโลกใหม่แล้ว
ภายในรูหนอนค่อนข้างมืดและเงียบสงัดราวกับวัดป่า ผมแปลกใจเมื่อเห็นผนังทั้งสองด้านของรูหนอนเป็นชั้นวางหนังสือมากมาย ชั้นเหล่านั้นเรียงยาวไปตลอดรูหนอน อาจจะยาวถึงหลายร้อยกิโลเมตร
ผมไม่เคยรู้ว่ามีหนังสือมากมายอย่างนี้ในโลก ผมไม่เคยผ่านตาเลยสักเล่ม ส่วนมากเป็นนิยายเริงรมย์ บ้างเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ ชีวประวัติบุคคลสำคัญ บ้างเป็นสารคดี คงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตแทะเล็มหนังสือได้ทั้งหมด
แล้วผมก็เริ่มต้นแทะเล็ม ทีละคำ ทีละหน้า ทีละเล่ม ก้าวต่อไปทีละคืบ ทีละศอก เหมือนปลาได้น้ำ ไส้เดือนได้ดิน เดินทางเข้าไปในโลกที่เหมือนกาลหยุดนิ่ง
บางช่วงของรูหนอนบรรจุนิยายผจญภัย : ล่องไพร, เพชรพระอุมา, เกาะมหาสมบัติ, กัลลิเวอร์ผจญภัย, รอบิน ฮู้ด, รอบินสัน ครูโซ, ฮัคเกิลเบอร์รี ฟินน์
ตรงนี้เป็นนิยายบู๊ : เล็บครุฑ, สิงห์สั่งป่า, เหยี่ยวราตรี, ร้อยป่า, ป่าร้อน มุมนี้เองที่ผมรู้จักเพื่อนใหม่ รพินทร์ ไพรวัลย์, ชีพ ชูชัย, เสือ กลิ่นสัก, แมน ดำเกิงเดช ตรงนั้นเป็นมุมนิยายอิงประวัติศาสตร์ : ผู้ชนะสิบทิศ, ขุนศึก, พญาเสือฟ้า, ผู้ชนะแปดทิศ, ชิงบัลลังก์แสนหวี ตรงโน้นเป็นนิยายรักกองใหญ่ : มัสยา, สกาวเดือน, จุฬาตรีคูณ, ทิวาถวิล, รัศมีแข, แววมยุรา, ละอองดาว, ห้วงรักเหวลึก, พานทองรองเลือด, ฟากฟ้าสาละวิน, บัลลังก์เชียงรุ้ง, ดอกฟ้าจำปาศักดิ์, กุหลาบเมาะลำเลิง ผมแทะเล็มหนังสือเหล่านี้หมดตู้ แล้วคืบคลานไปที่ตู้ถัดไป
บางช่วงของรูหนอนวางนวนิยายจีนกำลังภายในมากมายก่ายกอง : มังกรหยก, อสูรจอมราชันย์, ผาโลหิต, มัจจุราชคะนอง, บ้ออ้วงตอ, กระบี่ดาวรุ่ง, พญามารเงิน, ผู้ยิ่งใหญ่, วีรบุรุษสำราญ, หงส์ผงาดฟ้า มากมายสุดประมาณ เป็นอาหารรสชาติแปลกจากเดิม แต่สมใจ
ชั้นถัดไปเป็นเรื่องสั้นหักมุมจบ : คาวคน, ภูเขียว, หมู่เคน, เมืองแมน, ละครโรงใหญ่, ความลับของหญิงผู้ตาย, ไปอยู่กับฉันเถิด วิเวียน, นิยายรักของนายหน้างานยุ่ง, ยาเสน่ห์ของ ไอกีย์ โชนสไตน์ ให้ความสนุกสนานระคนระทึก
บางช่วงเป็นงานวรรณกรรม : สี่แผ่นดิน, ไผ่แดง, หลายชีวิต, เฒ่าเสเพล, เฒ่าลอยลม, ซาเก๊าะ, เหมืองแร่ นี่เป็นมุมที่ผมพบแม่พลอย, ไอ้ลอย, สมภารกร่าง, แกว่น แก่นกำจร รู้สึกตื่นใจเมื่ออ่านพบหลวงพ่อพระประธานที่พูดได้
ที่อยู่ถัดไปเป็นเรื่องแปล : บ้านเล็กในป่าใหญ่, บ้านเล็กในทุ่งกว้าง, ฤดูหนาวแสนนาน, ปีทองอันแสนสุข เรื่องราวชีวิตน่าทึ่งของ ลอรา อิงกัลส์ ไวล์เดอร์ นอกจากนี้ยังมีหนังสือแปลอีกมากมาย : เถ้าสวาท, สามทหารเสือ, ชายเฒ่ากลางทะเลลึก, รักระหว่างรบ, นายแพทย์ชิวาโก ไปจนถึง เจมส์ บอนด์ ไม่ไกลออกไปเป็นหนังสือสารคดีต่าง ๆ เช่น กำลังใจ, กุศโลบาย, มันสมอง, วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข, วิธีชนะมิตรและจูงใจคน ฯลฯ
ผมแทะหนังสือเหล่านี้อย่างลืมเวลา ผมไม่รู้ว่ากาลข้างนอกรูหนอนผ่านไปนานเท่าใด วันหนึ่งผมเห็นแสงสว่างจากเบื้องหน้า ผมรู้ว่าตัวเองเดินทางมาถึงอีกปลายหนึ่งของรูหนอนแล้ว
ผมเดินทางเข้าไปในรูหนอนเมื่อปี พ.ศ. 2512 อายุสิบสาม เรียนชั้น ป. 6 ผมเดินทางออกจากรูหนอนหลายสิบปีหลัง วัยกลางคน ชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันเรียกว่า ‘รูหนอน’
มันเป็นทางของหนอนหนังสือ!
ที่ปากทางออกวางชั้นหนังสือชั้นหนึ่ง หนังสือหลายสิบเล่มบนชั้นนั้นพิมพ์ชื่อของผมบนปก ผมพบว่าผมได้สร้าง space-time ใหม่ของตัวเอง โลกที่ผมเป็นนักเขียน
รูหนอนเป็นสิ่งอัศจรรย์พิสดารแห่งจักรวาล มันสามารถบิด space-time ได้จริง ๆ จุด ก. คือ space-time แห่งความเป็นไปไม่ได้ จุด ข. คือ space-time แห่งความเป็นไปได้
จุด ก. คือ space-time ของความฝัน จุด ข. คือ space-time ของความจริง
ยิ่งใกล้จุด ข. เท่าไร โลกของความฝันก็ก่อร่างเป็นโลกของความจริงมากขึ้นเท่านั้น
มันมิใช่รูหนอนที่เปลี่ยนชีวิต กระบวนการเดินทางข้ามรูหนอนต่างหากที่เปลี่ยนชีวิต จากความไม่รู้เป็นความรู้, ความฟุ้งซ่านเป็นจินตนาการ, ความฝันเป็นความจริง
หนอนหนังสือเดินไปได้ช้า ๆ เพราะมันต้องกัดแทะเล็มหนังสือแต่ละเล่มเป็นพลังงานขับเคลื่อนต่อไป สาระจากอาหารที่แทะเป็นเชื้อเพลิงทำให้หนอนหนังสือตัวหนึ่งลอกคราบจากหนอนเป็นผีเสื้อ
ผมรู้แล้วว่ารูหนอนซึ่งเชื่อมสอง space-time นั้นมีอยู่จริง แต่ไม่มีทางลัดระหว่างสองจุดใด ๆ ในจักรวาล ‘รูหนอน’ คือบาทวิถีแห่งการอ่าน การศึกษา การเรียนรู้ การค้นคว้า และการเขียน ตามลำดับ
มันไม่ใช่ทางลัด แต่มันเป็นทางที่สั้นที่สุดจริง ๆ
จากอีบุ๊ค #ปล่อยให้ความเปลี่ยนแปลงพาไป / วินทร์ เลียววาริณ
สั่งได้ทางเว็บและ The Meb
1- แชร์
- 66
-
ข่าวอดีตนายกฯถูกศาลพิพากษาจำคุกในวันนี้ ไม่ใช่ประเด็นที่จะคุย แต่ที่เขียนถึงเรื่องนี้เพราะมีคนให้ข้อมูลว่า นี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่นายกฯเข้าคุก
ข้อมูลนี้ไม่จริง นายกฯคนแรกที่เข้าคุกคือจอมพล ป. พิบูลสงคราม ข้อหาอาชญากรสงคราม
จอมพล ป. เป็นผู้นำประเทศเมื่อไทยประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากสงครามมหาเอเซียบูรพายุติ ญี่ปุ่นแพ้สงคราม ก็ถึงเวลาคิดบัญชี
เวลาตี่สี่ วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ทหารหลายคนนำโดย พ.ท. จำรัส รุ่งแสง ไปเคาะประตูบ้านจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่หลักสี่ ผู้เปิดประตูคือ ร.อ. อนันต์ พิบูลสงคราม บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ขอเวลาหน่อยนะ คุณพ่อยังไม่ตื่น รอให้ท่านตื่นก่อนเถอะ แล้วค่อยเอาตัวไป”
ไม่นานนัก จอมพล ป. ตื่นนอน และได้รับแจ้ง ก็กล่าวว่า
“อ้อ! เขามากันแล้วหรือ พ่อก็พร้อมแล้วเหมือนกัน”
นายทหารบกคนที่มาเชิญตัวคุกเข่ากราบจอมพล ป. น้ำตาคลอ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ผมทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเท่านั้น”
จอมพล ป. พยักหน้าแสดงความเข้าใจ
ก่อนฟ้าสาง ประสงค์ พิบูลสงคราม ลูกชายคนที่สองก็ขับรถพาพ่อ ตามหลังรถทหารไป
จอมพล ป. ติดคุกอยู่ ๑๕๙ วันก็เป็นอิสระ
ในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ศาลฎีกาคดีอาชญากรสงคราม พิพากษาให้ยกฟ้อง ปล่อยจำเลยทั้งหมดพ้นข้อหาไป เหตุผลคือพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม พุทธศักราช ๒๔๘๘ ที่บัญญัติย้อนหลังให้การกระทำความผิดก่อนวันที่ใช้พระราชบัญญัติเป็นความผิด ขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๔ และเป็นโมฆะตามมาตรา ๖๑
นักประวัติศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญการเมืองไทยหลายคนวิเคราะห์ว่า ผู้ที่วางแผนช่วยเหลือจอมพล ป. ก็คือ ปรีดี พนมยงค์ นั่นเอง ด้วยแผนที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ข้อหนึ่ง การออกกฎหมายอาชญากรสงครามทำให้คนไทยไม่ถูกส่งไปดำเนินคดีในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เสียเปรียบในการเจรจาหลังสงคราม เท่ากับยอมรับว่าไทยเป็นประเทศแพ้สงคราม
ข้อสอง เป็นการช่วยเหลือจอมพล ป. พิบูลสงคราม ให้พ้นโทษอย่างละมุนละม่อม
นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ไม่ว่าจะเห็นต่างทางการเมืองอย่างไร จอมพล ป. พิบูลสงคราม และ ปรีดี พนมยงค์ ก็เป็นเพื่อนร่วมตายมาแต่ครั้งเปลี่ยนแปลงการปกครอง นอกจากนี้ผู้ต้องหาคดีอาชญากรสงครามก็ล้วนเป็นคนรู้จักกันทั้งนั้น
หนึ่งปีถัดมา กลุ่มจอมพล ป. ก็ก่อรัฐประหาร จอมพล ป. หวนคืนสู่อำนาจสูงสุด คราวนี้อยู่ยาวไปสิบปี ก่อนถูกรุ่นน้องจอมพลสฤษดิ์โค่น หนีไปลี้ภัยที่ญี่ปุ่น .......................
สองกรณีนี้คือคุกทางกายภาพหากนับคุกทางใจด้วย เพราะการลี้ภัยก็คือการติดคุกชนิดหนึ่ง ก็มีนายกฯไทยมากกว่าสองคนที่เข้าข่ายนี้
คนแรกคือพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ถูกหลวงพิบูลสงคราม (จอมพล ป.) และพวก ขับออกไปในปี ๒๔๗๖ และตายในต่างแดน
ปรีดี พนมยงค์ ก็ถูกกลุ่มจอมพล ป. ขับ ต้องลี้ภัย และตายในต่างแดน
จอมพล ถนอม กิตติขจร ลี้ภัยต่างแดน แต่ยังได้กลับมาตายบ้าน
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังลี้ภัยอยู่ต่างแดน
ดังนั้นตามประวัติศาสตร์ ก็มีนายกฯสองคนที่โดนทั้งคุกทางกายและทางใจ
ประวัติศาสตร์โลกบอกว่า คนที่มีอำนาจสูงสุด ตกสูงกว่า
วินทร์ เลียววาริณ
๙-๙-๒๕๖๘
อ่านรายละเอียดทั้งหมดและเกร็ดประวัติศาสตร์ไทยอื่นๆ ได้จาก ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม 1-5 (5 เล่ม)
สั่งทาง Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6
1 วันที่ผ่านมา -
ความจริงจะไม่คุยเรื่องนี้ แต่เห็นผู้นำของสหภาพยุโรปออกมาให้ข้อมูลที่เจตนาบิดเบือน จึงต้องพูด
เรื่องเริ่มมาจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เมืองจีนจัดงานใหญ่ Shanghai Cooperation Organization (SCO) Summit 2025 ไฮไลท์ของงานคือการพบกับระหว่างสีจิ้นผิงแห่งจีน ปูตินแห่งรัสเซีย โมดีแห่งอินเดีย
เจตนาหนึ่งเพื่อจัดงานรำลึกครบ 80 ปีของชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่สอง
แต่เจตนาสำคัญน่าจะเป็นการบอกโลกว่า จีนกำลังจัดระเบียบโลกใหม่ (new world order)
แน่นอนสหรัฐฯไม่ยินดีกับกิจกรรมนี้
ทรัมป์เขียนอวยพรแบบประชดประชันว่า "Looks like we've lost India and Russia to deepest, darkest, China. May they have a long and prosperous future together!"
(ดูเหมือนเราสูญเสียอินเดียกับรัสเซียแก่จีนที่อยู่ในด้านมืดลึกสุด ขอให้พวกเขาประสบอนาคตที่แสนจะยั่งยืนและมั่งคั่งด้วยกันเทอญ!) (เครื่องหมาย ! แปลว่ากูกำลังแดกดันอยู่นะ)
ไม่น่าเชื่อว่าการทูตแดกดันจะมาจากประเทศศิวิไลซ์ตะวันตกที่เจริญแล้ว!
สหภาพยุโรปก็ไม่น้อยหน้า Kaja Kallas ตำแหน่ง High Representative of the European Union for Foreign Affairs and Security Policy ออกมาบอกว่า คนสมัยนี้ไม่อ่านหนังสือ ไม่อ่านประวัติศาสตร์ จึงไม่รู้ว่าจีนกับรัสเซียไม่ได้มีส่วนอะไรที่ช่วยชนะสงครามโลกอย่างที่เคลม
คำกล่าวว่า "คนสมัยนี้ไม่อ่านหนังสือ ไม่อ่านประวัติศาสตร์" ทำให้ข้อความนี้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาทันที แต่มันจริงหรือไม่ ก็ต้องพิสูจน์ตามหลักฐาน
ข้อมูลประวัติศาสตร์โดยเฉพาะฝ่ายตะวันตกยืนยันว่า ในสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศที่สูญเสียคนต่อสู้กับนาซีและญี่ปุ่นมากที่สุดคือโซเวียต เสียคนไป 27 ล้านคน
โซเวียตทำลายกองทัพนาซีมากกว่าฝ่ายตะวันตกเสียอีก โดยเฉพาะสงครามที่สตาลินกราด ซึ่งเป็นการรบที่รุนแรงโหดเหี้ยมที่สุด อาจจะตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โซเวียตตายไป 1-2 ล้านคน แต่เปลี่ยนทิศทางของสงคราม
(มีหนังเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับสงครามที่สตาลินกราด คือ Enemy at the Gates จะฉายที่ Netflix อีกไม่กี่วันเท่านั้น จะดูก็ต้องรีบ)
จีนเสียคนไปกับการสู้ญี่ปุ่นราว 20 ล้านคน และจีนสู้ตลอด ขณะที่ฝรั่งเศสยอมแพ้นาซี
ทั้งสองประเทศนี้สูญเสียคนไปมากกว่าสหรัฐฯและยุโรปหลายสิบเท่า ไม่เช่นนั้นโซเวียตกับจีนจะได้ที่นั่งถาวรในสหประชาชาติและมีอำนาจวีโตหรือ
นี่บอกว่าตัวแทนอียูต่างหากที่ไม่ได้อ่านหนังสือ ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ ทั้งหมดนี้เป็นแค่อคติที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นระเบียบโลกเก่ากำลังถูกท้าทาย
ชาวยุโรปจำนวนหนึ่งยังมุดหัวอยู่ในกรอบคิดว่า ตนยังอยู่ในโหมดนักล่าอาณานิคมเมื่อ 100-200 ปีก่อน เป็นศูนย์กลางของจักรวาล
จะว่าไปแล้ว ภาพการจับมือกันของจีนกับอินเดียที่เป็นศัตรูกัน ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากมิใช่ทรัมป์ช่วยหนุน โดยกระทืบทั้งจีนและอินเดีย ทำให้ทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน
บางทีโลกใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโลกเก่ากำลังเสื่อมสลาย แต่เพราะโลกเก่าไม่สามารถยอมรับสัจธรรมของความเปลี่ยนแปลง
วินทร์ เลียววาริณ
9 กันยายน 2568(ภาพจาก Reuters)
1 วันที่ผ่านมา -
สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้จากการฝึกเขียนหนังสือคือ หากเราตัดข้อความใดข้อความหนึ่งออกไปแล้ว ยังอ่านรู้เรื่อง ก็แสดงว่าข้อความนั้นเป็นส่วนเกิน เป็นแค่สิ่งประดับ
หลักนี้ใช้กับชีวิตได้เช่นกัน ว่าง ๆ เราก็ควรพิจารณาดูสิ่งของรอบตัวเรา แล้วถามตัวเองว่า ถ้าเอามันออกไปจากชีวิตแล้ว เรายังดำรงอยู่ได้หรือไม่ ถ้าได้ก็แสดงว่ามันเป็นแค่เครื่องประดับ
ชีวิตที่พอเพียงเท่าที่จำเป็น ใช้ชีวิตตามหน้าที่ใช้สอย ก็งดงามได้
วิธีคิดแบบนี้เรียกว่า Minimalism ใช้ได้ทั้งร่างกาย ไปจนถึงวิถีชีวิต
กำหนดขนาดของชีวิตด้วยตัวเอง ด้วยความพอดี
เราจะใช้ชีวิตแบบ ‘ไขมันเกาะหนา’ หรือ ‘ไขมันน้อย’ ก็แล้วแต่เรา เพียงแต่เมื่อ ‘ไขมัน’ น้อย ก็อาจคล่องตัว ทะมัดทะแมงกว่า
เคยสังเกตไหมว่าขณะที่ไดโนเสาร์ตัวใหญ่ยักษ์ หัวของมันกลับเล็กมาก เมื่อเทียบกับลำตัว
เมื่ออุกกาบาตถล่มโลกจนอยู่ลำบาก สัตว์ใหญ่แข็งแกร่งอย่างไดโนเสาร์กลับตายก่อน สัตว์เล็กรอดมาได้
บางทีธรรมชาติสอนเราว่า ความเล็กปลอดภัยกว่าความใหญ่
วินทร์ เลียววาริณ
9-9-25จาก เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/187/เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า1 วันที่ผ่านมา -
ลองจินตนาการว่าคุณอยู่ในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายของชีวิต คุณกำลังจะตาย หายใจแผ่วลง ๆ เมื่อหมดลม ชีวิตคุณก็ดับสิ้น ลองจินตนาการต่อไปว่าคุณยังสามารถเห็นโลกหลังคุณตาย คุณเห็นตัวคุณจบบทบาทชีวิตในโลกนี้เพียงเท่านี้ แต่โลกยังคงหมุนต่อไป ไม่กี่ปีต่อมา คนส่วนใหญ่ลืมคุณไปแล้ว ยี่สิบปีผ่านไป อาจไม่มีใครสักคนบนโลกที่เคยรับรู้การดำรงอยู่ของคุณมาก่อน หนึ่งร้อยปีต่อมา คุณหายไปจากโลกตลอดกาล ราวกับคุณไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกนี้ มันทำให้คิดและถามว่า อะไรคือความหมายของชีวิต ทำงานมาทั้งชีวิตเพื่ออะไรจริง ๆ ชีวิตมีแค่นี้เองหรือ?
เมื่อผมผ่านอายุเลข 60 อย่างเงียบ ๆ พร้อมกับเพื่อน ๆ หลายคนที่เกษียณไปตามระบบ แล้วเลข 7 ก็ใกล้เข้ามา ทันใดนั้นเราก็พบว่าตนเองยืนอยู่ระหว่างชีวิตที่เหลือกับความตายที่อาจอยู่ไม่ห่างไกล หลายคนในสถานะนี้เกิดอาการหลงทาง ยืนอยู่ระหว่างความหงอยเหงากับความหมายของชีวิต
คนจำนวนมากเป็นอย่างนี้ ก้มหน้าก้มตาหายใจ ทำงาน ทีละวัน ผ่านไป 35-40 ปี เรือชีวิตก็ปลดระวางเพราะสภาพเก่าพร้อมจมได้ทุกเมื่อ รู้สึกตัวอีกที ก็เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว บางคนเพิ่งเริ่มเงยหน้ามองโลกจริง ๆ เป็นครั้งแรกในวันเกษียณ ถ้าไม่รู้จักเตรียมใจแต่แรก รู้สึกหลงทาง งงว่าจะไปทางไหนดี อาจจะรู้สึกตกใจก็ได้
ทางพุทธสอนให้ตามทันชีวิต รู้ทันความเปลี่ยนแปลง และยอมรับความเปลี่ยนแปลง จึงไม่เกิดทุกข์
ถ้าตามโลกไม่ทัน ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ตรวจสอบตัวเอง เมื่อเดินทางถึงหลักไมล์ท้าย ๆ ของชีวิต อาจปรับตัวไม่ทัน
เราไม่รู้ว่าเมื่อใดเราจะยุติบทบาทบนโลกนี้ มันอาจเป็นชั่วโมงหน้า อาจเป็นพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ดังนั้นหากจะคิดเรื่องนี้ ก็ทำตอนนี้
ไม่ว่าจะเป็นคนเกษียณหรือคนหนุ่มสาว ก็ควรตอบคำถามว่า เราใช้ชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาคุ้มค่าไหม
บางทีการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าไม่มีกติกาตายตัว มันขึ้นกับความพอใจ
พอใจก็คุ้มค่า
แต่ถ้ามิเพียงตนเองพอใจ ยังสามารถทำให้คนอื่นพอใจด้วย ก็ยิ่งคุ้มค่าขึ้นไปอีก
‘คุ้มค่า’ หมายถึงใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ มีความหมายและหรือมีความสุข
หลายคนอาจเห็นด้วยกับคำของนักแต่งเพลง นีล ยัง ว่า “เผาสิ้นฉับพลันดีกว่าค่อย ๆ เลือนจากไป”
โก้วเล้งเขียนว่า ใช้ชีวิตแบบจุดเทียนสองปลาย อายุสั้นไม่ใช่ปัญหา ความสว่างของชีวิตต่างหากที่สำคัญกว่า
เราอาจไม่ต้องการมีชีวิตเกินหนึ่งร้อยปี แต่หากใช้ชีวิตดีพอ เมื่อเราจากโลกไป ก็สมควรเป็นเรื่องเฉลิมฉลอง
วินทร์ เลียววาริณ
8-9-25จาก เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/187/เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า2 วันที่ผ่านมา -
สมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่สองบ่อยครั้งอยู่กลางอากาศ เมื่อเครื่องบินประจัญบานของสองฝ่ายยิงกัน เครื่องบินใครถูกยิงหนักก็ร่วง นักบินมักเสียชีวิต ลำไหนโชคดีถูกยิงเบาหน่อย นักบินก็พาเครื่องบินกลับฐานได้ บ่อยครั้งเครื่องบินที่กลับถึงฐานถูกยิงจนพรุน
กองทัพอากาศสหรัฐฯพยายามคิดหาวิธีเพิ่มสมรรถนะของเครื่องบิน ให้ถูกยิงตกน้อยที่สุด พวกเขาขอให้นักคณิตศาสตร์นาม อับราฮัม วัลด์ (Abraham Wald) แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ช่วยวิเคราะห์ปัญหาเครื่องบินถูกยิง
ในมุมมองของคนทั่วไป จุดที่เครื่องบินถูกยิงมากที่สุดคือจุดเปราะบาง ควรเสริมเหล็กให้หนาขึ้น แต่วัลด์มองต่างมุม เขาเห็นว่า ในเมื่อเครื่องบินถูกยิงจนพรุน แล้วยังสามารถบินกลับฐานได้ ก็แสดงว่าจุดที่ถูกยิงไม่ต้องเสริมอะไร
ตรงกันข้าม ควรไปเสริมจุดที่ไม่มีรอยกระสุนมากกว่า เพราะอาจแปลว่ามันเป็นจุดที่ถูกยิงแล้วร่วง จึงไม่ได้บินกลับมาให้เห็น
การมองด้านข้างแบบนี้ถูกนำไปพัฒนาเครื่องบินรบในช่วงสงครามให้ทำงานดีขึ้น
มนุษย์จำนวนไม่น้อยก็มักมีกรอบคิดอย่างนี้ ลงทุนในส่วนที่ไม่จำเป็น เช่น ลงทุนปรับปรุงหน้าตามากกว่าสมอง หรือปรับปรุงภาพลักษณ์มากกว่าความสามารถจริง
และเมื่อพบปัญหาจริง ๆ ก็มักโดนยิงตก!
วินทร์ เลียววาริณ
8-9-25จาก กอดหนาม
51 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 260 บาท = บทความละ 5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/241/กอดหนาม
โปรโมชั่นคู่กับเล่มอื่น https://www.winbookclub.com/store/detail/243/%28S11%29%20กอดหนาม%20+%20ปฎิบัติการผ่าสมองไอน์สไตน์%20+%20Mini%20Tao
Shopee เดี่ยว https://s.shopee.co.th/qUBWxp70F3 วันที่ผ่านมา