-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
1- แชร์
- 3
-

เดือนตุลาคมเมื่อเก้าปีก่อน หัวใจคนไทยทั้งประเทศสัมผัสแรงสะเทือนของสัจธรรมแห่งความไม่ถาวรของชีวิต เดือนตุลาคมปีนี้ เราสัมผัสความรู้สึกนั้นอีกครั้ง
เพราะตลอดเจ็ดสิบปีแห่งรัชกาลที่ ๙ ทรงมีเงาร่างหนึ่งที่เคียงข้างตลอด คือสมเด็จพระราชินี
ภาพพระราชินีทรงงานคู่กับพระราชา ท่องไปทั่วแผ่นดิน เป็นภาพที่ชาวไทยยุคก่อนคุ้นเคย เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ยามนั้นชาวบ้านทั้งประเทศเห็นภาพข่าวพระราชกรณียกิจแทบทุกวัน บางคนอาจนึกแปลกใจว่าทำไมพระเจ้าแผ่นดินทรงไม่เลือกเสวยสุขในวัง แต่ท่องทำงานทั่วประเทศ ราวกับว่าวังของพระองค์คือท้องไร่ท้องนา สถานที่พักผ่อนคือหมู่บ้านห่างไกล ภาพที่ชื่นชมคือคูคลองตื้นเขิน เส้นทางที่รื่นรมย์คือหนทางทุรกันดาร
ทั้งสองพระองค์ทรงเดินทางไปทุกหนแห่ง ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกเมือง ทุกจังหวัด
ไม่มีทางสายใดที่ทรงไปไม่ถึง ไม่มีทุกข์ราษฎร์ใดที่ไม่ทรงดูแล
ทั้งสองพระองค์ก็คือหนึ่งพระองค์
จึงไม่แปลกที่ไม่ว่าอยู่ไกลเพียงใดจากจุดศูนย์กลางประเทศ เราจะเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของสองพระองค์บนกำแพงเรือนชาวบ้าน
ความรักของราษฎรต่อทั้งสองพระองค์สะท้อนความรักของสองพระองค์ต่อราษฎร
ยุคสมัยผ่านไป หลายเรื่องดีๆ หลายภาพงดงาม หล่นหายไปในร่องหลืบของกาลเวลา
มนุษย์เรามักจะลืมสิ่งดีๆ ของวันวาน เพราะดูเหมือนสิ่งไม่ดีมีมากมายในวันนี้ จนเราลืมไปว่า ครั้งหนึ่งเมืองไทยเราเคยมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น
หากเราคนไทยจดจำเรื่องดีๆ เหล่านั้นได้ส่วนส่วนเสี้ยว เราก็อาจรู้สึกมีความหวังว่า ปัญหาของเมืองไทยแก้ไขได้ เช่นที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และเงาของพระองค์ทรงเชื่อ
เราคนไทยทุกคนก็สามารถเป็นเงาอีกหนึ่งเงาของพระองค์ได้
เมื่อเก้าปีก่อนกษัตริย์จิกมีแห่งราชอาณาจักรภูฏานทรงพระอักษรข้อความว่า "ขอพระองค์ประสูติเป็นธรรมราชาทุกชาติไป เพื่อประโยชน์แห่งชีวิตทั้งปวง" ประโยคนี้สะท้อนความรู้สึกของคนไทยทั้งปวง ณ ห้วงยามนี้
วินทร์ เลียววาริณ
ราษฎรในรัชกาลที่ ๙
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๘1 วันที่ผ่านมา -

ผู้พิพากษา อักขรา ภิภาษะ นั่งบนบัลลังก์ สายตาคมประดุจเหยี่ยวกวาดไปทั่วศาล แล้วหยุดที่ทนายความ กฤษณ์ กีนตวน เอ่ยว่า "คุณกฤษณ์"
"ครับ"
"คุณเขียนในคำร้องนี้ว่า ขอผลัดการตัดสินไปก่อน"
"ใช่ครับ"
"คุณเป็นนักวิ่งผลัดด้วยหรือ?"
"เปล่าครับ ผมมีอาชีพเดียวคือทนายความ"
"แล้วทำไมจึงขอผลัดการตัดสิน?"
"เอ๊ะ! ผมเขียนผิดหรือครับ?"
"ผัดการตัดสินที่ถูกไม่มี ล ลิง"
"หรือครับ? ผมคิดว่าคำว่า ‘ผัด’ เกี่ยวข้องกับการทำอาหาร"
"ผัดไม่มี ล ลิง ใช้กับเวลาได้ด้วย เช่น อย่าผัดวันประกันพรุ่ง แปลว่า ขอเลื่อนเวลาไปครั้งแล้วครั้งเล่า หรือ 'ผัดเพี้ยน' แปลว่า ขอเลื่อนเวลาไป นอกจากนี้ ผัดไม่มี ล ลิง ยังใช้กับการทาหน้าด้วยแป้ง เรียกว่า ผัดหน้า"
"แล้ว ‘ผลัด’ ที่มี ล ลิง?"
"‘ผลัด’ ที่มี ล ลิง แปลว่า เปลี่ยนแทนที่ เช่น ผลัดเสื้อผ้า ผลัดเวร ผลัดใบ ไม่มีความหมายว่าเลื่อนเวลา หรือเลื่อนการตัดสิน"
"ขอบพระคุณที่ชี้แนะ"
"ไม่ต้องขอบคุณ ไปคัดลายมือมาร้อยบรรทัด"
"ผมขอความปรานี น หนู ให้ศาล 'ผัดผ่อน' ไม่มี ล ลิงด้วยครับ"
"อืม! ใช้คำว่า ปรานี และ ผัดผ่อน ได้ถูกต้อง อย่างนี้ลดโทษเหลือห้าสิบบรรทัด"
วินทร์ เลียววาริณ
24-10-253 วันที่ผ่านมา -

คนยุคนี้ตั้งนาฬิกาปลุกง่ายมาก สมาร์ทโฟนทุกเครื่องทำหน้าที่นี้ได้รวดเร็วและแม่นยำ
เรียกว่า wake-up call
คำว่า wake-up call นอกจากจะแปลว่า ‘ปลุกให้ตื่น’ แล้ว ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ หมายถึงสัญญาณเตือน ‘อันตราย’ ที่อาจกำลังจะมาถึง ยกตัวอย่างเช่น เห็นเพื่อนร่วมงานถูกไล่ออก ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาอัพเกรดตัวเองได้แล้ว มิเช่นนั้นอาจถูกเชิญให้ออกเหมือนเพื่อน
ไปซื้อของในตลาด แม่ค้าทักว่า “ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้วคะ?” ทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ถือเป็น wake-up call ว่า ตัวเองอ้วนเกินไปแล้ว จนคนอื่นเข้าใจผิดคิดว่าท้อง ได้เวลาลดน้ำหนักแล้ว
อ่านข่าวนักศึกษาจบมาไม่มีงานทำ ก็คือ wake-up call บอกว่าต้องหาจุดแข็งของตัวเอง ไม่เช่นนั้นอาจหางานทำไม่ได้
บางครั้ง wake-up call ก็ค่อนข้างหนักหนาเช่น เป็นมะเร็ง ถ้าไม่ได้เป็นหนักมากจนรักษาไม่หาย หรือเพิ่งเป็นและรักษาได้ ก็ถือว่าเป็น wake-up call ที่ทำให้ต้องปรับปรุงวิถีชีวิตของตนเองใหม่
หากมองว่า wake-up call เป็นสัญญาณจากสวรรค์ มันก็เป็นสัญญาณจากสวรรค์จริง ๆ เพราะช่วยให้เราเลี่ยงพ้นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากอยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไร คนที่เป็นมะเร็งหลายคนหายป่วยเพราะเปลี่ยนวิถีดำรงชีวิต และกลับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ผมไปเรียนปริญญาโทเมื่ออายุสี่สิบ ก็เพราะมองเห็น ‘สัญญาณจากสวรรค์’ บ่อยมากว่ามนุษย์เงินเดือนอายุมากมักถูกบีบให้ลาออก ไม่ว่าจะเรียกว่า ‘เออร์ลี รีไทร์’ หรืออะไร จำเป็นต้องอัพเกรดตัวเอง หาหนทางสายที่สองรอไว้ก่อน
ผมอาจเรียนไม่จบก็ได้ หากไม่เจอ wake-up call ผลคะแนนในชั้นร่วงหล่นเกือบรั้งท้าย ทำให้เกิดสำนึกว่าเรียนเล่น ๆ อ่านแต่นิยายไม่ได้แล้ว
ปัญหาคือคนจำนวนมากมักรอให้เกิดแรงสะเทือนมาถึงตัวก่อนค่อยลงมือทำอะไรสักอย่าง นั่นคือการใช้ชีวิตอย่างประมาท ทำไมต้องรอให้เกิด wake-up call ขึ้นก่อนจึงเร่ิมขยับตัว? ลอง มองไปรอบตัวจะพบเห็น wake-up call ที่เกิดขึ้นกับคนอื่นมากมายนับไม่ถ้วน : นายรังสรรค์เป็นมะเร็งลำไส้ นายมาโนชเป็นเบาหวาน นางรัศมีเป็นโรคอ้วน นายพิเชษเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบเป็นอัมพฤกษ์ นายสถิตถูกรถชนเป็นอัมพาต ลูกนายกรณ์ติดเกม ลูกนางสุภาติดยา ลูกสาวนายโสภณท้องในวัยเรียน ฯลฯ
เราอาจสามารถเลี่ยงปัญหาทั้งหมดนี้ได้พ้นโดยสิ้นเชิงตั้งแต่วันนี้โดยใช้ปัญหาจริงของคนอื่น ๆ เป็น ‘สัญญาณจากสวรรค์’ ของตัวเอง หาทางป้องกันแต่เนิ่น ๆ ไม่ให้มันเกิดขึ้น
หลายคนดื่มเหล้าแล้วขับรถ หลายคนชอบใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ บางคนชอบส่งข้อความระหว่างขับรถ หากดูสถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากสองสามสาเหตุนี้ เราก็จะรู้ว่าควรทำอย่างไร
ถึงจะเป็นคนที่ไม่สนใจชีวิตตนเอง ว่าง ๆ ก็ลองไปเยือนโรงพยาบาลรัฐสักแห่ง เห็นคนป่วยไข้โรคต่าง ๆ มากมายหลายร้อยคน บางคนมีท่อหายใจคาอยู่ บางคนหายใจพะงาบ ๆ บางคนร้องโอย ๆ ก็อาจบรรลุธรรมเห็น wake-up call ที่ทำให้หันมาเอาใจใส่สุขภาพตัวเอง
เหล่านี้เป็น wake-up call ที่มิเพียงช่วยชีวิตเราได้ แต่อาจนำทางเราไปสู่ชีวิตที่มีคุณภาพและสุขสงบเต็มศักยภาพของเรา
มีแต่คนโง่ที่มองไม่เห็นหรือเพิกเฉยสัญญาณจากสวรรค์ และดำเนินชีวิตแบบประมาทต่อไป
ชีวิตเราเป็นของเรา เราเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว หากมันล้มเหลว ออกนอกลู่นอกทาง หรือพังพินาศ ก็เพราะสองเหตุผลเท่านั้น หนึ่งคือเราไม่รู้จริง ๆ สองคือเราตาบอด มองไม่เห็นสัญญาณจากสวรรค์รอบตัวเรา
วินทร์ เลียววาริณ
24-10-25จาก ชีวิตเป็นเรื่องชั่วคราว
31 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 190 บาท = บทความละ 6.1 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
เล่มเดี่ยว https://www.winbookclub.com/store/detail/137/ชีวิตเป็นเรื่องชั่วคราวโปรโมชั่นพิเศษชุด
https://www.winbookclub.com/store/detail/235/R4%20%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%2043 วันที่ผ่านมา -

วันนี้เป็นวันปิยมหาราช ตั้งแต่เด็กเรียนในโรงเรียนและทึ่งว่า พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นี้ทรงทำเรื่องต่างๆ มากมาย เลิกทาส รถไฟ ไปรษณีย์ โทรเลข การประปา ปฏิรูปการปกครอง ฯลฯ
แต่ก็เป็นภาพกว้างๆ มองในมุมเด็ก
จนเมื่อศึกษาประวัติศาสตร์ไทยช่วงลัทธิล่าอาณานิคมของตะวันตก ก็เพิ่งรู้ว่าทรงทำเรื่องยากเย็นหลายอย่างที่ทำให้เมืองไทยยังรักษาเอกราชไว้ได้ เป็นเรื่องไม่ธรรมดาที่เรารอดเหยี่ยวนักล่าตะวันตกหลายตัวมาได้ หมิ่นเหม่ต่อการเสียกรุงครั้งที่สามอย่างยิ่ง
ในมุมของการเมืองโลก (geopolitics) เราฉลาดที่สร้างพันธมิตรรัสเซีย ในมุมของหมากรุก เราเดินหมากฉลาดที่ยอมเสียดินแดนบางส่วนเพื่อแลกกับเอกราชของทั้งชาติ (เสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต)
สยามจึงเป็นประเทศเดียวในถิ่นนี้ที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร นี่ไม่ใช่งานง่าย และเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง
คนรุ่นใหม่หลายคนที่ไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ท่อนนี้ ก็อาจมองต่างมุม ไม่เห็นความเสียหายของการเป็นเมืองขึ้น หรือกระทั่งเห็นความเท่ของการเป็นเมืองขึ้น
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช" มีความหมายว่า พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน
บันทึกของนายช่างเยอรมัน ลูอิส ไวเลอร์ ที่มาสร้างรถไฟไทย ในอนุทินส่วนตัวของเขาหลังจากได้ยินข่าวรัชกาลที่ 5 สวรรคต ดังนี้
(26 ตุลาคม 2453)
“ข่าวนี้สะเทือนใจผมมาก ในราชอาณาจักรเล็กๆ ของพระองค์ พระองค์ทรงปกครองดั่งบิดาที่ใส่ใจบุตร พระองค์ทรงรู้จักข้าราชการระดับสูงเป็นการส่วนพระองค์ทุกคน และเป้นพระมหากษัตริย์ที่พระทัยดีและปรารถนาดีต่อพวกเราชาวยุโรป พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ด้วยเหตุนี้จึงทรงพยายามอยู่เสมอที่จะทรงหลีกเลี่ยงเรื่องราวทุกสิ่งที่อาจจะทำให้เรารู้สึกน้อยใจ พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงความมีพระเมตตาและทรงมีความปรารถนาดีต่อตัวผม จนทำให้ผมเคยชินที่จะมองพระองค์เป็นเสมือนมิตรและผู้อุปถัมภ์ ถึงแม้พระองค์จะทรงรู้สึกนึกคิดแบบชาวสยามอย่างแท้จริง แต่พระองค์ก็ทรงเข้าพระราชหฤทัยและทรงตระหนักเห็นลักษณะนิสัยของชาวยุโรปได้อย่างถ่องแท้ อีกทั้งยังโปรดให้พวกเขามาช่วยทำงานเพื่อพัฒนาประเทศของพระองค์อีกด้วย ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงมีเหตุผลหลายประการที่จะทรงขุ่นเคืองชาวยุโรป...
"พระองค์ทรงสืบสันตติวงศ์ปกครองพระราชอาณาจักรอันยิ่งใหญ่บริเวณคาบสมุทรอินโดจีนมาจากสมเด็จพระบรมราชชนก และเพื่อนบ้านชาวยุโรปผู้ละโมบอยากครอบครองพื้นที่ได้ขโมยแผ่นดินของพระองค์ไปสามส่วน พวกเขายื่นคำขาดให้พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยในสนธิสัญญาที่ดูหมิ่นพระเกียรติยศและศักดิ์ศรีของพระองค์ ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ของเอเชียผู้ซึ่งพระราชปณิธานของพระองค์เท่านั้นที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด แต่พระองค์ทรงสามารถข่มพระราชหฤทัยและทรงมีขันติธรรมอันเป็นคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่ จึงทำให้ทรงสามารถประกอบพระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้แก่ประเทศ ซึ่งย่อมมีผลดีกว่าการทรงปฏิบัติพระองค์แบบไม่โอนอ่อนผ่อนตาม แข็งกร้าวต่อศัตรูผู้มีอำนาจเหนือกว่า”
(จากหนังสือ กำเนิดการรถไฟในประเทศไทย ลูอิส ไวเลอร์ เขียน แปลโดย ถนอมนวล โอเจริญ และ วิลิตา ศรีอุฬารพงศ์)
เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยของพระองค์คือการเปลี่ยนแปลงของเพื่อนบ้านสยาม สยามกลายเป็นเป้าหมายของการล่าอาณานิคมของยุโรป ทรงตระหนักว่าพระองค์ทรงมีหน้าที่ต้องรักษาอธิปไตยของชาติให้จงได้ โดยเปิดประตูสู่วัฒนธรรมยุโรป แต่ขณะเดียวกันก็รักษาความเป็นไทยไว้ ทรงเชื่อว่านี่เป็นหนทางของเรา
สมควรที่เราคนไทยยุคหลังจะเดินตามรอยนี้
วินทร์ เลียววาริณ
23 ตุลาคม 2568ป.ล. นอกเรื่องนิดหน่อย ผมกำลังเขียนนิยายนักสืบที่ใช้ฉากรัชกาลที่ 5 เพื่อเล่าประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในรัชสมัยนี้ เจตนาก็คล้ายการเขียน ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน คือเล่าประวัติศาสตร์ แต่เดินเรื่องด้วยตัวละครนักสืบ เขียนไปได้สองตอนแล้ว ยังน่าจะอีกนานกว่าจะเสร็จ
ตอนแรกจะลงในชุดรวมเรื่องสั้นนักสืบของสมาคมนักเขียนในปีหน้า
3 วันที่ผ่านมา -

ขอทูนขอเทิดพระนามไท พระคุณแนบไว้นิรันดร
3 วันที่ผ่านมา
