-
วินทร์ เลียววาริณ3 เดือนที่ผ่านมา
รักกันหนึ่งร้อยปี
เรื่องสั้นรางวัล PEN ปี 2556งานศพของแม่ผ่านไปอย่างเรียบง่ายหมดจด แม่สั่งเสียก่อนตายว่าไม่ต้องมีพิธีกงเต๊ก ไม่ต้องฆ่าสัตว์เซ่นเทวดา แม่ไม่อยากให้สัตว์ตัวไหนต้องตายเพื่อเอาใจเทพทั้งหลายในงานศพ ช่วงหลายปีสุดท้ายของชีวิต แม่กินเจทุกมื้อ แม่บอกเพียงว่าเบื่อเนื้อสัตว์เพราะกินมาทั้งชีวิตแล้ว แม้ไม่ได้ถือศีล แต่แม่ก็ใช้ชีวิตช่วงปลายเหมือนผู้ทรงศีล แม่บอกลูก ๆ ว่าขอจากไปอย่างเงียบ ๆ แม่มีทุกอย่างที่ต้องการแล้วในชีวิตนี้
ต่างจากงานศพของพ่อซึ่งมีพิธีกรรมครบถ้วน งานศพของแม่ไม่มีนางชีจีนจากอารามชีมาเต้นกรีดกรายจนดูไม่เหมือนงานศพ ฉันไม่เคยรู้ว่าในโลกนี้มีนางชีที่ ‘เต้นรำ’ แทบทั้งหมดเป็นนางชีสาวสะพรั่ง เยื้องย่างกรีดกรายตามพิธีศพของชาวจีนฮักกา ซึ่งแม้แต่ฉันที่สืบเชื้อสายมาก็ไม่เคยรู้มาก่อน
หลังพิธีฝังศพแม่ บรรดาญาติพี่น้องไปกินอาหารเที่ยงที่ไหหว้าเทียนขณะที่ฉันขอตัวกลับบ้าน ฉันนั่งหลบมุมที่หลังร้าน มุมที่ฉันชอบไปขลุกตอนฉันยังเป็นเด็ก ฉันไปเมืองหลวงหลายปี ใช้ชีวิตในต่างแดน แต่ไม่เคยลืมมุมนี้
เสียงโทรศัพท์มือถือกังวานเบา ๆ อยู่ในกระเป๋า ฉันรู้ทันทีว่าใครโทร.มา ฉันเดินออกไปที่ลานหลังบ้านเพื่อรับโทรศัพท์ แม้รู้ว่าฉันเป็นคนเดียวที่อยู่ในบ้านตอนนี้ ฉันก็รู้สึกเหมือนพ่อกับแม่ผู้ล่วงลับไปแล้วจะได้ยินเสียงสนทนาของฉันกับเขา เขาถามว่างานศพแม่เรียบร้อยดีหรือ จะกลับกรุงเทพฯเมื่อไร ฉันตอบเขาว่า ฉันจะกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้ น้ำเสียงของเขาเรียบ ๆ แต่แฝงความห่วงใย เขารู้ว่าฉันรักเขาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าหัวใจของเขาไม่ว่าง ฉันไม่เคยคิดจะรักเขา แต่ทุกอย่างระหว่างเราลงตัวสนิทแนบแน่น ฉันหลงรักเขาโดยไม่อาจห้ามใจได้ จุดเดียวที่ผิดพลาดคือเราพบกันช้าเกินไป ฉันรู้จุดยืนของตัวเอง ฉันไม่ได้ต้องการเขาเป็นของฉันคนเดียว ฉันพยายามหนีจากวงโคจรชีวิตของเขาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งดาวเคราะห์เล็ก ๆ อย่างฉันก็ถูกแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์เช่นเขาดึงกลับไปหาทุกที
แม่รู้ความลับนี้ของฉันเมื่อสามปีก่อนตอนที่ฉันกลับมาเยี่ยมแม่ ในครอบครัวของฉัน มีแต่แม่คนเดียวที่รู้โดยที่ฉันไม่เคยบอกแม่เลยสักคำ ฉันนึกประหลาดใจว่าแม่อ่านอาการของคนที่รักข้างเดียวออกได้อย่างไร บางทีฉันคงเผลอพูดอะไรบางประโยคให้แม่จับได้ แม่เป็นคนช่างสังเกต อ่านฉันออกจากกิริยาท่าทางของฉันทะลุปรุโปร่งเช่นเมื่อครั้งฉันยังเป็นเด็ก
แม่ไม่ได้ดุฉัน เพียงแต่เปรยขึ้นลอย ๆ ว่า “ลูกรู้ใช่ไหมว่าทำไมลูกมีชื่อว่า เฟยเยี้ยน ?”
แน่ละฉันรู้ แม่เคยเล่าว่าตอนที่ฉันยังอยู่ในท้องแม่ นกนางแอ่นตัวหนึ่งบินมาทำรังใต้หลังคาบ้านเรา ไม่รู้ว่ามันหลงมาจากทะเลได้อย่างไร และทำไมจึงคิดว่าใต้หลังคาเป็นถ้ำที่มันทำรัง แต่วันหนึ่งมันก็คงคิดได้และบินจากไป มันส่งเสียงร้องเหมือนลาแม่ขณะที่ฉันถีบแม่เบา ๆ ราวกับรับรู้เสียงนกนางแอ่น แม่จึงตั้งชื่อฉันว่า เฟยเยี้ยน แปลว่า นางแอ่นบิน
แม่ตั้งชื่อฉันได้ตรงกับนิสัยโดยบังเอิญ ฉันรักเสรี และฉันรักทะเล
แม่บอกว่าความรักเป็นเหมือนนกนางแอ่นที่หลงทางตัวนั้น มันเป็นอิสระ ไม่อาจขังในกรง แต่วันหนึ่งมันก็ต้องหาทางกลับบ้านจนได้
“อาเฟย ลูกรักใครก็ได้ ขออย่างเดียว อย่าทำเรื่องที่ทำให้ใครสักคนต้องเสียใจ”
.....................................
ฉันเดินเข้าไปห้องนอนของแม่ หยุดตรงหน้าตู้เสื้อผ้าเก่าสีน้ำตาลไหม้ บานตู้เป็นลูกฟักกระจกที่มีรอยด่างดำเกือบทั่ว แม่ใช้ตู้เสื้อผ้านี้ตั้งแต่สาวจนแก่ แม่เคยบอกว่าตู้ใบนี้เป็นของขวัญวันแต่งงาน เมื่อฉันยังเด็ก แม่เก็บเสื้อผ้าของเด็กในตู้ใบนี้ แต่เมื่อเราโตขึ้นและย้ายไปอยู่ห้องอื่น ก็มีแต่แม่ที่ใช้ตู้ใบนี้ แม้จะเก่า แต่ยังดูออกจากเนื้อไม้ ลวดลาย และฝีมือการประกอบตู้ที่ประณีตว่าเป็นตู้เสื้อผ้าที่มีราคาแพงทีเดียว หลังพ่อตาย แม่ยังเก็บชุดเสื้อผ้าของพ่อหลายชุดในตู้ เป็นความรักลึกซึ้งที่แม่มีต่อพ่อ
ฉันสนิทกับแม่มากกว่าพ่อ อาจเพราะลึก ๆ ฉันเชื่อว่าฉันไม่ใช่ลูกที่พ่อรักที่สุด ตอนฉันเกิด หมอตำแยว่าเป็นผู้หญิง พ่อไม่มาดูเลยจนหนึ่งเดือนให้หลังเมื่อทำพิธีครบเดือน ต้มไข่ย้อมเปลือกสีแดง แม่เล่าว่าพ่อเห็นฉันแล้วก็เปลี่ยนใจฉันยิ้มให้พ่อ!
เปิดตู้ออก สายตาเหลือบเห็นรอยสลักเป็นอักษรจีนแถวหนึ่งด้านในของบานตู้ ข้อความนั้นเขียนว่า “เชื่อมใจหนึ่งวัน รักกันหนึ่งร้อยปี” ฉันเกือบลืมไปแล้วว่ามีข้อความนี้บนตู้ ผ่านชีวิตศิลปินมานานปี ฉันมองออกว่ามันเป็นลายมือที่สวยงามและมีพลัง
ภายในตู้วางเสื้อผ้าเก่า ๆ ของแม่เรียงเป็นระเบียบ แม่ใช้เสื้อผ้าแต่ละชุดจนเก่า แต่ไม่เคยทิ้ง แม้ลูก ๆ หกคนจะมีฐานะการงานดี แต่แม่ยังคงใช้ชีวิตอย่างสมถะเช่นเดิม ฉันหยิบเสื้อของแม่ออกมาตัวหนึ่ง เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกตามธรรมเนียมงานศพ
เก็บข้าวของต่าง ๆ ในตู้ออกมาใส่กล่อง บางส่วนทำลายทิ้ง บางส่วนคงต้องบริจาคไป
รูปถ่ายหลายใบกองอยู่ในลิ้นชักชั้นบน ฉันหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดู นัยน์ตาหรี่ครุ่นคิด ความทรงจำไหลย้อนกลับเหมือนคลื่นที่กระทบผาหินแล้วกระแทกกลับเป็นวังวน มันเป็นรูปคู่แต่งงานหนุ่มสาวกับเพื่อนเจ้าบ่าว ถ่ายที่หน้าร้านรองเท้า ใบหน้าทั้งสามมีรอยยิ้มสดใส
สามสิบปีผ่านไป ในวัยที่ผ่านชีวิตแต่งงานและรู้จักความรักระหว่างหนุ่มสาว ฉันมองภาพถ่ายใบนี้ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากสมัยที่เห็นรูปนี้ตอนเด็ก แม้ใบหน้าเพื่อนเจ้าบ่าวจะยิ้มแย้ม แต่ฉันมองเห็นรอยเศร้าอาบนัยน์ตาคู่นั้น
.....................................
ในลิ้นชักชั้นล่างสุดมีสมุดภาพวาดหลายเล่ม ฉันหยิบเล่มแรกขึ้นมาพลิก กระดาษวาดเขียนแผ่นหนึ่งที่เสียบอยู่หลุดออกมา เป็นรูปผลมะม่วงที่ฉันวาดตอนยังเป็นเด็ก คะแนน 9 เต็ม 10 ไม่รู้ว่าแม่เก็บสมุดวาดภาพของฉันไว้ตั้งแต่เมื่อใด ในสมุดวาดเขียนเล่มนั้นยังมีผลงานอื่น ๆ ที่ฉันวาด
ฉันหยิบสมุดวาดเขียนอีกเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกดู มือสั่นเล็กน้อย สมุดเล่มนั้นมีรูปสเก็ตช์ดินสอดำหลายรูป ทั้งหมดเป็นรูปหญิงคนหนึ่ง
ฉันมองรูปสเก็ตช์ของใบหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วขนลุกซู่ การใช้ชีวิตเป็นจิตรกรอาชีพมาหลายปีและประสบการณ์ชีวิตในวัยนี้ทำให้ฉันมองรูปนี้ทะลุเข้าไปในนัยน์ตาคู่นั้น เห็นอิริยาบถของเธอชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เห็นร่างนั้นเคลื่อนไหวในครัวไม่หยุด ฉันนึกสงสัยว่าทำไมแม่ยังเก็บสมุดวาดเขียนเหล่านี้ไว้ แม่คงเชื่อว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของฉัน
บางอย่างในภาพวาดทำให้ฉันเดินไปที่ด้านหลังตึกแถว ฉันหยุดที่มุมหนึ่งซึ่งเก็บเครื่องมือทำรองเท้าจำนวนมากไว้ อ่างใส่กาวแดง หุ่นเท้าไม้ขนาดต่าง ๆ ยังคงวางเรียงรายเป็นระเบียบบนชั้น ท่อนซุงสามสี่ท่อนวางกองที่มุมห้อง เครื่องขยายรองเท้า มีดตัดรองเท้า หินลับมีด ด้ายเคลือบไข ตะปูขนาดต่าง ๆ กระป๋องกาวยาง และม้วนหนังสัตว์สีต่าง ๆ แท่นเหล็กรูปเท้าสามขา นอนนิ่งเหมือนซากศพ ฉันรู้สึกใจหายที่เห็นเครื่องมือทำรองเท้าเหล่านี้ในสภาพแน่นิ่งไร้คนจับต้อง หลังจากพ่อจากโลกไป ร้านรองเท้าก็ปิดกิจการลงโดยปริยาย แต่แม่ก็ยังเก็บข้าวของต่าง ๆ เสมือนหนึ่งพ่อยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อแม่จากไปอีกคน ฉันก็รู้ว่าภาพเครื่องมือหากินของคนทำรองเท้าเหล่านี้คงละลายไปในกาลเวลาอันสั้น
ฉันมองดูท่อนไม้สามสี่ท่อนเรียงกัน ท่อนไม้แต่ละท่อนคือโต๊ะทำงานของช่างทำรองเท้า พวกเขานั่งทำงานที่นั่นมานานหลายปี บางคนยาวนานถึง 30-40 ปี ทำรองเท้าทุกวัน ไม่มีวันหยุด
เมื่อฉันยังเป็นเด็ก มุมที่เก็บเครื่องมือทำรองเท้าและหุ่นเท้าไม้ขนาดต่าง ๆ ในปัจจุบันไม่ใช่ที่เก็บของ แต่เป็นมุมทำงานของช่างทำรองเท้าคนหนึ่ง แยกห่างจากพื้นที่ของช่างคนอื่น ๆ มันอยู่นอกพื้นที่ของ ‘ส่วนของเรา’ มันเป็นพื้นที่ชีวิตของซานเฟิง
ซานเฟิง! ชื่อนี้หายไปจากความทรงจำของฉันมานานแล้ว แต่ในการมองแวบเดียว ทุกสิ่งก็วาบในความคิด
(เรื่องยังมีอีกยาว)
.....................................
จากเรื่องสั้นขนาดยาว รักกันหนึ่งร้อยปี อ่านฉบับเต็มได้ในเล่ม เส้นสมมุติ
อยู่ในชุดโปรโมชั่นพิเศษ https://www.facebook.com/photo/?fbid=1258378178984204&set=a.208269707328395ซื้อเล่มเดี่ยว https://www.winbookclub.com/store/detail/96/เส้นสมมุติ
0- แชร์
- 67
-
เมื่อพูดถึงซูเปอร์แมนในหนัง ก็ต้องพูดถึงซูเปอร์แมนตัวจริง
คริสโตเฟอร์ รีฟ ผู้ที่ชาวโลกรู้จักดีที่สุดในบท 'ซูเปอร์แมน' บนจอเงิน ประสบอุบัติเหตุตกจากหลังม้า เป็นอัมพาตตั้งแต่ลำคอลงมา
ในชั่วข้ามคืน เขากลายเป็นคนพิการที่ต้องพึ่งพารถเข็นไปตลอดชีวิต
ก่อนมาเป็นดาราภาพยนตร์นั้น เขาเคยเป็นนักแสดงละครบรอดเวย์คู่กับนักแสดงรุ่นใหญ่ แคธรีน เฮพเบิร์น
เฮพเบิร์นคงมองเห็นแววนักแสดงของเขา และพูดล้อเล่นว่ารีฟ "จะดูแลฉันตอนฉันแก่"
รีฟกล่าวว่า "ผมไม่คิดว่าผมจะอยู่นานขนาดนั้นหรอกครับ มิสเฮพเบิร์น"
เขาคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ภรรยาของเขาบอกว่า "ฉันยังรักคุณไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม คุณยังเป็นตัวคุณ"
คำกล่าวนี้ทำให้เขามีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป และยังคงทำงานในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการแสดงและการกำกับภาพยนตร์ อีกทั้งก่อตั้งมูลนิธิเพื่อคนเป็นอัมพาต หาเงินมาเป็นทุนวิจัยงานด้าน สเตม เซลล์ เพื่อช่วยคนพิการผ่านทางวิทยาศาสตร์
ภาพที่ชาวโลกเห็นคือชายที่นั่งในรถเข็น พูดเสียงแหบอู้อี้ ร่างกายร่วงโรยทางกายลงไปทุกวัน แต่จิตใจแข็งประหนึ่งหินผา ทำงานไม่หยุดหย่อน
คริสโตเฟอร์ รีฟ กล่าวว่า "ความฝันของเรามากมายดูเป็นไปไม่ได้ในทีแรก แล้วมันก็ดูเหมือนไม่น่าจะเกิดขึ้น และแล้ว... เมื่อเรามุ่งมั่นแน่วแน่ มิช้ามันก็กลายเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นจริง"
วันที่เขาลาโลกไปนั้น ชาวโลกต่างยอมรับว่า เขาเป็นซูเปอร์แมนตัวจริง
มนุษย์เราพานพบอุปสรรคทุกวัน คนที่พ่ายแพ้คือคนที่ใจยอมแพ้ก่อนที่จะสู้
ความเจ็บปวด ความขมขื่น ความยากลำบากของอุปสรรคเป็นด่านที่ขวางทางเราทุกคน ช้าหรือเร็วเราก็ต้องพานพบมัน
คนชนะไม่ได้ชนะเพราะเก่งกว่า แต่เพราะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เราทุกคนเป็นซูเปอร์แมนได้ ถ้าตั้งใจที่จะ 'บิน' ให้ได้
วินทร์ เลียววาริณ
22-7-25จาก อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
48 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 165 บาท = บทความละ 3 บาท+ (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/85/อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก0 วันที่ผ่านมา -
คำตอบสำเร็จรูปของท่านรัฐมนตรีรักชาติ
ก. "เย็นไว้ๆ เดี๋ยวมันก็คลี่คลายเอง"
ข. "เราจะตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้"
ค. "ใจเย็นๆ เราขอศึกษาข้อมูลก่อน"
ง. "เรากำลังทำงานอยู่"
จ. "เรากำลังพิจารณาอย่างรอบคอบ"
ฉ. "ผมยังไม่ได้รับรายงาน"
ญ. "ขอตัวก่อนนะ ผมต้องไปทำงานเพื่อประชาชน"
...................................
นักข่าวสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรีรักชาติ
"ท่านครับ ท่านจะจัดการยังไงกับปัญหาเจ้าอาวาส มีข่าวฉาวไม่หยุดหย่อน"
(ตอบด้วยข้อ ก. "เย็นไว้ๆ เดี๋ยวมันก็คลี่คลายเอง")
"ตอนนี้เขมรกล่าวหาว่าไทยวางกับระเบิดเอง ท่านคิดว่าไงครับ?"
(ตอบด้วยข้อ ข. "เราจะตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้")
"ท่านจะจัดการอังเคิลยังไง? มากวนทุกวันเลย"
(ตอบด้วยข้อ ค. "ใจเย็นๆ เราขอศึกษาข้อมูลก่อน")
"ท่านจะคิดว่านายกฯยุบสภาดีหรือลาออกดี?"
(ตอบด้วยข้อ ง. "เรากำลังทำงานอยู่")
"ท่านจะจัดการ tariff ทรัมป์อย่างไร?"
(ตอบด้วยข้อ จ. "เรากำลังพิจารณาอย่างรอบคอบ")
"ท่านส่งใครไปเจรจาแล้วยัง?"
(ตอบด้วยข้อ ฉ. "ผมยังไม่ได้รับรายงาน")
"สรุปคือท่านไม่มีคำตอบในทุกเรื่อง?"
(ตอบด้วยข้อ ญ. "ขอตัวก่อนนะ ผมต้องไปทำงานเพื่อประชาชน")
วินทร์ เลียววาริณ
22-7-251 วันที่ผ่านมา -
ฉากการพบสิ่งทรงภูมิปัญญาที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกภาพยนตร์
Contact จากนวนิยายของ คาร์ล เซเกน กำกับโดย Robert Zemeckis"You're an interesting species, an interesting mix. You are capable of such beautiful dreams, and such horrible nightmares. You feel so lost, so cut off, so alone. Only you're not. See, in all our searching, the only thing that we've found that makes the emptiness bearable... is each other."
1 วันที่ผ่านมา -
ผมดู Superman เวอร์ชั่นหนังครั้งแรกเป็นฉบับของ ริชาร์ด ดอนเนอร์ แม้ว่าก่อนหน้านั้นมีคนสร้างเรื่องนี้เป็นหนังมาตั้งแต่ปี 1941
ฉบับของ ริชาร์ด ดอนเนอร์ ซูเปอร์แมนแสดงโดย คริสโตเฟอร์ รีฟ โด่งดังมากในบ้านเรา ทุกคนหลงรัก คริสโตเฟอร์ รีฟ เทคนิคภาพหวือหวามาก แต่ยังไม่ใช่ดิจิตัล เป็น optical
ทันใดนั้นมันก็สร้างตลาดซูเปอร์ฮีโรขึ้นมา
หลังจากนั้นก็มี Superman อีกหลายเวอร์ชั่น (หลายโครงการไม่ได้เกิด เช่น ฉบับที่กะให้ นิโคลาส เคจ เป็นซูเปอร์แมน)
ฉบับต่อมาที่ผมดูคือเวอร์ชั่น Bryan Singer (ผู้กำกับ The Usual Suspects) ฉบับนี้ค่อนข้างกร่อย ตามมาด้วยฉบับ Zack Snyder (ผู้กำกับ 300) ซูเปอร์แมนเล่นโดย เฮนรี คาวิลล์
ฉบับล่าสุดสร้างโดย เจมส์ กันน์ ฉายในโรงอยู่ตอนนี้
Superman เวอร์ชั่น 2025 เป็นหนังสนุก ให้ความบันเทิงสูง แต่ไม่มีอะไรใหม่ แทบทุกอย่างที่ทำ มาร์เวลทำมาแล้ว (ยกเว้นหมา?)
หนังมีความเป็นแฟนตาซีปนไซไฟ ปนการ์ตูน เด็กๆ คงชอบ มันก็ยังวนเวียนในกรอบเดิมของหนังซูเปอร์ฮีโร
ดังนั้นอย่าให้คะแนนดีกว่า เพราะคงไม่สูง หนังดูได้ถ้าไม่คิดมาก เป็นหนังคลายเครียดดี
........................
หมายเหตุนอกเรื่อง จุดหนึ่งในหนัง ซูเปอร์แมนบอกว่าเขาจำเป็นต้องได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์เหลือง (yellow star) หมายถึงพระอาทิตย์ของเรา
ความจริงแล้วนักดาราศาสตร์แบ่งประเภทดาวออกตามความร้อน ซึ่งประกอบด้วยดาวแบบ M, K, G, F, A, B, O โดยที่ดาวแบบ M ร้อนน้อยที่สุด ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงดาวแบบ O ซึ่งร้อนที่สุด
พระอาทิตย์ของเราเป็นแบบ G เรามองเห็นเป็นสีเหลือง แต่จริงๆ มันเป็นสีขาว เหตุที่เราเห็นเป็นสีเหลืองเพราะชั้นบรรยากาศของเรา ซูเปอร์แมนบินข้ามจักรวาล น่าจะมองเห็นสีจริง เอ้า! ไม่เห็นก็ไม่เห็น พระบ้านเราหลายรูปก็มองไม่เห็นสีจริง เห็นแต่สีกา
วินทร์ เลียววาริณ
21-7-25วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
1 วันที่ผ่านมา -
ในโพสต์ก่อน ผู้อ่านอาจสังเกตว่า ผมแจ้งว่าหนังสือเรื่อง ความฝันโง่ๆ หมดแล้วและจะไม่ตีพิมพ์อีก
นี่ก็เป็นไปตามที่เคยบอกว่า จะจำหน่ายหนังสือส่วนใหญ่จนหมด และไม่พิมพ์ใหม่
นอกจาก ความฝันโง่ๆ เล่มอื่นๆ เช่น เขียนไปให้สุดฝัน หัวกลวงในหลุมดำ ในหลุมรัก สมุดปกดำฯ ก็หมดแล้ว
เป็นสัญญาณว่าโรงละคร 113 เริ่มปิดม่าน
ตอนนี้มีหลายเล่มที่ใกล้หมด ดังนั้นถ้าจะเก็บก็เก็บตอนนี้ขณะที่ยังลดราคาอยู่ หลังจากนี้ถ้าอยากได้ ก็ต้องซื้อมือสองที่อาจแพงขึ้น
อ้อ! ชุดสุดคุ้ม ประวัติศาสตร์ที่เราลืม หกเล่มพันเดียว ก็ลดน้อยลงแล้ว ถ้าหมดแล้วก็ไม่พิมพ์อีก
ควักเงินตัวเองมาทำหนังสือก็ยี่สิบกว่าปีแล้ว เงินหมดแล้ว และเหนื่อยมาก ได้เวลาเกษียณจริงๆ แล้ว
วินทร์ เลียววาริณ
21-7-25ดูรายการหนังสือได้ที่เว็บ https://www.winbookclub.com/store และ Shopee
1 วันที่ผ่านมา