-
วินทร์ เลียววาริณ1 เดือนที่ผ่านมา
ในวันแรกที่ผมเริ่มเขียนหนังสือนั้น ผมอ่านหนังสือมาแล้วจำนวนมาก แต่พอคิดจะเขียน กลับเขียนคำแรกไม่ออก
ผมเริ่มต้นชีวิตนักเขียนเหมือนทารกคลานเตาะแตะ จำได้ว่าแต่ละเรื่อง กว่าจะกลั่นคำแรกประโยคแรกออกมาได้แทบกระอักเลือด ชวนให้เลิกหลายครั้ง
อ่านหนังสือมาเป็นพันเล่ม แต่เริ่มประโยคแรกไม่ได้
หากกระบี่เป็นอาวุธของจอมยุทธ์ ภาษาก็เป็นอาวุธของนักเขียน
การใช้ภาษาอาจเป็นส่วนที่ยากที่สุดของงานเขียน มิพักเอ่ยถึงขั้นเป็น ‘นายของภาษา’
‘นายของภาษา’ หมายถึงคุมปากกาได้อยู่หมัด ถ้าเป็นช่างไม้ก็ไสไม้เรียบในไม่กี่ที ถ้าเป็นช่างปูนก็ปาดปูนเรียบเหมาะเจาะใน 1-2 ตวัด ไม่มีเศษปูนเหลือ
ถ้าเป็นวงการยุทธจักร ‘นายของภาษา’ ก็ประมาณน้องๆ ไซมึ้งชวยเซาะหรืออี้จับซา สะบัดกระบี่ที มีคนตาย ถ้าต้องฟันกันหลายสิบกระบวนท่า อย่างนี้ยังไม่ใช่
ต้องฝึกฝนจนคุมกระบี่อักษรได้ ทุกกระบวนท่าต้องฆ่าศัตรู ถ้าแทงเข้าหัวใจได้ ยิ่งดี
จะฝึกถึงขั้นนี้ ยากจริงๆ ขอบอก
ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า ใช้ภาษาแบบ Minimalism ดีที่สุด น้อยที่สุดเท่าที่สื่อสารได้
Minimalism คือหากเราตัดคำใดในประโยคทิ้งไปแล้ว ยังอ่านรู้เรื่อง แสดงว่าคำคำนั้นเป็นส่วนเกิน
ผมเริ่มต้นเขียนงานที่ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกตอนราวอายุ 15 เขียนขำขันหลายเรื่องไปส่งนิตยสารชัยพฤกษ์ หลังจากนั้นก็แต่งนิยายภาพขายอยู่หลายปี แล้วค่อยเข้าสู่วงการนักเขียน
หลังจากจับปากกา 20 ปี รู้สึกว่าเริ่มประโยคง่ายขึ้น แต่ยังต้องเกลาแล้วเกลาอีก
หลังจากจับปากกา 30 ปี รู้สึกว่าไม่ต้องเกลามากเหมือนเก่า ใช้ปากกาได้คล่องแคล่วกว่าครั้งเริ่มต้น แต่ยังไม่ถึงขั้นไซมึ้งชวยเซาะ หรืออี้จับซา ยังต้องฟันหลายทีอยู่ แต่น้อยลงไปมาก
หลังจากจับปากกา 50 ปี รู้สึกว่าความผิดพลาดน้อยลง เวลาที่ใช้เลือกคำน้อยลง และการเขียนเป็นความสนุกสาหัสสมใจยิ่ง
ทั้งหมดมาจากการฝึกฝนคำเดียว
ไม่มีอะไรดีๆ ที่ได้มาง่ายๆ จะเป็น ‘นายของภาษา’ นั้นทำได้ แต่ต้องฝึกหนักหน่วง
ทว่ารางวัลของความหนักหน่วงของการฝึกฝน คือความเบาสบายของหัวใจเมื่องานลื่นไหลราวสายน้ำที่มิเกรงก้อนหินขวางกั้น
..............................
คำแนะนำของผมต่อนักเขียนใหม่คือ
1 อย่ารีบเป็นนายของภาษา เขียนสื่อให้เข้าใจก่อน เช่น เขียนเรื่องไก่ก็เป็นไก่ เขียนเรื่องแมวก็เป็นแมว ค่อยๆ เขียนไปเรื่อยๆ ผ่านไปหลายปี ไก่จะเป็นไก่พิเศษ แมวก็จะเป็นแมวเทวดาเอง
ไม่มีนักเขียนคนไหนเป็นนายภาษาในวันแรกที่เริ่มเขียน ไม่มี ดังนั้นไม่ต้องเร่งรีบ กดดันตัวเอง เขียนไปสบายๆ แต่ฝึกไม่หยุด
2 ลอกเลียนการใช้ภาษาของนักเขียนชั้นครู
บ้านเรามีนักเขียนชั้นครูภาษาสวยจำนวนมาก จอมยุทธ์แต่ละท่านฝึกมาคนละหลายสิบปี เช่น มนัส จรรยงค์ ไม้ เมืองเดิม ยาขอบ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ฯลฯ
การลอกในที่นี้ไม่ใช่การเดินตามรอยเดิม แต่คือการฝึกอย่างหนึ่ง ช่วยให้เข้าใจว่าทำไมเขาจึงใช้ภาษาอย่างนั้น แล้วค่อยๆ ขบคิด ฝึกไปเรื่อยๆ จนหลุดจากกรอบของนักเขียนครูเหล่านั้น เป็นสำนวนของเราเอง
อย่าลืมว่า หน้าที่แรกของนักเขียนคือเล่าเรื่อง เรื่องต้องดี น่าสนใจ มีมุมมองที่คนอ่านคิดไม่ถึง
ส่วนภาษาดีช่วยทำให้เรื่องนั้นสมบูรณ์
เหมือนจอมยุทธ์ในนิยายของโก้วเล้ง นอกจากจะฆ่าคนแล้ว ท่วงท่าในการฆ่ายังต้องงามด้วย
การใช้ภาษาดีและงดงามจะยกระดับงานเขียนเป็นศิลปะ
และงานเขียนที่เป็นศิลปะจะอยู่ยืนยาวกว่างานขียนปกติ
วินทร์ เลียววาริณ
17-5-25...............................
จากอีบุ๊ค #ปล่อยให้ความเหงาพาไป
ซื้อได้จากเว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/227/ปล่อยให้ความเหงาพาไป หรือ The Meb
0- แชร์
- 44
-
1 วันที่ผ่านมา
-
หากแอลเอสดีเป็นสารกระตุ้นเพื่อสู่สวรรค์ของชาวบุปผาชนอเมริกันในยุคทศวรรษ 1960 ชาเขียวก็อาจจัดว่าเป็นสารกระตุ้นของชาวเซนมานานนับพันปี
เมื่อ เอไซ เซนจิ นำแนวคิดสายหลินฉีจากเมืองจีนไปเผยแผ่ในญี่ปุ่น เรียกว่า รินไซ เซน ตั้งวัดเซนแห่งแรกของญี่ปุ่น นอกจากเมล็ดธรรมแล้ว ท่านยังกลับมาพร้อมเมล็ดชา ท่านปลูกต้นชาที่วัดของท่านใกล้เมืองเกียวโต
ตลอดชีวิตที่เหลือศึกษาเรื่องการปลูกชาและการบ่มชาจนเชี่ยวชาญ จนสามารถเขียนตำราเกี่ยวกับชาชื่อ คิตสะ โยโจคิ (喫茶養生記) แปลว่า ดื่มชาเพื่อสุขภาพ การดื่มชาของพระเซนนั้นมีเจตนาเพื่อแก้ง่วง ไม่ให้ง่วงเหงาหาวนอนเวลาทำสมาธิ แต่ต่อมาก็ซึมซาบกลายเป็นวิถีชีวิตของญี่ปุ่นไป
อาจารย์เอไซคงคาดไม่ถึงว่า ชาเขียวกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตญี่ปุ่นไปตลอดกาล นอกจากจะใช้ดื่มในชีวิตประจำวันแล้ว การดื่มชายังใช้เป็นการทำสมาธิของคนทั่วไปอย่างหนึ่ง เรียกว่า พิธีฉะโนะยุ
สถานที่ทำพิธีดื่มชาที่ดีมักเป็นกระท่อมเล็ก ๆ ที่แยกไกลออกไปจากอาคารอื่น ๆ มีสวนล้อมรอบ ต้นไม้สีเขียว เสียงน้ำไหลผ่านโขดหิน เสียงนกร้อง
ผู้เข้าพิธีดื่มชาต้องทำความสะอาดร่างกายก่อน โดยตักน้ำจากบ่อหินนอกกระท่อมด้วยกระบวยไม้ไผ่ล้างมือจนสะอาด จากนั้นก็คุกเข่า เลื่อนประตูไม้บุกระดาษออก คลานเข้าไปในกระท่อมช้า ๆ เข้าไปนั่งคุกเข่าในห้องอย่างสงบเสงี่ยม
โครงสร้างกระท่อมเป็นไม้ไม่ทาสี หลังคามุงฟางข้าว ผนังบุกระดาษโชจิ กำแพงด้านหนึ่งมักแขวนภาพวาดหรือตัวอักษร หรือจัดดอกไม้ พื้นกระท่อมปูด้วยเสื่อตาตามิ เว้นช่องกลางเป็นเตาไฟ
บรรยากาศแม้จะเคร่งขรึม แต่ผ่อนคลาย ผู้เข้าร่วมพิธีอาจสนทนากันเบา ๆ หรืออาจจะเงียบก็ได้ คนเตรียมพิธีจัดการก่อไฟ ใช้กระบวยไม้ไผ่ตักน้ำลงในกาด้วยกิริยาไม่เร่งรีบ
ผู้ชงชาทำความสะอาดกาน้ำชา ถ้วย กระบวย และเริ่มต้มน้ำ บนพื้นยังมีถ้วยชา ขนม ชาเขียวบด ผู้ชงชายื่นถาดขนมสี่ชิ้นมาให้พร้อมคำนับ ผู้เข้าพิธีคำนับตอบ และกินขนมนั้น เสร็จแล้วก็เช็ดอุปกรณ์ด้วยกระดาษขาว
ผู้ร่วมพิธียังสามารถสนทนากันได้ จนเมื่อน้ำในกาเดือดพล่าน มีไอพวยพุ่งออกมา ทุกคนจะเงียบ ผู้ชงชาใส่ชาเขียวบดในถ้วยชาดินเผา รินน้ำร้อน และกวนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เป็นชาเขียวข้น ผู้เข้าพิธียกถ้วยชาขึ้นจรดปากและดื่มอย่างไม่รีบร้อน
ประสบการณ์ในพิธีฉะโนะยุสำหรับคนที่มีวิถีชีวิตยุ่งเหยิงก็เช่นเดียวกับการนอนหลับสักงีบเพื่อให้กายใจสดชื่นขึ้น หรือดูหนังสักเรื่องเป็นการชำระคราบไคลจากวิถีชีวิตรกรุงรังของโลกภายนอก นี่มิใช่พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาเช่นพิธีมิสซาของชาวคาทอลิก หากเป็นการหาวิเวกธรรม
ประสบการณ์พิธีดื่มชาเขียวสำหรับคนที่ห่างไกลเซนอาจเป็นเรื่องใหม่แต่เป็นความรู้สึกประหลาด มันเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง เป็นห้วงยามสั้น ๆ ที่ผู้ร่วมพิธีใกล้ชิดกับตัวตนของตนอีกครั้ง
ตัวตนดั้งเดิม ตัวตนที่หายไป...
วินทร์ เลียววาริณ
29-6-25................................
จาก มังกรเซน และ Mini Zen (เซนฉบับการ์ตูน)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วมังกรเซน Shopee คลิก https://shope.ee/2VUCymbmSh?share_channel_code=6
เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/244/Mini%20Zen%20คู่%20Mini%20Tao
1 วันที่ผ่านมา -
บทความการเมืองโลกช่วงสองวันนี้ใช้วลี existential threat บ่อยๆ บางคนฟังแล้วงง
ความจริงวลีนี้ใช้กันทั่วไปในเรื่องการเมืองโลก ไม่ใช่คำพิเศษอะไร แปลตรงตัวว่า อันตรายในการดำรงอยู่
แต่แปลว่า "ภัยของชาติ" อาจจะเข้าใจง่ายกว่า
ก็หมายถึงภัยที่คุกคามต่อชาติ ปกติมักหมายถึงภัยจากนอกประเทศ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นภัยจากภายนอกอย่างเดียว
นี่ก็คือเหตุผลที่ใช้อ้างกันเมื่อรัสเซียบุกยูเครน อิสราเอลทิ้งระเบิดอิหร่าน อิหร่านถล่มอิสราเอล สหรัฐฯถล่มอิหร่าน ฯลฯ
สำหรับเมืองไทย ก็เจอ existential threat มาแล้วหลายรอบ ยกตัวอย่าง เช่น ภัยคอมมิวนิสต์ในยุคหนึ่งหลายชาติถือว่าเป็น existential threat
ในปี 2522 เวียดนามกร่างมาก ตอนนั้นชนะสงครามเวียดนามมาไม่กี่ปี กำลังห้าว ประสบการณ์การรบก็อัดแน่น มันมือมาก
วันดีคืนดีเสนาธิการเวียดนาม นายพลวันเทียนดง มันสมองที่วางแผนยึดไซ่ง่อนได้ บุกกัมพูชา ขับไล่พวกเขมรแดง และเลยต่อมาถึงชายแดนไทย
วันเทียนดงเปรยว่า จะบุกยึดกรุงเทพฯในเวลาแค่สองชั่วโมง (คล้ายๆ กับที่อังเคิลบอกว่าจะยิงอาวุธถึงกรุงเทพฯอะไรนั่น ไม่ต้องตกใจ ไม่น่าจัดเป็น existential threat เป็น existential joke มากกว่า)
คำขู่ของเวียดนามนี่ก็คือ existential threat เพราะเวียดนามเตรียมพลไว้จริงๆ ถ้าไทยอ่อนแอ จะกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ได้ง่ายดาย
เวลานั้นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็กำลังทำงานใต้ดินอยู่ด้วย ดังนั้น พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ จึงเจอทั้ง existential threat ทั้งภายนอกและภายในประเทศ
แล้วทำอย่างไร?
ตรงนี้ผู้อ่านหลายคนอาจรู้แล้ว ปี 2522 เมื่อจีนลงมือสั่งสอนเวียดนาม ยิงปืนใหญ่ใส่เวียดนาม เวียดนามต้องถอนกำลังจากไทยไปต้านจีน เราก็เข้าหาจีนโดยตรง ขอให้ยุติสนับสนุน พคท. จีนตกลง
พล.อ. เปรมตามอีกดอกโดยออกนโยบาย 66/2523 พคท. ก็จบบทบาท นักศึกษากลับบ้านมาเรียนหนังสือต่อ
นี่คือการจัดการแก้ภัยคุกคามของชาติในยุค พล.อ. เปรม จัดการ existential threat ทั้งภายนอกและภายในประเทศทีเดียว สมฉายานักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ปัญหาคือเรามัวแต่คิิดว่า existential threat เป็นเรื่องการเมือง จริงๆ แล้วยังมี existential threat อีกอย่างหนึ่งที่ร้ายแรงกว่ามากคือคอร์รัปชั่น มันสามารถกัดกินประเทศจนล้มได้ และเราก็กำลังจะล้มเพราะปลวกคอร์รัปชั่น ปลวกพวกนี้แดกทุกระดับประทับใจ
หากเราให้คำจำกัดความของการขายชาติคือการบ่อนทำลายชาติ คอร์รัปชั่นก็คือการขายชาติอย่างหนึ่ง การขายเสียงก็คือการขายชาติเช่นกัน
ประเทศล้มได้จากภัยภายนอก ถ้าอ่านเกมไม่เป็น แต่ล้มได้ง่ายดายกว่าจากภายใน ถ้าไม่จัดการกับปลวกที่กัดแทะแผ่นดินก่อน
ปัญหาคือพวกปลวกมักจะชอบอาสาเป็นผู้นำ
วินทร์ เลียววาริณ
28-6-25อ่านรายละเอียดเหตุการณ์ในปี 2522 ทั้งหมดได้จาก ประวัติศาสตร์ที่เราลืม / วินทร์ เลียววาริณ
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=62 วันที่ผ่านมา -
หลังหนังเรื่อง No Time to Die ออกฉาย เจ้าของแฟรนไชส์ 007 ขายสิทธิบัตรทั้งหมดให้ค่าย Amazon แต่ยังกั๊กเรื่องอำนาจคุมความคิดสร้างสรรค์ จนเมื่อปีก่อนก็ยอมปล่อยมือทุกประการ ให้ Amazon มีอำนาจเต็มที่ด้านความคิดสร้างสรรค์
ดูจากผลงานก่อนๆ ของ Amazon ชาวโลกไม่แน่ใจว่า เจมส์ บอนด์ ในมือ Amazon จะเน่าไหม ค่ายใหม่นี้จะตักตวงผลประโยชน์จากสายลับ 007 เป็นหนัง ซีรีส์ เกมโชว์ ลิเก ลำตัด รำวง ฯลฯ ไหม
อาทิตย์นี้น่าจะมีข่าวดีคือ Amazon เลือก เดอนิ วิลเนิฟ มากำกับ 007 ตอนใหม่
เดอนิ วิลเนิฟ เป็นมือดีคนหนึ่งในยุทธจักร ทำได้ทั้งหนังบู๊ หนังไซไฟ หนังดรามา เครดิตของเขาได้แก่ Incendies, Prisoners, Enemy, Sicario, Arrival, Blade Runner 2049, Dune 1-2 ล้วนเป็นงานเกรด A
ดังนั้นชาวโลกเชื่อมั่นว่า 007 ตอนใหม่น่าจะออกมาดี
ข่าวว่าวิลเนิฟเป็นแฟนหนังชุดนี้ และอยากทำ 007 โดยเคารพต้นฉบับดั้งเดิมของ เอียน เฟลมมิง
ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน แต่บอกตรงๆ ว่าเชื่อมือวิลเนิฟ
ความจริงอยากดู Rendezvous with Rama ฝีมือของเขาก่อนนะ แต่ 007 จะมาก่อนก็ได้
ขออย่างเดียวอย่าเปลี่ยนใจมากำกับหนังเรื่อง 'รักร้าวที่ชายแดนเขมร' ก็แล้วกัน ผมไม่ชอบดูหนังน้ำเน่าเศร้าขมขื่น
วินทร์ เลียววาริณ
28-6-252 วันที่ผ่านมา -
ในชีวิตเราทุกคน ย่อมมีสักครั้งหรือหลายครั้งที่เจอเรื่องที่เราไม่น่าให้ความสำคัญ แต่มันค้างคาในใจเราถ้าไม่จัดการ เหมือนหมากลางถนนที่ถูกรถชน จะช่วยมันหรือไม่ช่วย
พบท่อน้ำประปารั่วริมถนน จะโทร.ไปแจ้งทางการหรือไม่
นี่คือบทความใหม่วันเสาร์ คลิกลิงก์อ่านได้
2 วันที่ผ่านมา