-
วินทร์ เลียววาริณ2 ปีที่ผ่านมา
(หลังจากดูเรื่อง โหดเลวดี รอบล่าสุด ก็ถือโอกาสดูชุด Infernal Affairs - สองคนสองคม อีกครั้ง คราวนี้ดูแบบชำแหละและจับผิด ผลคะแนนก็ยังเหมือนเดิมคือ 10/10)
ตัวละคร ไมเคิล คอร์ลีโอน กล่าวในภาพยนตร์เรื่อง The Godfather Part III ว่า “ขณะที่ผมคิดว่าผมออกมาแล้ว พวกนั้นก็ดึงผมกลับเข้าไปใหม่”
คนชั่วเมื่อคิดล้างมือจากวงการ ก็อาจทำไม่ได้
แล้วคนดีที่เข้าสู่วงการคนชั่วด้วยเจตนาดีเล่า? ล้างมือได้หรือไม่? หนีออกจากทางสายเดิมได้หรือไม่?
และนี่คือ 無間道 ทางที่ไม่สิ้นสุด
ชื่อจีนของภาพยนตร์เรื่อง Infernal Affairs (สองคนสองคม)
無間 = ไม่สิ้นสุด 道 = ทาง ในที่นี้รวมแล้วหมายถึงนรกไม่สิ้นสุด ไม่มีการเกิดใหม่ ไม่อาจหนีพ้น
ชื่อเรื่องอังกฤษเป็นการเล่นคำ เลียนคำว่า internal affairs ซึ่งหมายถึงหน่วยงานที่ทำหน้าที่สอบสวนความประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ แทนด้วยคำว่า infernal ที่แปลว่า นรก หรือ 無間道
วงการภาพยนตร์โลกเต็มไปด้วยหนังแนวตำรวจ-ผู้ร้าย มากจนอยากสรุปว่า หนังเกินครึ่งในโลกเป็นหนังการขับเคี่ยวระหว่างตำรวจกับคนร้ายหรือเจ้าพ่อ ในบรรดานี้ หนังที่สามารถยกระดับไปถึงระดับดีมากหรือถึงขั้นคลาสสิก มีน้อย
ตัวอย่างคลาสสิกที่ยกมาเสมอคือ The Godfather เพราะมันก้าวไปไกลกว่าพล็อตเรื่องการขับเคี่ยวหรือการชิงอำนาจของเจ้าพ่อ แต่มันรวมความรู้สึกจิตใจเข้าไปด้วย ดังที่โก้วเล้งใช้ในงานเขียนนิยายกำลังภายใน แล้วยกระดับมันขึ้นมาเป็นงานคลาสสิก
Infernal Affairs เป็นหนังฮ่องกง เกี่ยวกับเจ้าพ่อ-ตำรวจ โดยคอนเส็ปต์ไม่ใช่ของใหม่ การส่งสายลับเข้าไปในองค์การอาชญากรรม หรือเข้าไปในหน่วยงานรัฐทำมาแล้วมากมาย ของไทยเราก็มีเรื่อง เล็บครุฑ ที่เขียนมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิดด้วยซ้ำ หรือแม้แต่ในหนังที่อิงเรื่องจริง เช่น Donnie Brasko ซึ่งออกมาหลายปีก่อนเรื่อง Infernal Affairs
แต่สิ่งที่ Infernal Affairs แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นในตระกูลนี้คือ แม้เป็นหนังตลาด แต่มันยืนอยู่ใต้เงาของหนังอาร์ต หนังไม่เน้นการฆ่ากัน ฉากยิงอาจไม่เห็นการยิง อาจเป็นแค่เสียงปืน ที่สำคัญที่สุดคือ หนังใส่อารมณ์ความรู้สึก เลือดเนื้อมนุษย์เข้าไป เมื่อรวมกับบทที่แน่น เคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้มันโดดเด่นออกมาจากหนังอาชญากรรมทั่วไป
หลายฉากทำได้ตื่นเต้นโดยที่ไม่มีการปะทะกันจริง ๆ ฉากการสื่อสารผ่านรหัสมอร์สถือว่าฉลาด
หนังมีความรุนแรงมาก แต่กลับไม่เน้นความรุนแรง แต่เน้นที่การวางแผน การแก้เกม การหักเหลี่ยม การหักมุมซ้อนหักมุม บทเอาอยู่ ทำให้เรื่องสนุกและสด
พูดง่าย ๆ คือ เป็นงานที่รวมศิลปะ พล็อต การหักมุม การใช้อารมณ์ ลงตัว
โก้วเล้งมักชอบเล่าชีวิตชาวยุทธ์ในมุมธรรมดา มุมในระดับล่าง เรื่องนี้ก็เช่นกัน คนร้ายก็คุยเล่นกันได้ ในเรื่องทั่วไป ไม่จำเป็นต้องร้ายทั้งเรื่อง ความเป็นศัตรูกับความเป็นเพื่อน แยกกันไม่ออกชัด ส่วนหว่องกาไวชอบเล่นกับอารมณ์และโทนหนังแบบหม่น
เรื่องนี้ดูเหมือนจะรวมพล็อตที่ดีเข้ากับงานแบบโก้วเล้งและอารมณ์แบบหว่องกาไว
..............
Infernal Affairs ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนต้องสร้างภาคสองและภาคสาม
เช่นเดียวกับ The Godfather หนังประสบความสำเร็จอย่างสูงจนต้องเข็นภาค 2-3 ออกมา
และเช่นเดียวกับ The Godfather หนังภาคต่อของ Infernal Affairs ถือว่าทำได้ดี
และฮอลลีวูดยังนำไปรีเมกเป็นฉบับฝรั่ง The Departed โดย Martin Scorsese ผู้กำกับมือเซียนด้านหนังแนวนี้ The Departed ไปไกลขนาดได้รับรางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
นี่ย่อมแสดงว่าโครงเรื่องและแนวเรื่องของงานชิ้นนี้อยู่ในเกณฑ์ดีมาก
Infernal Affairs ภาค 2-3 เพ่ิมและเสียบส่วนที่ไม่ได้เล่าในภาคแรก ซึ่งถือเป็นความสามารถของคนเขียนบทที่สามารถอุตส่าห์เสียบเรื่องเข้าไปได้ โดยที่ยังใช้ตัวละครชุดเดิม เล่าที่มาและเส้นทางชีวิตของแต่ละคน ทำให้เราเห็นอีกมุมหนึ่งว่า บางทีการเป็นเจ้าพ่อก็มาแบบโชคช่วย ไม่ได้ตั้งใจ จังหวะมันได้
ภาค 2-3 ด้อยลงกว่าภาค 1 บ้าง แต่ยังถือว่าดี และเมื่อรวมกันเป็นไตรภาค ก็ยังจัดว่าเป็นหนังที่มีเอกลักษณ์ และมาตรฐานสูงกว่าหนังแนวนี้จำนวนมากของฮอลลีวูด
Infernal Affairs ทั้งสามภาคชี้ให้เราขบคิดว่า แท้ที่จริงแล้ว ตัวตนของเราคือใคร มันสามารถแบ่งดี-ร้ายได้แยกกันเช่นนั้นหรือ และคำถามที่ว่า คนเราสามารถเปลี่ยนจากร้ายเป็นดีได้ไหม ไม่มีใครอยากเป็นร้าย แต่ในสถานะหนึ่ง สิ่งแวดล้อมหนึ่ง ต่อให้คนร้ายอยากกลับตัวก็เป็นไปไม่ได้ กลายเป็นคนใหม่
หนังใช้ห้วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับการที่ฮ่องกงคืนจากอังกฤษสู่จีน ชาวฮ่องกงก็มีคำถามว่า ตัวตนจะเปลี่ยนไปอย่างไร บางทีลัทธิการเมืองคนละขั้วก็อาจเข้าข่ายการขับเคี่ยวระหว่างตำรวจกับเจ้าพ่อ
เราจะแยกอย่างไรว่าโลกของตำรวจสะอาดกว่า หรือโลกของโจรมีแต่ความดำมืด ในเมื่อมันเป็นสีเทาปนกัน
ในท่อนหนึ่งของหนังภาคแรก เจ้าพ่อบอกลูกน้องว่า คนนับพันต้องตายเพื่อซีซาร์จะยิ่งใหญ่
ประวัติศาสตร์บันทึกว่า ท้ายที่สุดซีซาร์ก็ตายด้วยน้ำมือคนของตัวเอง
ขาวกับดำก็เช่นหยินกับหยาง ดูต่างกัน แต่มันต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวเสมอ แยกจากกันไม่ออก
10/10
ทั้งสามภาคฉายทาง Netflix
.............
วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์นี้ และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)0- แชร์
- 278
-
(อ่านข่าวการเจรจาเรื่องภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯแล้วหงุดหงิด ขออนุญาตระบายออกเป็นเรื่องขำๆ ขื่นๆ)
ท่านรัฐมนตรีรักชาติไปปฏิบัติธรรมในวัดแห่งหนึ่งอยู่หลายวัน เมื่อออกจากวัด ก็พบนักข่าวดักรอสัมภาษณ์เขาอยู่
นักข่าวถาม "ท่านรัฐมนตรีรักชาติคะ ทำไมประเทศไทยเจรจา tariff กับทรัมป์ไม่ได้เรื่องเลยคะ? เราเสียเปรียบมาก"
"เสียเปรียบก็คือได้เปรียบ มีเมตตาหน่อย มองกว้างๆ หน่อย เราให้เงินเขาไปไม่เสียเปรียบอะไรหรอก ตามคำที่ว่า ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ แปลว่าเมื่อให้ บุญก็เพิ่มขึ้น"
"บุญเพิ่ม แต่นักท่องเที่ยวลดนะคะ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวหายไปหมดเลย ท่านจะแก้ปัญหาการท่องเที่ยวอย่างไร?"
"การท่องเที่ยวก็ตกอยู่ในสัจธรรมโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ดังคำสอนที่ว่า อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ แปลว่าอย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต"
"สรุปก็คือคนไทยต้องยอมรับสภาพ?"
"อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ แปลว่าตนเป็นที่พึ่งของตน"
"ในเมื่อท่านแก้ปัญหาไม่ได้ ทำไมท่านไม่ลาออกจากพรรคร่วมคะ?"
"เราเป็นคนรักษาสัญญา สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ดังคำสอนที่ว่า ถาวาที ตถาการี แปลว่าพูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น"
"ตอนนี้รัฐบาลล้มโครงการแจกเงินแล้วยังคะ?"
"ยังไม่ล้ม ยังแจกอยู่"
"แต่เราไม่มีเงินนี่คะ"
"ใจเย็นๆ เดี๋ยวตั้งบ่อนแล้วก็ได้เงินเอง"
"ทำไมคิดเป็นแต่แจกเงินคะ?"
"ททมาโน ปิโย โหติ แปลว่าผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก"
"ทำไมยังคิดตั้งบ่อนคะ?"
"ชิฆจฺฉา ปรมา โรคา แปลว่าความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง"
"ใช่ไหมว่านี่เป็นเหตุผลที่ก่อนปรับครม. ท่านเซ็นทิ้งทวน?"
"โถ! รัฐมนตรีต้องทำงานทุกวัน กินเงินเดือนจากประชาชน จะอยู่เฉยไม่ได้ ขโณ โว มา อุปจฺจคา แปลว่าอย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์"
"ทำไมท่านเซ็นซื้อเรือดำน้ำคะ?"
"รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ แปลว่าพึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง"
"ตอนนี้เศรษฐกิจฝืดเคือง หลายห้างร้านมีคนขายมากกว่าคนซื้อของ ท่านคิดแก้ยังไงคะ?"
"ทุกคนต้องช่วยตัวเองนะ ดังคำที่ว่า อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ แปลว่าคนขยันย่อมหาทรัพย์ได้"
“แล้วเรื่องซอฟต์ พาวเวอร์ ไปถึงไหนแล้วคะ?”
"ก็ทำต่อไป สทตฺถปสุโต สิยา แปลว่าพึงขวนขวายในเป้าหมายของตน"
"ทำไมท่านยังทำงานการเมืองคะ?"
"นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ แปลว่าไม่มีความรักใดเสมอด้วยความรักตน และ วโส อิสฺสริยํ โลเก แปลว่าอำนาจเป็นใหญ่ในโลก"
"ทำไมมีคนว่าท่านมากเลย?"
"เฮ้อ! จะทำดีก็มีมารเสมอ เฮ้อ! หิตญฺจ สาธุญฺจ ปรมทุกฺกรํ แปลว่ากรรมดีมีประโยชน์ ทำได้ยากยิ่ง และ นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต แปลว่าผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก"
วินทร์ เลียววาริณ
8-7-250 วันที่ผ่านมา -
The Godfather ภาค 2 มีกลวิธีเล่าเรื่องอย่างหนึ่งที่เรียกว่า parallel stories หรือเรื่องคู่ขนาน
ในเรื่องนี้เรื่องคู่ขนานเล่าสองไทม์ไลน์ สายหนึ่งคือชีวิตของ วีโต คอลิโอน ผู้พ่อ อีกสายหนึ่งคือ ไมเคลิ คอลิโอน ผู้ลูก
แล้วโยงเชื่อมกัน ทั้งที่ตัวละครในสองเรื่องขนานอาจไม่ได้พบกันทั้งเรื่อง
ผมก็ใช้เทคนิคนี้หลายครั้งในนวนิยายและเรื่องสั้น ตัวอย่าง เช่น ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ตอน 2482/2488 เรื่องสั้น โลกีย-นิพพาน, เกม (อาเพศกำสรวล) เป็นต้น
ใน The Godfather ภาค 2 การเล่าเรื่องคู่ขนานทรงพลังมาก และเชื่อมต่อกันดั่งฝีมือเทพเจ้า เนียนไร้รอยตะเข็บ
มันไม่ใช่แค่ storytelling แล้ว มันคือ art
งานแบบนี้ถ้ามือไม่ถึง เละแน่นอน เพราะองค์ประกอบเรื่องเยอะเกินไป
แต่เรื่องนี้ บทถึง
มันคล้ายดูหนังสองเรื่องพร้อมกัน แต่ละเรื่องส่งเสริมอีกเรื่องหนึ่ง
ผมดู The Godfather มาหลายสิบรอบแล้ว ตั้งแต่หนังออกฉายในโรงจนบัดนี้ ก็ยังหาจุดแย่ไม่พบ
ตอนที่อยู่ที่นิวยอร์กในยุค 80 ผมไปดู The Godfather ภาค 1-2 ฉายควบ เชื่อว่าคนดูเกือบทั้งโรงเคยดูมาก่อน แต่เมื่อหนังจบ เสียงปรบมือดังก้องโรงหนัง ทั้งที่เป็นโรงหนังชั้นสองเก่าๆ
นี่คือพลังของหนังที่ดี
กราบ
วินทร์ เลียววาริณ
7-7-252 วันที่ผ่านมา -
"มันไม่ยุติธรรมเลย สังคมมักตัดสินคนที่เปลือกนอกและภาพลักษณ์ เช่น รัฐมนตรีทุกคนเลว กินบ้านกินเมือง" ท่านรัฐมนตรีรักชาติเปรยกับจิตแพทย์
ใช่ การทำงานการเมืองเพื่อประชาชนทำให้ท่านรัฐมนตรีรักชาติเครียด จนจำต้องพึ่งจิตแพทย์
จิตแพทย์เอ่ย "ผมเข้าใจครับท่าน ท่านทำงานเพื่อชาติมาโดยตลอด"
แล้วจดลงบนสมุดโน้ตว่า "คนไข้บอกว่ารัฐมนตรีทุกคนเลว กินบ้านกินเมือง"
"ผมเป็นพวกทำดีได้ D"
หมอพยักหน้า แล้วจดลงบนสมุดโน้ตว่า "คนไข้บอกว่าทำ D ได้ดี"
"คุณหมอมีทางแก้ไหมครับ?"
"มี"
"อะไร?"
"ผมว่ายาที่ดีที่สุดในโลกคือธรรมะ"
"จริง หมอว่าควรอ่านหรือฟังธรรมะดีครับ?"
"อ่านก็สะดวกนะ อย่างเช่นเล่ม มังกรเซน ของ..."
"อ๋อ! หนังสือของนักเขียนกวนตีนคนนั้น ไม่ไหวครับ เขียนก็ไม่ได้เรื่อง แล้วยัง stir foot อีก"
"เขามี Mini Zen นะ Mini Tao ก็มี Mini Stoic ก็เข้าท่า"
"ไม่เอาทั้งสิ้น ไอ้นักเขียนเปรตคนนี้"
จิตแพทย์ว่า "งั้นก็เข้าวัดดีกว่าครับ ท่านรัฐมนตรีอาจลองเข้าวัดเข้าวาฟังธรรมบ้าง”
“ผมก็ไปวัดบ่อยครับ”
"วัดวาอารามนะครับ ไม่ใช่วัดตัว แล้วไม่ใช่วัดที่เจ้าอาวาสเล่นพนันกันหลายร้อยล้าน"
"ผมรู้น่า หมอ ผมรู้จักเข้าวัดดีๆ"
"คุณฟังพระเทศน์?"
"ใช่ ผมฟัง"
"แล้วคุณทำตามที่พระเทศน์ไหม?"
"ทำซีครับ ผมเป็นคนที่เชื่อพระ และผมก็ทำตามที่พระเทศน์เสมอ”
จิตแพทย์ถาม “ยังไงครับ?”
“อย่างวันก่อนพระเทศน์ว่า ‘การดื่มสุรายาเมาก็ดี... การเล่นพนันก็ดี... คอร์รัปชั่นก็ดี... การโกงก็ดี... ผมฟังแค่นี้ก็กลับบ้านเลย เพราะผมทุกอย่างที่ท่านว่า 'ก็ดี' ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว"
(แปลงจากขำขันที่เคยอ่านมา)
วินทร์ เลียววาริณ
7-7-252 วันที่ผ่านมา -
“ผมคิดว่าจะใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ให้มากที่สุด... แต่ถ้ายี่เกยจะบวช ผมก็ต้องสึกออกไปอยู่บ้านค้าขาย” ผู้พูดคือ เงื่อม พานิช หลังบวชได้หนึ่งพรรษา
ยี่เกยคือชื่อของน้องชายของเขา
ท่านพุทธทาสภิกขุมีนามเดิมว่า เงื่อม พานิช บวชตั้งแต่อายุยังน้อย จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ท่านเผยแผ่ธรรมต่อเนื่อง เขียนหนังสือมากมาย เทศนาบรรยายธรรมไม่หยุด ล้วนเป็นแก่นธรรมที่ลุ่มลึก เป็นแสงสว่างของชาวไทยมานานหลายสิบปี เป็นปูชนียบุคคลมิเพียงของเมืองไทย แต่ของทั้งโลก
ปีนั้นคือ พ.ศ. 2470 ตามที่ตกลงไว้ เงื่อมจะบวชแค่สามเดือนแล้วกลับไปค้าขายที่บ้าน ต่อด้วยคิวของน้องชายท่านนามยี่เกยบวช แล้วไปเรียนแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
เจ้าคณะอำเภอได้ยินประโยคข้างต้น ก็ไปคุยกับโยมแม่ของเขา บอกว่าเงื่อมควรจะอยู่เป็นพระต่อไป ส่วนยี่เกยผู้น้องนั้นไม่ต้องบวชก็ได้ เพราะใช้ชีวิตเหมือนพระอยู่แล้ว
ผลก็คือยี่เกยเปิดโอกาสให้พี่ชายบวชต่อไป นอกจากนี้ยังยอมเลิกเรียนแพทย์ตั้งแต่เทอมแรก เพื่อทำการค้าของครอบครัว
ยี่เกยคือ ธรรมทาส พานิช เงื่อมก็คือพุทธทาสภิกขุ
ผลจากการตัดสินใจครั้งนี้ของฆราวาสที่ดีงามคนหนึ่ง ทำให้โลกมีพระที่ดีงามรูปหนึ่ง ผู้ที่ในกาลต่อมาสร้างฆราวาสที่ดีงามอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
นานปีให้หลังมีคนถาม ธรรมทาส พานิช ว่า เสียดายหรือไม่ที่ไม่ได้เรียนหมอ
ธรรมทาส พานิช ตอบว่า “พวกคุณลองคิดดูว่า เปรียบเทียบระหว่างที่ได้ท่านพุทธทาสภิกขุมาองค์หนึ่ง กับได้หมอมาคนหนึ่ง อย่างไหนมีค่ามีความสำคัญกว่ากัน”
จิตใจสูง เฉียบคม ลุ่มลึก กราบคารวะ
(สวัสดีวันจันทร์ ขอให้ทั้งสัปดาห์สุขด้วยธรรมะ)
วินทร์ เลียววาริณ
7-7-25
......................หมายเหตุ : ท่านธรรมทาส พานิช เป็นผู้ร่วมก่อตั้งคณะธรรมทาน สวนโมกขพลาราม โรงเรียนพุทธนิคม โรงพิมพ์ธรรมทาน ซึ่งตีพิมพ์หนังสือธรรมจำนวนมาก ท่านเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนการเผยแพร่พุทธศาสนาของสวนโมกขพลาราม ท่านถึงแก่กรรมด้วยโรคชราในปี 2543 อายุ 92 ปี
2 วันที่ผ่านมา -
ในหนังเรื่อง The Godfather Part Two มีฉากที่ตัวละคร Frank Pentangeli ต้องให้การต่อรัฐสภา เพื่อเอาผิดเจ้าพ่อ ไมเคิล คอลิโอน ก่อนหน้านั้นเขาสารภาพกับทางการแล้วว่า เขาก่ออาชญากรรมต่างๆ ตามคำสั่งของเจ้าพ่อ
ก่อนที่เขาจะให้การใดๆ สายตาเขาก็เหลือบเห็นพี่ชายของเขาเดินมากับเจ้าพ่อ พี่ชายของเขาอาศัยอยู่ที่เกาะซิซีลี ไม่เคยเดินทางไปไหน แต่วันนี้กลับมาปรากฏตัวที่นี่
แฟรงก์รู้ทันทีว่านี่เป็นการเดินหมากของไมเคิล เพื่อนำพี่ชายของเขามาเตือนเขาว่า "อย่าพูด" มิฉะนั้นจะมีผลที่ตามมา
แฟรงก์กลับคำให้การ บอกว่าไม่รู้จักเจ้าพ่อใดๆ ทั้งสิ้น ที่มาให้การเพราะพวกเอฟบีไอสั่งมา ว่าแล้วก็หัวเราะขำๆ
หลังจากแฟรงก์ถูกเอฟบีไอพากลับไปที่พักในค่ายทหาร ทอม เฮเกน ทนายของไมเคิลก็ไปหา บอกให้เขาฆ่าตัวตาย (ฉากนี้คลาสสิกมาก)
แฟรงก์ก็ฆ่าตัวตายอย่างว่าง่าย
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า omertà
โอแมร์ตาคือสัญญาชนิดหนึ่งหรือวิถีปฏิบัติของพวกอาชญากรอิตาเลียน นั่นคือหากถูกตำรวจจับ จะไม่พูด ไม่ซัดทอด ไม่หักหลังกัน
มันเป็นสัญญาเลือด ใครฝ่าฝืนจะต้องตาย
นักเขียน มาริโอ พูโซ ใส่หลักการโอแมร์ตาในนวนิยายของเขาหลายเรื่อง เช่น The Godfather, The Sicilian และ Omertà
ฉากให้การฉากนี้เรียบง่ายมาก แค่ให้ตัวละครพี่ชายโผล่เข้ามาเงียบๆ โดยไม่ต้องพูดสักคำเดียว ก็ทรงพลัง พิสูจน์ว่า ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ทำหนังเป็นตั้งแต่หนุ่ม
The Godfather Part Two เป็นงานชั้นครู เป็นภาคต่อที่จัดว่ายอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกภาพยนตร์ อาจดีกว่าภาคแรกด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งที่สองที่ มาริโอ พูโซ ร่วมเขียนบทกับ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา
ทั้งสองเรื่องได้รับรางวัลออสการ์บทยอดเยี่ยม ทั้งที่ มาริโอ พูโซ ไม่เคยเขียนบทมาก่อน
ทั้งสองเรื่องสุดยอดจริงๆ (11/10)
กราบ
วินทร์ เลียววาริณ
6-7-252 วันที่ผ่านมา