-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
ช่วงเวลาที่ผมทำรีเสิร์ชเพื่อเขียนนวนิยายจีนกำลังภายใน สี่ภพ นั้น ผมต้องอ่านข้อมูลจำนวนมหาศาล เพิ่มเติมจากครั้งที่เขียน ยุทธจักรวาลกิมย้ง
เรื่องของจาลาล อัล-ดิน ที่โพสต์ลงเช้านี้ ก็มาจากรีเสิร์ช แต่ไม่มีที่ใช้ในนวนิยาย
ความจริงยังมีเกร็ดต่างๆ ที่น่าสนใจ แต่ไม่สามารถใส่ในนวนิยาย เพราะมันจะรก และเบี่ยงแกนหลักของเรื่องไป
นอกจากนี้ก็มีซับพล็อตจำนวนหนึ่งที่คิดแล้ว แต่ไม่ได้ใช้ ส่วนหนึ่งผมเอาไปไว้ในเล่ม 6 'บันทึกสี่ภพ' ซึ่งเล่าเบื้องหลังการทำงานเรื่องนี้ และอธิบายหลักวิทยาศาสตร์ในเรื่อง
หลายองค์ประกอบที่ผมนำมาใช้ ตีความใหม่เป็นไซไฟ เช่น หลักการเซน เงาของบนผนังถ้ำจากการนั่งสมาธิของอาจารย์ตั๊กม้อ การสื่อสารแบบจิตต่อจิต ฯลฯ
นอกจากเซนแล้ว ก็มีวิชาเต๋าโบราณ
ส่วนดารารับเชิญ นอกจากท่านตั๊กม้อ (พระโพธิธรรม) แล้ว ก็ยังมีท่านจางซานเฟิง (เตียซำฮง) แห่ง ดาบมังกรหยก เจ็งกิส ข่าน และลูกหลาน เช่น กุบไล ข่าน มาเกือบครบ
ชี่ตันและซีเหลียวก็มา ซ่งใต้ก็มา เปอร์เซียก็มา
รวมไปถึงทีมงานจากตังไฮ้ (ญี่ปุ่น) ถ้าไม่มาก็ไม่ครบสูตรซี
สำหรับฉากตกเขานี่ก็ต้องมี ฉากพระเอกถูกปล้ำก็ต้องมี (พระเอกเป็นคนดี ไม่ปล้ำสาวไหน แต่ถูกปล้ำหน่อย คงไม่ว่าอะไรนะ)
ส่วนฉากพระเอกไปรีดพิษโดยแก้ผ้ากับสาวสองต่อสองนี่ไม่มีนะ กลัวติดเรท R
วันก่อนมีผู้อ่านเปรยว่าท่านตั๊กม้ออยู่ห่างจากยุค เจ็งกิส ข่าน ตั้ง 800 ปี จะเล่าเรื่องยังไง
เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะผู้เขียนคนนี้ถนัดมากในเรื่องมั่ว
มั่วจนได้แหละครับท่านผู้ชม
เคี้ยกเคี้ยก (ใช่ เสียงเคี้ยกเคี้ยกก็มา!)
วินทร์ เลียววาริณ
15-8-25อ่านที่มาของงานชุดนี้ได้ที่ https://www.facebook.com/photo/?fbid=1348523389969682&set=a.208269707328395
อ่านรายละเอียดหนังสือได้ที่
https://www.facebook.com/photo?fbid=1352241359597885&set=a.208269707328395ตอนนี้พิมพ์จริงแล้ว สั่งซื้อ คลิก https://www.winbookclub.com/store/detail/254/4%20%E0%B8%A0%E0%B8%9E
ในหน้า pre-order สามารถคลิกอ่านตัวอย่าง 2 บทได้ฟรี
ท่านที่จอง pre-order แล้วยังไม่ได้ชำระเงิน โปรดทราบว่า ราคา pre-order (2,200.-) นี้จะยืนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2568 หลังจากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้ราคาปก (2,400.-) และอาจมีค่าส่ง
1- แชร์
- 23
-
เล่าเรื่องพระโพธิธรรมหรือท่านตั๊กม้อแห่งเส้าหลินต่อ
พระโพธิธรรมเดินทางขึ้นเหนือ ตำนานเล่าว่าพระโพธิธรรมผ่านสถานที่ชุมชน พบนกตัวหนึ่งถูกขังในกรง นกเอ่ยกับพระโพธิธรรมว่า "โปรดเมตตาชี้แนะหนทางสู่อิสรภาพให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด"
พระโพธิธรรมเอ่ยเพียงว่า "สองขาเหยียดแข็ง สองตาปิดสนิท"
วันนั้นเมื่อเจ้าของมาดูนกในกรง พบนกตัวนั้นนอนเหยียดขาแข็งทื่อ ตาปิด ก็คิดว่ามันตายแล้ว เมื่อเปิดกรงหยิบซากนกออกมา วิหคก็กางปีก บินไปสู่อิสรภาพ
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า เมื่อพระโพธิธรรมเดินทางถึงฝั่งแม่น้ำแยงซี ไม่พบเรือข้ามฟากสักลำเดียว จึงถอนต้นอ้อโยนลงน้ำ และกระโดดลงไปเหยียบต้นอ้อนั้น ปล่อยให้สายลมพัดพระองค์ลอยข้ามฝั่งไป ตำนานนี้ปรากฏในภาพวาดและศิลาสลักของจีน
ครั้นข้ามแม่น้ำแยงซีไปถึงซงซาน พระโพธิธรรมก็นั่งสมาธิอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง หันหน้าเข้าผนังถ้ำจมอยู่ในฌานลึกนานเก้าปี เป็นเจ้าสำนักวัดเส้าหลินแห่งเขาซงซาน ชาวจีนจึงถือว่าท่านเป็นพระสังฆปริณายกองค์ที่ 1 แห่งจีน และนี่คือที่มาของเซน ภาพของมังกรเซนในยุคต้นของเซนจึงมักเคร่งขรึม ไร้อารมณ์ขันเช่นอาจารย์เซนในยุคหลัง
บั้นปลายชีวิตของพระโพธิธรรมไม่ได้รับการบันทึกแน่ชัด มีแต่ตำนาน บ้างว่าท่านเดินทางกลับอินเดีย ตำนานหนึ่งเล่าว่า พระโพธิธรรมถูกวางยาพิษจากคนที่อิจฉาริษยาท่าน และเสียชีวิตในราวปี ค.ศ. 535 ตำนานเล่าว่าฝ่ายศัตรูพยายามฆ่าท่านถึงหกครั้ง ครั้งสุดท้ายท่านไม่ได้ขัดขืนการวางยาพิษนั้น เพียงแต่นั่งตัวตรงและมรณภาพอย่างสงบ
สามปีต่อมาพระรูปหนึ่งนาม ซ่งหยุน เดินทางไปทางตะวันตกตามคำสั่งของจักรพรรดิ เขาพบพระโพธิธรรมเดินอยู่แถบเขาหิมาลัย มือถือรองเท้าแตะข้างหนึ่ง พระซ่งหยุนถามพระโพธิธรรมว่า "ท่านอาจารย์กำลังจะไปที่ใด?"
"ไปชมพูทวีป (อินเดีย)"
เมื่อซ่งหยุนเดินทางกลับเมืองจีน ได้รายงานเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิองค์ใหม่ เซียวกัง ได้สดับดังนั้นก็ทรงสั่งให้ขุดหลุมศพของพระโพธิธรรม พวกเขาตกตะลึงเมื่อพบว่าในโลงศพนั้นไม่มีร่างของพระโพธิธรรม มีแต่รองเท้าอีกข้างหนึ่งเท่านั้น!
(เรื่องรองเท้าปริศนานี้ จะปรากฏในนวนิยาย สี่ภพ)
วินทร์ เลียววาริณ
17-8-25
.............................
จาก มังกรเซน และ Mini Zen (เซนฉบับการ์ตูน)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
มังกรเซน Shopee คลิก https://shope.ee/2VUCymbmSh?share_channel_code=60 วันที่ผ่านมา -
หลังจากส่งอาร์ตเวิร์กนิยายจีนกำลังภายใน สี่ภพ เข้าโรงพิมพ์เมื่อปลายอาทิตย์ก่อนแล้ว ผมก็สวมวิญญาณ ค.ต.ส. (คนตรวจสอบสิ่งพิมพ์) ไปตรวจงาน
โรงพิมพ์นี้ชื่อภาพพิมพ์ เปิดมานานแล้ว ผมใช้บริการที่นี่มาหลายปีแล้ว
เที่ยวนี้ได้เจอเจ้าของโรงพิมพ์คือ จ๊อก - ชัยพร อินทุวิศาลกุล (คนกลาง) ผู้บริหารรุ่นที่สอง
และเพื่อนนักเขียน นิวัต พุทธประสาท (คนซ้าย) เจ้าสำนักเม่นวรรณกรรม ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วรรณกรรมเว็บแรกของเมืองไทย (thaiwriter.net)
สมัยก่อนโน้นคุณนิวัตกับผมโลดแล่นในโลกหนังสือชื่อ ช่อการะเกด ด้วยกันบ่อยๆ
นั่นคือยุคทองของวรรณกรรม
ตอนนี้เป็นยุคโรยรา นักเขียนเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นแถว
ปกติในงานทั่วไป ผมไม่ต้องเป็น ค.ต.ส. แต่งาน 'สี่ภพ' นี้ซับซ้อน เช่น ภาพปกและสันปกต้องต่อกัน มีกล่อง ฯลฯ ก็ต้องไปคุยเรื่องรายละเอียดของการพิมพ์ ต้องวางแผนให้ดี เพราะต้องเสร็จทันเส้นตาย แต่คุณภาพต้องได้มาตรฐาน
และยังต้องมีล็อตที่บริจาคห้องสมุดอีก
คุยเรื่องงานไม่นาน ใช้เวลาส่วนใหญ่บ่นเรื่องอาการโรคไส้แห้งมากกว่า
วงการโรยรา แต่คนเขียนก็ยังเขียนไป คนพิมพ์ก็ยังพิมพ์ไป
เอารูปนี้มาเป็นหลักฐานว่า สี่ภพ พิมพ์จริงแน่นอน เพราะบางคนยังคิดว่าผมอำ
เฮ้อ! ตราบาปการอำครั้งนั้นฝังรากลึกจริงๆ! เคี้ยกเคี้ยก
วินทร์ เลียววาริณ
16-8-25หมายเหตุ ท่านที่จอง pre-order แล้วยังไม่ได้ชำระเงิน โปรดทราบว่า ราคา pre-order (2,200.-) นี้จะยืนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2568 หลังจากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้ราคาปก (2,400.-) และอาจมีค่าส่ง
อ่านที่มาของงานชุดนี้ได้ที่ https://www.facebook.com/photo/?fbid=1348523389969682&set=a.208269707328395
อ่านรายละเอียดหนังสือได้ที่
https://www.facebook.com/photo?fbid=1352241359597885&set=a.208269707328395ตอนนี้พิมพ์จริงแล้ว สั่งซื้อ คลิก https://www.winbookclub.com/store/detail/254/4%20%E0%B8%A0%E0%B8%9E
ในหน้า pre-order สามารถคลิกอ่านตัวอย่าง 2 บทได้ฟรี
1 วันที่ผ่านมา -
ไม่รู้ดวงชะตาของท่านรัฐมนตรีรักชาติเป็นอย่างไร มักผูกพันกับรถรา มอเตอร์ไซค์เสมอ
หลังจากรักษาอาการช้ำในที่ถูกชาวบ้านถีบเพราะเผลอเอ่ย "น้องรู้จักฮาร์เล่ย์มั้ย?" ท่านก็ไปเยือนชาวบ้านที่ชายแดน
ท่านรับรู้ความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ถูกประเทศเพื่อนบ้านยิงปืนใหญ่บ้าง วางกับระเบิดบ้าง
ท่านรัฐมนตรีรักชาติถือคติว่า ที่ใดมีอันตรายให้ไปปรากฏตัวที่นั่น ยืนหยัดเคียงคู่ชาวบ้าน ตามนโยบาย "รักชาติเท่าฟ้า รักประชาเท่าจักรวาล" (และถ่ายรูปมาลงโซเชียลด้วย)
ท่านรัฐมนตรีรักชาติเห็นชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ ก็เข้าไปร่วมขี่ด้วย จะได้ถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียลให้โลกประจักษ์ว่าท่านเป็นคนติดดิน
บ่ายนั้นท่านขี่มอเตอร์ไซค์ไปกับชาวบ้านคนหนึ่งชื่อเอิง เสียงจักรยานยนต์ดังกระตุก ควันดำพุ่งโขมง รถสั่นเหมือนผีเข้า
รูปนี้ลงโซเชียลแล้ว รับรองคะแนนนิยมของท่านต้องพุ่งสูงแน่
ท่านรัฐมนตรีรักชาติขี่จักรยานยนต์เก่าไปกับเอิงจนค่ำ ฟ้าเริ่มมืด ก็ขี่กลับหมู่บ้าน
ซัดเดนลีรถจักรยานยนต์ที่ท่านขี่ก็ครางเบาๆ กระตุกสองสามที แล้วดับสนิท
เอิงที่ขี่จักรยานยนต์อีกคันบอกว่า "ผมจะไปตามคนในหมู่บ้านให้ขี่มอเตอร์ไซค์อีกคันมารับท่าน ท่านรอหน่อยนะครับ"
"ผมซ้อนท้ายคุณไปไม่ได้หรือ?"
"รถผมเก่ามาก รับน้ำหนักท่านไม่ได้ ตัวท่านหมือนช้างน้ำ"
เอิงเอ่ยแค่ประโยคแรก สองประโยคหลังเก็บไว้ในใจ
ว่าแล้วชาวบ้านชื่อเอิงก็ขี่จักรยานยนต์กลับไปตามคนมาช่วย ปล่อยให้ท่านรัฐมนตรีรักชาติยืนรอในแสงสุดท้ายของวัน
ผ่านไปสี่สิบนาที ก็ยังไม่มีมีใครมาช่วย
ท่านรัฐมนตรีรักชาติตัดสินใจลองสตาร์ทจักรยานยนต์ใหม่ ปรากฏว่าเครื่องติด ท่านก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปที่หมู่บ้าน ฟ้าตอนนี้มืดสนิท
ขี่ไปได้ระยะหนึ่ง ก็เห็นแสงไฟหน้าของมอเตอร์ไซค์สองคันมาแต่ไกล ท่านรู้ว่าเอิงพาเพื่อนอีกคนมาช่วยแล้ว
ท่านรัฐมนตรีขี่จักรยานยนต์ตรงไประหว่างมอเตอร์ไซค์สองคันนั้น พร้อมโบกมือทักทาย ปรากฏเสียงดังโครม ร่างท่านปลิวกระเด็นไปนอนบนพื้นถนน
ท่านเงยหน้าขึ้นมอง แลเห็นรถกระบะคันหนึ่งเบื้องหน้า ที่แท้ท่านขี่จักรยานยนต์ตรงไปชนรถยนต์คันนั้น ท่านเข้าใจผิดคิดว่าไฟหน้ารถกระบะสองดวงเป็นไฟรถมอเตอร์ไซค์
เอิงก้าวลงมาจากรถกระบะ ร้อง "ท่านเป็นไรหรือเปล่า?"
ท่านรัฐมนตรีรักชาติบอกเอิง "ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย"
"ถ่ายทำไมครับ? จะดีหรือครับ? ถ่ายอะไรตอนนี้? หัวท่านฟาดพื้นถนนหรือเปล่า จึงพูดจาเพืี้ยนๆ"
"เปล่า สมองผมปกติ ผมจะเอารูปไปโพสต์ลงโซเชียลน่ะ"
วันรุ่งขึ้นท่านก็โพสต์รูปท่านนอนแอ้งแม้งกลางถนน จักรยานยนต์ล้มหน้ารถกระบะ ข้อความว่า "เมื่อคืนนี้ระหว่างเดินทางเอาข้าวของไปแจกจ่ายชาวบ้าน รถเราโดนปืนใหญ่ของศัตรู ผมบาดเจ็บ แต่ผมทนไหว เรื่องช่วยชาวบ้านต้องมาก่อน"
(ดัดแปลงจากเรื่องที่เคยได้ยินมา)
วินทร์ เลียววาริณ
16-8-251 วันที่ผ่านมา -
ชีวิตคืออะไร ทำไมเราคิดว่ากินสัตว์เป็นบาป กินพืชไม่บาป เราจัดระดับชีวิตของสัตว์อย่างไร เราฆ่าสัตว์ชั้นต่ำได้ แต่ไม่ควรฆ่าสัตว์ชั้นสูง ฯลฯ
วันนี้ขอเสนอความคิดเรื่องนี้ ผ่านวิธีคิดของ คาร์ล เซเกน
คลิกลิงก์อ่านได้เลย https://www.blockdit.com/posts/67fbe33028ef0945bef3b303
1 วันที่ผ่านมา -
มองโกลจะไม่เป็นมองโกลที่โลกรู้จักในวันนี้หากมิใช่เพราะเตมูจิน และเตมูจินก็จะอาจจะมิได้กลายเป็น เจ็งกิส ข่าน ที่โลกรู้จัก หากมิใช่เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่เตมูจินคือใครกันแน่?
เตมูจินเกิดในชนเผ่าบอจิจิน ซึ่งเป็นเผ่าย่อยของคียัต บิดาชื่อเยซูไก
คำว่า เตมูจิน แปลว่า ช่างตีเหล็ก บิดาเขาตั้งตามชื่อของศัตรูชาวตาดคนหนึ่งที่เขานับถือ
เมื่ออายุเก้าขวบ บิดาของเตมูจินตายเพราะถูกพวกตาตาร์วางยาพิษ ครอบครัวของเขาต้องหนีไปอยู่ที่อื่น เกือบเอาชีวิตไม่รอดในฤดูหนาวอันโหดร้าย ต่อมาเขาถูกศัตรูจับเป็นนักโทษ สวมคาไม้รอบลำคอเพื่อไม่ให้หนี แต่ยามคนหนึ่งช่วยเขาหนีไปได้ การหนีของเขาทำให้หลายคนเริ่มแลเห็นแววคนกล้าในตัวเขา
แต่จุดเปลี่ยนแปลงคือเมียเขาถูกจับตัวไป
เมียของเตมูจินชื่อ บอตี อูจิน เตมูจินแต่งงานกับนางไม่นาน วันหนึ่งพวกเมอร์คิตก็บุกมาจับตัวไป เตมูจินหนีไปได้
การจับตัวนี้เป็นการแก้แค้นพ่อของเตมูจินที่ชิงผู้หญิงชาวเมอร์คิตคนหนึ่งไปเป็นเมีย แล้วให้กำเนิดเตมูจิน
เตมูจินโกรธแค้นมาก หาทางชิงเมียคืน หลายเดือนต่อมา ด้วยความช่วยเหลือของจามูกา เพื่อนวัยเด็ก และโตรูล ผู้นำกลุ่มเกอราอิต พี่ร่วมสาบานของพ่อ
เตมูจิน จามูกา และโตรูลยกกำลังสองหมื่นคนไปช่วยเมียเตมูจิน ด้วยความแค้น เตมูจินทำลายพวกเมอร์คิตจนราบ วันนั้นพวกเขาฆ่าพวกเมอร์คิตไปสามร้อยคน ยึดทรัพย์สมบัติและผู้หญิงของเมอร์คิต เด็ก ๆ กลายเป็นทาส
ตอนที่ช่วยมาได้ เมียของเตมูจินอยู่ในสภาพครรภ์แก่ หลังจากนั้น บอตี อูจิน ก็ให้กำเนิดทารกคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่ลูกของเขา ชื่อ โจชิ
การบุกไปช่วยเมียออกมาจากเงื้อมมือพวกเมอร์คิตเปลี่ยนชีวิตเขา ชัยชนะครั้งนั้นทำให้พวกมองโกลเผ่าอื่น ๆ ร่วมกับเขามากขึ้น มันเป็นจุดหักเหของชีวิตของเตมูจิน พาเขาไปสู่เส้นทางของนักรบผู้กระหายสงคราม
เตมูจินเห็นว่าหากจะอยู่รอด พวกมองโกลทุกเผ่าควรรวมตัวกันเหนียวแน่น
ในปี 1193 เตมูจินกับจามูกาแตกคอกันเรื่องโจรขโมยม้า หัวหน้าหลายเผ่าเข้ากับเตมูจิน รวมทั้งทหารหมื่นคนของจามูกา เตมูจินได้รับเลือกเป็นข่านในวันต่อมา บางเผ่าเกรงการขึ้นสู่อำนาจของเตมูจิน ก็ไปร่วมกับจามูกา
จามูกากับเตมูจินรบกัน จามูกามีกำลังทหารมากกว่า คือสามหมื่นคน เตมูจินจำต้องถอย หลังเสร็จศึก จามูกาสั่งต้มทหารเตมูจิน 70 คนตายทั้งเป็น ทำให้ทหารหมื่นคนของจามูกาขยาดแขยง และตีจากไปเข้ากับเตมูจิน
ในปี 1194 โตรูลช่วยเตมูจินบุกพวกตาตาร์ พ่อของเตมูจินถูกตาตาร์ฆ่า ปู่ของโตรูลก็ถูกตาตาร์บุกเข้าไปฆ่า เหตุการณ์นี้เองที่ทำให้คนจีนเรียกโตรูลว่า หวังหัน แปลว่าเจ้าข่าน
ในปี 1201 จามูกาและมองโกลรวมสิบสามกลุ่ม เช่น พวกเมอร์คิต ตาตาร์ ไหน่หมัน ทำสงครามกับเตมูจิน เรียกว่า ยุทธการสิบสามด้าน (The Battle of the Thirteen Sides)
มันเป็นการรบที่นองเลือดครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งระหว่างพวกมองโกล เตมูจินชนะศึก จามูกาหนีรอดไปพึ่ง ทาหยัง ข่าน แห่งเผ่าไหน่หมัน
และในการรบครั้งนี้ เขาได้ศัตรูคนหนึ่งมาเป็นทหารคู่กาย คือเจอเปหรือเจ๋อเปี๋ย
ใน มังกรหยก อาจารย์ที่สอนวิชายิงธนูให้ก๊วยเจ๋งคือเจอเป
ช่วงหนึ่งของการรบในยุทธการสิบสามด้าน ลูกศรดอกหนึ่งเฉียดลำคอเตมูจินได้รับบาดเจ็บ หลังจากชนะศึก เตมูจินถามเชลยศึกว่าใครเป็นคนยิง
ทหารหนุ่มเผ่าเบห์ซูดชื่อ เจอกาได (Jirqo’adai/Zurgadai) บอกว่าตนเป็นผู้ยิง เขาบอกว่าเขายิงพลาดไป
เจอกาไดบอกเตมูจินว่ามีสองทางให้เดิน หนึ่งคือฆ่าเขา สองคือไว้ชีวิต เขาจะรับใช้ข่านไปจนตาย
เตมูจินชอบใจนิสัย ความกล้าหาญ และฝีมือ จึงยกโทษให้ และชุบเลี้ยงเจอกาได ตั้งชื่อใหม่เป็นเจอเป ภาษามองโกลแปลว่าลูกธนู
ภายในสามปีเจอเปก้าวขึ้นเป็นขุนศึกมือดีของ เจ็งกิส ข่าน เท่าเทียมกับอีกสองขุนศึกมูคาลีกับซูบูไต (ซู่ปู้ไถ)
สำหรับโตรูล เป็นพันธมิตรกับเจ็งกิส ข่าน นานหลายปี จนกระทั่งปี 1203 ลูกชายของโตรูล ชื่อ เซงกัม โน้มน้าวใจพ่อให้หักหลังเตมูจิน
เซงกัมไม่พอใจที่บิดาตนชื่นชมเตมูจินมากกว่าลูกแท้ ๆ พวกเขาวางแผนลอบสังหารเตมูจินขณะไปงานแต่งงาน แต่ชาวเกอราอิตคนหนึ่งเตือนเตมูจินถึงแผนการร้ายนี้ก่อน เป็นผลให้เกิดการรบกันที่เรียกว่า Battle of Khalkhaljid Sands เซงกัมบาดเจ็บในการต่อสู้
ในการศึกครั้งนี้ เตมูจินรบกับจามูกาและโตรูล เตมูจินชนะ แต่บุตรชายวัยเจ็ดขวบ โอโกไดบาดเจ็บและหายไป แต่คนของเขาช่วยไว้ได้
สู้กันสามวัน โตรูลแพ้ หนีไปพึ่งพวกไหน่หมัน แต่ถูกพวกไหน่หมันฆ่าเพราะเข้าใจผิด ไม่เชื่อว่าเขาเป็นโตรูล ส่วนเซงกัมหนีไปซีเสี้ย
เตมูจินตามล่าจามูกา จนในปี 1204 เกิดการรบกันที่ภูเขาอัลไต ในยุทธการ Battle of Chakirmaut เตมูจินมีคนน้อยกว่า แต่สั่งบุก ทาหยัง ข่าน ตายในสนามรบ ส่วนลูกชายของ ทาหยัง ข่านชื่อ กูคูลุก และจามูกาหนีไปได้
จามูกาถูกตามล่าและจับได้ในที่สุด
ตำนานเล่าว่าเตมูจินไม่ต้องการฆ่าจามูกา แต่จามูกาไม่รับมิตรภาพ บอกมีอาทิตย์เพียงดวงเดียวบนท้องฟ้า และขอตายอย่างชายชาติทหาร
ปี 1205 เตมูจินตามล่าเซงกัมไปถึงอาณาจักรซีเสี้ย เซงกัมถูกฆ่าตายในสนามรบ
ถึงจุดนี้ก็ไม่เหลือศัตรู
สำหรับกูคูลุกที่หนีรอดไปได้ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ไปพึ่งอาณาจักรเหลียวตะวันตก จักรพรรดิซีเหลียวแต่งตั้งกูคูลุกเป็นที่ปรึกษา เป็นขุนพลคุมกำลังทหาร เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมหันต์ เพราะการช่วยกูคูลุกก็คือการเลี้ยงอสรพิษ กูคูลุกอยู่ที่ซีเหลียวได้สามปี ก็ทรยศต่อผู้ช่วยชีวิต ก่อรัฐประหาร จับจักรพรรดิไว้เป็นจักรพรรดิหุ่น เมื่อจักรพรรดิตาย ก็ขึ้นครอง อำนาจที่ซีเหลียว
แต่ไม่นานเกินรอ มองโกลก็ยกทัพมาถึงหน้าบ้าน
เจ็งกิส ข่าน ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว ฆ่ากูคูลุกและทำลายอาณาจักรเหลียวตะวันตกไปพร้อมกัน
กูคูลุกหนีไปได้สองปี ก็ถูกนายพรานคนหนึ่งจับตัวส่งให้มองโกล เขาถูกจับตัดหัว ศีรษะถูกเสียบประจาน ลูกสาวกูคูลุกถูกส่งไปเป็นเมียของโตลุยให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งชื่อ ฮูตู่ตู ต่อมาร่วมรบกับ โอโกได ข่าน ในสงครามยึดอาณาจักรซ่ง และตายในการรบ
จงอย่าเป็นศัตรูกับ เจ็งกิส ข่าน!
ป.ล. เหลียวตะวันตกจะถูกใช้เป็นฉากหนึ่งของนวนิยาย สี่ภพ
วินทร์ เลียววาริณ
15 สิงหาคม 2568(ภาพมองโกล ไม่ทราบชื่อจิตรกร)
2 วันที่ผ่านมา