-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
รอจนหนังเกือบออกจากโรงแล้ว จึงค่อยไปดู
Jurassic World Rebirth
เขียนบทโดย David Koepp คนเขียนตอนแรก
กำกับโดย Gareth Edwards คนทำ Godzilla (2014), Rogue One: A Star Wars Story (2016), The Creator (2023)
หนังเรื่องนี้ชื่อ Rebirth ทั้งที่ความจริงควรตั้งชื่อว่า Jurassic World Recycle จะถูกต้องกว่า
ไม่ใช่ lazy writing หรอกนะ แต่เป็น cliche writing
แต่สำหรับนายทุน มันก็คงเป็น Rebirth จริงๆ เพราะตอนนี้โกยไปเกือบ 650 ล้าน
แต่คงเป็นตอนสุดท้ายที่ผมจะดู ไม่ไหวแล้ว เต็มกลืน (เอ๊ะ! คราวก่อนก็พูดอย่างนี้!)
คงไม่ต้องให้คะแนนนะ เดี๋ยวจะเคืองกันเปล่าๆ
วินทร์ เลียววาริณ
22-7-25ฉายในโรงภาพยนตร์
วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
0- แชร์
- 8
-
เมื่อเล่าถึงซูเปอร์แมนตัวจริง คริสโตเฟอร์ รีฟ แล้ว ก็ต้องเล่าถึงบุคคลที่ทำให้เขายืนหยัดเป็นซูเปอร์แมนต่อไปได้ คือภรรยาของเขา ดานา เป็นสุดยอดผู้หญิงคนหนึ่ง
เมื่อ คริสโตเฟอร์ รีฟ ฟื้นขึ้นจากอาการโคม่าที่โรงพยาบาลและรับรู้ว่าเขากลายเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไปนั้น สิ่งแรกที่เขาคิดคือการฆ่าตัวตายให้พ้นทุกข์
ดานา ภรรยาของเขาบอกว่าขอผ่านเวลาสักสองปีก่อนได้หรือไม่ เธอบอกเขาว่า "หากถึงตอนนั้นคุณยังไม่หาย ฉันจะช่วยฆ่าคุณเอง"
สองปีผ่านไป เขาเลิกล้มความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
เธอบอกคนอื่นในภายหลังด้วยเสียงหัวเราะว่า "ฉันก็สัญญากับเขาไปยังงั้นแหละ... สัญญาแบบพวกเซลส์แมนไง"
ดานาเป็นหญิงสาวสวย เป็นนักแสดงและนักร้องที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุตกม้าและเป็นอัมพาตถาวร เธอก็เลิกอาชีพการงานของเธอ ไปเคียงข้างเขาให้มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป
ดานาไม่เคยสิ้นความหวังที่จะหาทางรักษาสามี พวกเขาเสาะหานักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาประสาทวิทยาและต่อมาก็ก่อตั้งมูลนิธิ องค์กรวิจัยงานทางวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยเหลือคนเป็นอัมพาต พยายามต่อสู้เพื่อให้รัฐสนับสนุนการวิจัยปลูกถ่ายสเตม เซลล์ ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลไม่สนับสนุน ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่อิงกับศาสนาและคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยบอกว่า มันเป็นเรื่องเหนือกงการของมนุษย์ที่ไปก้าวก่าย 'ผลงาน' ของพระเจ้า
เก้าปีถัดมา เขาก็จากเธอไป
เก้าปีสำหรับคนที่เป็นอัมพาตอาจดูยาวนานเหมือนอนันตกาล แต่สำหรับเขา มันเป็นของขวัญ ทุก ๆ วันที่เขายังหายใจได้เป็นวันพิเศษ เขายังคงเล่นและกำกับหนัง ร่วมกิจกรรมการกุศลต่าง ๆ ทั้งที่ต้องนั่งบนเก้าอี้เข็นตลอดเวลา
เขาบอกว่า เขาโชคดียิ่งที่มีคู่ชีวิตเช่นเธอ ทั้งสองแต่งงานมานานสิบสองปี รักกันมาก และเพราะความรักนี้เองที่ทำให้เขาอยู่นานขนาดนั้น
เมื่อเขาจากโลกไปนั้น เธอบอกว่า แสงสว่างของเธอดับวูบ เธอสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปแล้ว
...................
เธอนั่งทำงานในห้องทำงานของเขา บนผนังแขวนโปสเตอร์หนังใส่กรอบ เรื่อง In the Gloaming (ในแสงสลัว - 1997) ภาพยนตร์ที่เขากำกับให้เอชบีโอ ทุกสิ่งในห้องนี้ดูเรียบร้อยกว่านี้เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ชอบให้ข้าวของเกะกะ
แต่ตอนนี้ไม่มีร่างของเขา
"ตอนนี้ - มากกว่าที่เคยเป็น ฉันรู้สึกว่าคริสอยู่กับฉัน ขณะที่ฉันกำลังเผชิญหน้าความท้าทายนี้ เช่นที่เป็นมาเสมอ ฉันมองเขาเป็นสุดยอดตัวอย่างของคนที่ต่อสู้อุปสรรคด้วยพลัง ความกล้าหาญ และความหวัง"
เธอซ่อนความเศร้าไว้ภายใน แล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ สานต่องานของเขา นั่นคือเรี่ยไรเงินให้มากพอสำหรับการวิจัยของมูลนิธิ โดยเฉพาะเมื่อปราศจากสามีผู้มีชื่อเสียง การเรี่ยไรเงินไม่ใช่งานง่าย การโน้มน้าวใจคนในรัฐบาลยิ่งยากเย็น ใบหน้าของเธอเป็นที่คุ้นตาคนในวอชิงตันมากขึ้น เมื่อเธอพยายามล็อบบี้กฎหมายบางฉบับเพื่อให้สามารถวิจัยการปลูกถ่ายสเตม เซลล์
ชีวิตและงานเดินหน้าต่อไป มูลนิธิมอบเงินสนับสนุนโครงการต่าง ๆ มากมายเพื่อชีวิตที่ดีกว่า จนถึงวันนี้มูลนิธิให้เงินสนับสนุนการวิจัยมากกว่า 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และโครงการใหม่ของเธอเองอีก 8 ล้านเหรียญ
สิบเดือนหลังจากเขาจากไป หมอบอกเธอว่าเธอเป็นมะเร็งปอด เป็นข่าวที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเธอไม่สูบบุหรี่ หลายคนเชื่อว่าความเศร้าที่รุมเร้าเธอหลังจากความตายของเขาน่าจะมีส่วนอย่างมากที่ทำให้เธอล้มป่วย
"ฉันเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับความโศกเศร้าว่า มันมักหมุนเป็นวงจริง ๆ..." เธอเล่าในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง "...คริสกับฉันเคยพูดกันเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุว่า 'เอาละ นี่อาจจะเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับเรา แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็มีกันและกันที่จะช่วยฟันฝ่ามันไปด้วยกัน' ..."
อีกครั้ง - ในแสงสลัว - เธอต้องฟันฝ่าโรคร้ายด้วยตัวเองคนเดียว
หลังจากผ่านการรักษาด้วยกัมมันตภาพรังสี และสูญเส้นผม เธอสวมวิกที่ยืมมาจากเพื่อน ออกงานการกุศล เธอยังร้องเพลงด้วยรอยยิ้มราวกับไม่มีเรื่องร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับเธอ
อาจเป็นความรักอันท่วมท้นที่ไม่มีวันเหือดแห้งของเขาที่มีต่อเธอที่ทำให้เธอเข้มแข็งต่อไป เธอบอกว่า "มันเป็นเรื่องที่ออกจะลี้ลับสักหน่อย แต่ใครบางคนบอกว่า 'เขาจะอยู่กับคุณเสมอไป'... ฉันคิดว่าใครคนหนึ่งต้องรักคุณมากถึงขนาดที่เกิดพลังงานที่จะอยู่ร่วมกับคุณ และนั่นเป็นความรู้สึกสบายอย่างหนึ่ง และมันรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นจริง"
อาจเป็นเพราะความรักของมนุษย์ไม่มีวันเหือดแห้ง ที่ทำให้มนุษยชาติอยู่รอดมาถึงวันนี้
ความรักสามารถทำให้คนคนหนึ่งลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปข้างหน้า ความรักอันแท้จริงทำให้เราแลเห็นคุณค่าของชีวิต ทั้งของเราเองและของผู้อื่น มีแต่รักแท้ที่ทำให้เราเกิดเมตตาต่อสรรพชีวิตโดยไม่มีข้อแม้
เพราะนี่เป็นโลกที่แสนยุ่งเหยิงและเศร้าสลัวเสมอ เราจึงต้องการแสงสว่างของความรักขับไล่ความสลัวนั้น
ดานา รีฟ จากโลกไปเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2549 หนึ่งปีกับห้าเดือนหลังจากคนที่เธอรักตายไป เธอมีอายุเพียง 44 ปี
แต่ช่วงชีวิตของเธอไม่นับว่าสั้นแม้แต่น้อย เพราะโลกของเธอคือโลกแห่งความสว่างไสว
บางทีความรักของคนบางคู่ยิ่งใหญ่เกินไปที่จะถูกจำกัดด้วยเวลา เป็นความรัก - เช่นที่เธอว่า - ขนาดที่เกิด 'พลังงานที่จะอยู่ร่วมกัน'
นั่นเป็นความรู้สึกสบายอย่างหนึ่ง และมันรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นจริง
วินทร์ เลียววาริณ
23-7-25จากหนังสือ ความฝันโง่ ๆ
(หนังสือหมดแล้ว และจะไม่ตีพิมพ์อีก)0 วันที่ผ่านมา -
เมื่อพูดถึงซูเปอร์แมนในหนัง ก็ต้องพูดถึงซูเปอร์แมนตัวจริง
คริสโตเฟอร์ รีฟ ผู้ที่ชาวโลกรู้จักดีที่สุดในบท 'ซูเปอร์แมน' บนจอเงิน ประสบอุบัติเหตุตกจากหลังม้า เป็นอัมพาตตั้งแต่ลำคอลงมา
ในชั่วข้ามคืน เขากลายเป็นคนพิการที่ต้องพึ่งพารถเข็นไปตลอดชีวิต
ก่อนมาเป็นดาราภาพยนตร์นั้น เขาเคยเป็นนักแสดงละครบรอดเวย์คู่กับนักแสดงรุ่นใหญ่ แคธรีน เฮพเบิร์น
เฮพเบิร์นคงมองเห็นแววนักแสดงของเขา และพูดล้อเล่นว่ารีฟ "จะดูแลฉันตอนฉันแก่"
รีฟกล่าวว่า "ผมไม่คิดว่าผมจะอยู่นานขนาดนั้นหรอกครับ มิสเฮพเบิร์น"
เขาคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ภรรยาของเขาบอกว่า "ฉันยังรักคุณไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม คุณยังเป็นตัวคุณ"
คำกล่าวนี้ทำให้เขามีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป และยังคงทำงานในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการแสดงและการกำกับภาพยนตร์ อีกทั้งก่อตั้งมูลนิธิเพื่อคนเป็นอัมพาต หาเงินมาเป็นทุนวิจัยงานด้าน สเตม เซลล์ เพื่อช่วยคนพิการผ่านทางวิทยาศาสตร์
ภาพที่ชาวโลกเห็นคือชายที่นั่งในรถเข็น พูดเสียงแหบอู้อี้ ร่างกายร่วงโรยทางกายลงไปทุกวัน แต่จิตใจแข็งประหนึ่งหินผา ทำงานไม่หยุดหย่อน
คริสโตเฟอร์ รีฟ กล่าวว่า "ความฝันของเรามากมายดูเป็นไปไม่ได้ในทีแรก แล้วมันก็ดูเหมือนไม่น่าจะเกิดขึ้น และแล้ว... เมื่อเรามุ่งมั่นแน่วแน่ มิช้ามันก็กลายเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นที่จะกลายเป็นจริง"
วันที่เขาลาโลกไปนั้น ชาวโลกต่างยอมรับว่า เขาเป็นซูเปอร์แมนตัวจริง
มนุษย์เราพานพบอุปสรรคทุกวัน คนที่พ่ายแพ้คือคนที่ใจยอมแพ้ก่อนที่จะสู้
ความเจ็บปวด ความขมขื่น ความยากลำบากของอุปสรรคเป็นด่านที่ขวางทางเราทุกคน ช้าหรือเร็วเราก็ต้องพานพบมัน
คนชนะไม่ได้ชนะเพราะเก่งกว่า แต่เพราะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เราทุกคนเป็นซูเปอร์แมนได้ ถ้าตั้งใจที่จะ 'บิน' ให้ได้
วินทร์ เลียววาริณ
22-7-25จาก อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
48 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 165 บาท = บทความละ 3 บาท+ (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/85/อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก0 วันที่ผ่านมา -
คำตอบสำเร็จรูปของท่านรัฐมนตรีรักชาติ
ก. "เย็นไว้ๆ เดี๋ยวมันก็คลี่คลายเอง"
ข. "เราจะตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้"
ค. "ใจเย็นๆ เราขอศึกษาข้อมูลก่อน"
ง. "เรากำลังทำงานอยู่"
จ. "เรากำลังพิจารณาอย่างรอบคอบ"
ฉ. "ผมยังไม่ได้รับรายงาน"
ญ. "ขอตัวก่อนนะ ผมต้องไปทำงานเพื่อประชาชน"
...................................
นักข่าวสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรีรักชาติ
"ท่านครับ ท่านจะจัดการยังไงกับปัญหาเจ้าอาวาส มีข่าวฉาวไม่หยุดหย่อน"
(ตอบด้วยข้อ ก. "เย็นไว้ๆ เดี๋ยวมันก็คลี่คลายเอง")
"ตอนนี้เขมรกล่าวหาว่าไทยวางกับระเบิดเอง ท่านคิดว่าไงครับ?"
(ตอบด้วยข้อ ข. "เราจะตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้")
"ท่านจะจัดการอังเคิลยังไง? มากวนทุกวันเลย"
(ตอบด้วยข้อ ค. "ใจเย็นๆ เราขอศึกษาข้อมูลก่อน")
"ท่านจะคิดว่านายกฯยุบสภาดีหรือลาออกดี?"
(ตอบด้วยข้อ ง. "เรากำลังทำงานอยู่")
"ท่านจะจัดการ tariff ทรัมป์อย่างไร?"
(ตอบด้วยข้อ จ. "เรากำลังพิจารณาอย่างรอบคอบ")
"ท่านส่งใครไปเจรจาแล้วยัง?"
(ตอบด้วยข้อ ฉ. "ผมยังไม่ได้รับรายงาน")
"สรุปคือท่านไม่มีคำตอบในทุกเรื่อง?"
(ตอบด้วยข้อ ญ. "ขอตัวก่อนนะ ผมต้องไปทำงานเพื่อประชาชน")
วินทร์ เลียววาริณ
22-7-251 วันที่ผ่านมา -
ฉากการพบสิ่งทรงภูมิปัญญาที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกภาพยนตร์
Contact จากนวนิยายของ คาร์ล เซเกน กำกับโดย Robert Zemeckis"You're an interesting species, an interesting mix. You are capable of such beautiful dreams, and such horrible nightmares. You feel so lost, so cut off, so alone. Only you're not. See, in all our searching, the only thing that we've found that makes the emptiness bearable... is each other."
1 วันที่ผ่านมา -
ผมดู Superman เวอร์ชั่นหนังครั้งแรกเป็นฉบับของ ริชาร์ด ดอนเนอร์ แม้ว่าก่อนหน้านั้นมีคนสร้างเรื่องนี้เป็นหนังมาตั้งแต่ปี 1941
ฉบับของ ริชาร์ด ดอนเนอร์ ซูเปอร์แมนแสดงโดย คริสโตเฟอร์ รีฟ โด่งดังมากในบ้านเรา ทุกคนหลงรัก คริสโตเฟอร์ รีฟ เทคนิคภาพหวือหวามาก แต่ยังไม่ใช่ดิจิตัล เป็น optical
ทันใดนั้นมันก็สร้างตลาดซูเปอร์ฮีโรขึ้นมา
หลังจากนั้นก็มี Superman อีกหลายเวอร์ชั่น (หลายโครงการไม่ได้เกิด เช่น ฉบับที่กะให้ นิโคลาส เคจ เป็นซูเปอร์แมน)
ฉบับต่อมาที่ผมดูคือเวอร์ชั่น Bryan Singer (ผู้กำกับ The Usual Suspects) ฉบับนี้ค่อนข้างกร่อย ตามมาด้วยฉบับ Zack Snyder (ผู้กำกับ 300) ซูเปอร์แมนเล่นโดย เฮนรี คาวิลล์
ฉบับล่าสุดสร้างโดย เจมส์ กันน์ ฉายในโรงอยู่ตอนนี้
Superman เวอร์ชั่น 2025 เป็นหนังสนุก ให้ความบันเทิงสูง แต่ไม่มีอะไรใหม่ แทบทุกอย่างที่ทำ มาร์เวลทำมาแล้ว (ยกเว้นหมา?)
หนังมีความเป็นแฟนตาซีปนไซไฟ ปนการ์ตูน เด็กๆ คงชอบ มันก็ยังวนเวียนในกรอบเดิมของหนังซูเปอร์ฮีโร
ดังนั้นอย่าให้คะแนนดีกว่า เพราะคงไม่สูง หนังดูได้ถ้าไม่คิดมาก เป็นหนังคลายเครียดดี
........................
หมายเหตุนอกเรื่อง จุดหนึ่งในหนัง ซูเปอร์แมนบอกว่าเขาจำเป็นต้องได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์เหลือง (yellow star) หมายถึงพระอาทิตย์ของเรา
ความจริงแล้วนักดาราศาสตร์แบ่งประเภทดาวออกตามความร้อน ซึ่งประกอบด้วยดาวแบบ M, K, G, F, A, B, O โดยที่ดาวแบบ M ร้อนน้อยที่สุด ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงดาวแบบ O ซึ่งร้อนที่สุด
พระอาทิตย์ของเราเป็นแบบ G เรามองเห็นเป็นสีเหลือง แต่จริงๆ มันเป็นสีขาว เหตุที่เราเห็นเป็นสีเหลืองเพราะชั้นบรรยากาศของเรา ซูเปอร์แมนบินข้ามจักรวาล น่าจะมองเห็นสีจริง เอ้า! ไม่เห็นก็ไม่เห็น พระบ้านเราหลายรูปก็มองไม่เห็นสีจริง เห็นแต่สีกา
วินทร์ เลียววาริณ
21-7-25วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
1 วันที่ผ่านมา