• วินทร์ เลียววาริณ
    3 เดือนที่ผ่านมา

    (ต่อจาก https://www.facebook.com/photo?fbid=1238521357636553&set=a.208269707328395)

    เรื่องกบฏบวรเดชนั้นเล่าได้ยาว เพราะมีรายละเอียดบันทึกไว้มากมาย

    ฉบับหนึ่งคืองานของพระยาศราภัยพิพัฒ เล่าถึงวันที่ถูกจับ

    “คดีข้าพเจ้ามีจำเลยด้วยกัน ๗ คนคือ นายหลุย  คีรีวัต, หลวงมหาสิทธิโวหาร (สอ เศรษฐบุตร), นายเทอญ มหาเปารยะ, นายเทิ้ม วาทิน, นายบุญเยี่ยม สุทธิถวิล และนายอำพัน สมุทศิริ คำฟ้องซึ่งขุนวิศุทธจรรยา เป็นอัยการพิเศษกล่าวว่า ‘จำเลยกับพรรคพวกได้เกลี้ยกล่อมทหารประจำการ ทหารกองหนุน และพลเรือนในพระราชอาณาจักร มีกรุงเทพฯ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสระบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น เพื่อทำลายล้มรัฐบาล’ กับอีกตอนหนึ่งมีคำว่า ‘จำเลยได้สมคบกันพิมพ์หนังสือให้ชื่อว่า คณะกู้บ้านเมือง มีใจความสำคัญว่า คณะรัฐบาลดำเนินการตามลัทธิคอมมิวนิสต์ ปล่อยให้ราษฎรดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คณะกู้บ้านเมืองจะให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่เหนือกฎหมายตามเดิม’ ”

    ในวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๗ จำเลยทั้งเจ็ดคนนี้ถูกคณะกรรมการศาลพิเศษ อันมีพลตรีพระยาประเสริฐสงครามเป็นประธานตัดสิน พระยาศราภัยพิพัฒ, สอ เศรษฐบุตร, หลุย คีรีวัต, บุญเยี่ยม สุทธิถวิล และ เทิ้ม วาทิน มีความผิดฐานกบฏ มาตรา ๑๐๑ ให้จำคุกไว้ตลอดชีวิต

    สอ เศรษฐบุตร ก็คือคนแต่งพจนานุกรมอังกฤษ-ไทย ทำงานชิ้นนี้ในคุก

    หากเห็นปกหนังสือเขียน สอ เสถบุตร ก็ไม่ต้องแปลกใจ เป็นภาษาวิบัติสมัยจอมพล ป. เรืองอำนาจ

    ผมเขียนเรื่องของพระยาศราภัยฯไว้ในนวนิยายสองเรื่อง คือ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน กับ น้ำเงินแท้ ส่วน สอ เศรษฐบุตร มีบทบาทในนวนิยาย น้ำเงินแท้

    หลังจากพระยาสุรพันธเสนีถูกส่งไปขังที่เกาะตะรุเตา ก็วางแผนหนี โดยหนีกันห้าคน รวมทั้งพระยาศราภัยพิพัฒ

    ในนวนิยาย น้ำเงินแท้ ที่เขียนฉากหนีนี้อิงเรื่องจริง พระยาศราภัยบอกตัวเอกว่า “เราจะหนีไปลังกาวี คุณจะไปกับเราไหม?”

    ข้าพเจ้า (ตัวละครเอกของ น้ำเงินแท้) นิ่งไป “แล้วจะไปได้ยังไงครับ?”

    “นายหมียอมช่วยหาเรือให้เรา เราจะไปในวันที่ ๑๖ เดือนนี้”

    ข้าพเจ้าว่า “ไว้ใจเขาได้หรือ?”

    “ได้”

    “ทำไมแน่ใจอย่างนั้น?”

    พระยาศราภัยฯหัวเราะ “ผมแน่ใจอำนาจของเงิน! ตาหมีไม่ใช่คนโง่ เขาไม่ช่วยเราเปล่า ๆ หรอก เพราะถ้าพลาด เขาอาจต้องย้ายจากบ้านไปอยู่ในคุกแทน งานนี้เราได้ลูกเขยแกที่เป็นผู้คุมมาช่วยด้วย ตาหมีจะจัดการเตรียมเรือใบ เราให้เงินนายหมีมากพอที่เขาจะส่งเสียลูกเรียนจนจบ อีกอย่างเขาไม่ชอบขุนยมที่กลั่นแกล้งนักโทษสารพัด เขาอยากช่วยเรา”

    “ตกลงเท่าไหร่?”

    “ห้าพันบาท”

    “เป็นเงินจำนวนสูงมาก”

    “ต้องสูงอย่างนี้ ตาหมีกับลูกชายจึงกล้าเสี่ยง”

    “เอาเงินนี้มาจากไหนครับ?”

    “ภรรยาเจ้าคุณสุรพันธฯให้เงินมาเป็นค่าจ้างและค่าใช้จ่ายในการหนี”

    “มีใครไปบ้างครับ?”

    “ก็มีคุณ หลุย สอ เจ้าคุณสุรพันธฯ ขุนอัคนีฯ และแฉล้ม แฉล้มคำนวณฤกษ์หนีไว้แล้ว วันที่ ๑๖ ตุลาฯ ตอนสองทุ่มตรง มันเป็นคืนขึ้นสามค่ำ เชื่อแฉล้มเถอะ เขารู้เรื่องโหราศาสตร์ดี เขาบอกว่าคืนนั้นฤกษ์ดี หนีรอดแน่ ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ แต่อย่าประมาทศาสตร์โบราณ ผมพิสูจน์มาแล้ว สองวันก่อนผมขอให้เขาพิสูจน์ความแม่นยำ เขาก็ทำนายว่าเมื่อวานตอนบ่ายสองฝนตกหนัก มันก็ตกตอนบ่ายสองจริง ๆ”

    “แต่การทำนายว่าฝนตกไม่มีอะไรพิเศษนี่ครับ...”

    “ผมก็บอกเขาอย่างนี้ แฉล้มจึงทำนายอีกเรื่องหนึ่ง บอกว่าบ่ายสองฝนตก บ่ายสามจะมีข่าวว่าคนเป็นอันตราย พอบ่ายสองเมื่อวานนี้ ฝนก็ตก และบ่ายสามก็มีข่าวว่าผู้คุมกับนักโทษสามัญที่ออกเรือหาปลาถูกปลากระเบนแทงบาดเจ็บ”

    พระยาศราภัยพิพัฒเห็นสีหน้ากังวลของข้าพเจ้า บอกยิ้ม ๆ ว่า “ไม่ต้องห่วงน่า แฉล้มดูดวงไว้แล้ว เรารอดแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจะหนีสำเร็จสมประสงค์ ต่อให้ถูกผู้คุมตามล่า ก็จะแคล้วคลาดอันตรายทั้งปวง”

    สอ เศรษฐบุตร เอาต้นฉบับปทานุกรมไปฝากกับ ชุลี สารนุสิต บอกชุลีว่า “ตรงหัวนอนของผมฝนรั่วบ่อย ๆ กลัวต้นฉบับจะเสียหาย”

    ข้าพเจ้ารู้ว่าสอจำเป็นต้องปิดบังชุลี ยิ่งชุลีรู้น้อยเท่าใด ก็เป็นประโยชน์ต่อเขาเท่านั้น หากทางการมีหลักฐานว่าชุลีรู้เรื่องการหนีก่อน เขาคงจะถูกลงโทษ

    แต่นาทีสุดท้าย สอ เศรษฐบุตร ก็เปลี่ยนใจไม่หนี เพราะแม่ของเขาบอกว่าอย่าทำ

    ส่วนนายหมีที่ช่วยพาคนหนีมีตัวตนจริง เป็นชาวบ้านที่เกาะตะรุเตา

    ..................................

    ในนวนิยาย ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน เสือย้อยถูกจับไปไว้ที่เกาะตะรุเตา เขาก็คิดหนีเช่นกัน แต่กลุ่มพระยาสุรพันธเสนีหนีไปก่อน ทำให้เขาหนีลำบากกว่าเดิม

    ฉากนี้บรรยายการหนีของพระยาสุรพันธเสนีและพวกไว้ดังนี้

    ดวงดาราเบื้องบนระยิบระยับ เหมือนกับภาพที่เขา (เสือย้อย) เคยมองอยู่เสมอเมื่อครั้งใช้ชีวิตนักปฏิวัติในป่า ต่างแต่ว่าที่นี่ไร้อิสรภาพ น้ำค้างเริ่มลงเผาะ ๆ ทำไมในนาทีนี้เขาจึงนึกถึง ตุ้ย พันเข็ม จำสายตาคู่นั้นที่มองเขาก่อนจากมาได้ดี นายตำรวจคนนั้นรู้แน่ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีวันกักขังคนอย่างเขาได้ แต่ไม่พูดอะไรนอกจากทิ้งอะไรบางสิ่งไว้ในกองสัมภาระของเขาก่อนจากไป เขาพบมันเมื่อเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว และขณะนี้มันกำลังอยู่ในมือของเขา

    เป็นหนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม 2482 หรือหลายเดือนมาแล้ว ออกในช่วงที่เขายังถูกขังอยู่ในคุกบางขวาง หน้าหนึ่งเป็นข่าวนักโทษการเมืองห้าคนหนีออกจากเกาะตะรุเตา พร้อมใบหน้าของคนทั้งห้าเด่นหรา เขารู้จักคนกลุ่มนั้น พระยาศราภัยพิพัฒ นักการเมืองผู้โชกโชนประสบการณ์การเมือง, พระยาสุรพันธเสนี อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี, ขุนอัคนีรัถการ, นายหลุย คีรีวัต, นายแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์ ทั้งหมดเป็นนักโทษคดีกบฏบวรเดช

    หนังสือพิมพ์รายงานว่า ตีสองเศษในคืนวันที่ 16 ตุลาคม เสียงนกหวีดกรีดกังวานปลุกนักโทษทุกคนให้ตื่นขึ้นมากลางดึก เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่นไปทั่วเกาะ เมื่อพบว่ามีนักโทษหนีออกจากเกาะ ผู้คุมทุกคนถือปืนเต็มอัตราวิ่งพล่านเหมือนฝูงสิงห์ได้กลิ่นสมัน สั่งให้นักโทษทุกคนขึ้นมาตั้งแถวตรวจนับอย่างเคร่งเครียดกลางดึก ไม่นานต่อมาเรืออาดังพร้อมผู้คุมและอาวุธเต็มพิกัดก็ออกตามล่านักโทษเดนตายกลุ่มนั้นอย่างกระชั้นชิดทั้งคืน และมันเป็นการจับตายเท่านั้น

    เช้าวันต่อมา จุดดำจุดหนึ่งปรากฏที่ขอบฟ้า และค่อย ๆ ชัดขึ้นทุกขณะ กลุ่มนักโทษชะเง้อคอมอง ในใจทุกคนเต้นระทึกว่านักโทษทั้งห้านั้นรอดตายไปได้หรือไม่ ไม่นานต่อมาเรืออาดังก็ปรากฏเบื้องหน้าทุกคน ไร้เงาร่างนักโทษการเมืองทั้งห้า เรือใบที่แอบมารับคนทั้งห้าเมื่อคืนได้อันตรธานไปจากท้องทะเลแถบนั้นแล้วเหมือนเรือปิศาจ ท่ามกลางการถอนหายใจอย่างโล่งอกของเพื่อนนักโทษด้วยกัน ทุกคนรู้ว่าต่อแต่นี้ไปโอกาสที่จะหนีรอดออกจากเกาะนรกนี้มีค่าเท่ากับศูนย์เท่านั้น

    ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ บางครั้งเรื่องจริงที่เกิดขึ้นระทึกกว่านิยายเสียอีก

    วินทร์ เลียววาริณ
    7-3-25
    .............................

    อ่านรายละเอียดใน น้ำเงินแท้
    https://www.winbookclub.com/store/detail/118/น้ำเงินแท้ 

    ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน
    https://www.winbookclub.com/store/detail/145/ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน%20%28ปกอ่อน%20ปรับปรุง%29 

    0
    • 0 แชร์
    • 48

บทความล่าสุด