-
วินทร์ เลียววาริณ2 ปีที่ผ่านมา
(หลังจากดูเรื่อง โหดเลวดี รอบล่าสุด ก็ถือโอกาสดูชุด Infernal Affairs - สองคนสองคม อีกครั้ง คราวนี้ดูแบบชำแหละและจับผิด ผลคะแนนก็ยังเหมือนเดิมคือ 10/10)
ตัวละคร ไมเคิล คอร์ลีโอน กล่าวในภาพยนตร์เรื่อง The Godfather Part III ว่า “ขณะที่ผมคิดว่าผมออกมาแล้ว พวกนั้นก็ดึงผมกลับเข้าไปใหม่”
คนชั่วเมื่อคิดล้างมือจากวงการ ก็อาจทำไม่ได้
แล้วคนดีที่เข้าสู่วงการคนชั่วด้วยเจตนาดีเล่า? ล้างมือได้หรือไม่? หนีออกจากทางสายเดิมได้หรือไม่?
และนี่คือ 無間道 ทางที่ไม่สิ้นสุด
ชื่อจีนของภาพยนตร์เรื่อง Infernal Affairs (สองคนสองคม)
無間 = ไม่สิ้นสุด 道 = ทาง ในที่นี้รวมแล้วหมายถึงนรกไม่สิ้นสุด ไม่มีการเกิดใหม่ ไม่อาจหนีพ้น
ชื่อเรื่องอังกฤษเป็นการเล่นคำ เลียนคำว่า internal affairs ซึ่งหมายถึงหน่วยงานที่ทำหน้าที่สอบสวนความประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ แทนด้วยคำว่า infernal ที่แปลว่า นรก หรือ 無間道
วงการภาพยนตร์โลกเต็มไปด้วยหนังแนวตำรวจ-ผู้ร้าย มากจนอยากสรุปว่า หนังเกินครึ่งในโลกเป็นหนังการขับเคี่ยวระหว่างตำรวจกับคนร้ายหรือเจ้าพ่อ ในบรรดานี้ หนังที่สามารถยกระดับไปถึงระดับดีมากหรือถึงขั้นคลาสสิก มีน้อย
ตัวอย่างคลาสสิกที่ยกมาเสมอคือ The Godfather เพราะมันก้าวไปไกลกว่าพล็อตเรื่องการขับเคี่ยวหรือการชิงอำนาจของเจ้าพ่อ แต่มันรวมความรู้สึกจิตใจเข้าไปด้วย ดังที่โก้วเล้งใช้ในงานเขียนนิยายกำลังภายใน แล้วยกระดับมันขึ้นมาเป็นงานคลาสสิก
Infernal Affairs เป็นหนังฮ่องกง เกี่ยวกับเจ้าพ่อ-ตำรวจ โดยคอนเส็ปต์ไม่ใช่ของใหม่ การส่งสายลับเข้าไปในองค์การอาชญากรรม หรือเข้าไปในหน่วยงานรัฐทำมาแล้วมากมาย ของไทยเราก็มีเรื่อง เล็บครุฑ ที่เขียนมาตั้งแต่ผมยังไม่เกิดด้วยซ้ำ หรือแม้แต่ในหนังที่อิงเรื่องจริง เช่น Donnie Brasko ซึ่งออกมาหลายปีก่อนเรื่อง Infernal Affairs
แต่สิ่งที่ Infernal Affairs แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นในตระกูลนี้คือ แม้เป็นหนังตลาด แต่มันยืนอยู่ใต้เงาของหนังอาร์ต หนังไม่เน้นการฆ่ากัน ฉากยิงอาจไม่เห็นการยิง อาจเป็นแค่เสียงปืน ที่สำคัญที่สุดคือ หนังใส่อารมณ์ความรู้สึก เลือดเนื้อมนุษย์เข้าไป เมื่อรวมกับบทที่แน่น เคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้มันโดดเด่นออกมาจากหนังอาชญากรรมทั่วไป
หลายฉากทำได้ตื่นเต้นโดยที่ไม่มีการปะทะกันจริง ๆ ฉากการสื่อสารผ่านรหัสมอร์สถือว่าฉลาด
หนังมีความรุนแรงมาก แต่กลับไม่เน้นความรุนแรง แต่เน้นที่การวางแผน การแก้เกม การหักเหลี่ยม การหักมุมซ้อนหักมุม บทเอาอยู่ ทำให้เรื่องสนุกและสด
พูดง่าย ๆ คือ เป็นงานที่รวมศิลปะ พล็อต การหักมุม การใช้อารมณ์ ลงตัว
โก้วเล้งมักชอบเล่าชีวิตชาวยุทธ์ในมุมธรรมดา มุมในระดับล่าง เรื่องนี้ก็เช่นกัน คนร้ายก็คุยเล่นกันได้ ในเรื่องทั่วไป ไม่จำเป็นต้องร้ายทั้งเรื่อง ความเป็นศัตรูกับความเป็นเพื่อน แยกกันไม่ออกชัด ส่วนหว่องกาไวชอบเล่นกับอารมณ์และโทนหนังแบบหม่น
เรื่องนี้ดูเหมือนจะรวมพล็อตที่ดีเข้ากับงานแบบโก้วเล้งและอารมณ์แบบหว่องกาไว
..............
Infernal Affairs ประสบความสำเร็จอย่างสูง จนต้องสร้างภาคสองและภาคสาม
เช่นเดียวกับ The Godfather หนังประสบความสำเร็จอย่างสูงจนต้องเข็นภาค 2-3 ออกมา
และเช่นเดียวกับ The Godfather หนังภาคต่อของ Infernal Affairs ถือว่าทำได้ดี
และฮอลลีวูดยังนำไปรีเมกเป็นฉบับฝรั่ง The Departed โดย Martin Scorsese ผู้กำกับมือเซียนด้านหนังแนวนี้ The Departed ไปไกลขนาดได้รับรางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
นี่ย่อมแสดงว่าโครงเรื่องและแนวเรื่องของงานชิ้นนี้อยู่ในเกณฑ์ดีมาก
Infernal Affairs ภาค 2-3 เพ่ิมและเสียบส่วนที่ไม่ได้เล่าในภาคแรก ซึ่งถือเป็นความสามารถของคนเขียนบทที่สามารถอุตส่าห์เสียบเรื่องเข้าไปได้ โดยที่ยังใช้ตัวละครชุดเดิม เล่าที่มาและเส้นทางชีวิตของแต่ละคน ทำให้เราเห็นอีกมุมหนึ่งว่า บางทีการเป็นเจ้าพ่อก็มาแบบโชคช่วย ไม่ได้ตั้งใจ จังหวะมันได้
ภาค 2-3 ด้อยลงกว่าภาค 1 บ้าง แต่ยังถือว่าดี และเมื่อรวมกันเป็นไตรภาค ก็ยังจัดว่าเป็นหนังที่มีเอกลักษณ์ และมาตรฐานสูงกว่าหนังแนวนี้จำนวนมากของฮอลลีวูด
Infernal Affairs ทั้งสามภาคชี้ให้เราขบคิดว่า แท้ที่จริงแล้ว ตัวตนของเราคือใคร มันสามารถแบ่งดี-ร้ายได้แยกกันเช่นนั้นหรือ และคำถามที่ว่า คนเราสามารถเปลี่ยนจากร้ายเป็นดีได้ไหม ไม่มีใครอยากเป็นร้าย แต่ในสถานะหนึ่ง สิ่งแวดล้อมหนึ่ง ต่อให้คนร้ายอยากกลับตัวก็เป็นไปไม่ได้ กลายเป็นคนใหม่
หนังใช้ห้วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับการที่ฮ่องกงคืนจากอังกฤษสู่จีน ชาวฮ่องกงก็มีคำถามว่า ตัวตนจะเปลี่ยนไปอย่างไร บางทีลัทธิการเมืองคนละขั้วก็อาจเข้าข่ายการขับเคี่ยวระหว่างตำรวจกับเจ้าพ่อ
เราจะแยกอย่างไรว่าโลกของตำรวจสะอาดกว่า หรือโลกของโจรมีแต่ความดำมืด ในเมื่อมันเป็นสีเทาปนกัน
ในท่อนหนึ่งของหนังภาคแรก เจ้าพ่อบอกลูกน้องว่า คนนับพันต้องตายเพื่อซีซาร์จะยิ่งใหญ่
ประวัติศาสตร์บันทึกว่า ท้ายที่สุดซีซาร์ก็ตายด้วยน้ำมือคนของตัวเอง
ขาวกับดำก็เช่นหยินกับหยาง ดูต่างกัน แต่มันต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวเสมอ แยกจากกันไม่ออก
10/10
ทั้งสามภาคฉายทาง Netflix
.............
วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์นี้ และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)0- แชร์
- 269
-
คอลัมน์ 'ศัพท์ชีวิต' ที่ลงไปแล้วหลายคำ เป็นไอเดียกระตุกผู้อ่านให้ตื่น เพราะในแต่ละวัน เราอาจยุ่งจนลืมตัว และลืมไปแล้วว่าจะจัดการกับความทุกข์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอย่างไร
ศัพท์ชีวิตเป็นคำง่ายๆ เป็นคำพื้นฐานที่เราได้ยินมาก่อนแล้ว แต่เผลอลืม
คอลัมน์นี้จึงไม่ใช่การสอนธรรมะเป็นเรื่องเป็นราว แต่เป็นการสะกิดเตือนมากกว่า
แต่แปลกที่ทุกครั้งที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับพุทธ มักได้รับความเห็นว่าผู้เขียนไม่รู้จริงเสมอ ทั้งที่เวลาเขียนเรื่องศาสนาอื่น ไม่ค่อยมีใครแย้งเลย
ผมรับเรื่องการแย้งได้ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะอย่างที่บอกไม่นานมานี้ ผมกำลังศึกษาพุทธอย่างละเอียดเป็นรอบสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไป
สิ่งที่นำเสนอผู้อ่านผ่านการกลั่นกรองมาระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยินดีรับความรู้เพิ่ม ดังนั้นถ้าใครแย้งก็ถือว่าเป็นพระคุณ แต่จะดีมากถ้าบอกด้วยว่าธรรมที่ถูกนั้นเป็นอย่างไร คนอ่านก็จะได้รับประโยชน์ด้วย
ถ้าบอกลอยๆ ว่าผมผิด โดยไม่ให้ข้อมูลที่ถูก ผมก็ยังคงโง่เหมือนเดิม
บางคนก็คิดมากไปนะ ยกตัวอย่างเรื่อง 'ปรุงแต่ง' มีการใช้คำว่า "ไอ้โง่" ก็คิดว่าผมด่า
วันๆ ผมยุ่งจะตายอยู่แล้ว ไม่ว่างด่าใครหรอก และไม่ยอมเสียเวลาที่เหลือในชีวิตกับการด่า เสียของเปล่าๆ
ก็บอกได้แค่ว่า หากอ่านเรื่องเซนเยอะๆ จะพบว่า ฉากด่าศิษย์และลงมือตบกะโหลกศิษย์เป็นเรื่องปกติ อาจารย์ไม่ได้เคาะหัวเพราะอยากระบายอารมณ์ที่ไม่มีเงิน 300 ล้านไปเล่นหวยออนไลน์ แต่เคาะให้ศิษย์ตื่น
เอาแค่นี้นะ ต้องไปทำงานต่อแล้ว ผ้าก็ยังไม่ได้ซัก
วินทร์ เลียววาริณ
11-6-250 วันที่ผ่านมา -
เล่ากันว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิตหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านเอ่ยกับหมอที่ดูแลท่านเพียงวลีเดียวว่า “ปล่อยนะ”
แล้วก็ละสังขาร ปล่อยชีวิตดับไปตามธรรมชาติ เหมือนเปลวเทียนที่ลมเย็นพัดวูบหายไป
กายดับ แต่ใจดับมานานก่อนหน้านั้น
จากโลกไปสบาย ๆ ราวกับขนนกเบา แต่หนักแน่นดั่งขุนเขา
คนที่สามารถเอ่ยคำว่า “ปล่อยนะ” ก่อนตายย่อมจะเข้าใจความหมายของชีวิตอย่างดียิ่งจนไม่คิดจะยึดอะไรไว้
เพราะว่าชีวิตไม่มีอะไร
‘ปล่อยนะ’ หรือ ‘ปล่อยแล้วนะ’ ก็คือการละวาง ปลดปล่อยชีวิตห้วงสุดท้ายไปสู่ความว่างเปล่า
มาจากความว่าง จากไปกับความว่าง
เมื่อว่างเปล่า ก็ไม่เหลือเชื้อไฟให้มายา
เกิดมาไม่มีอะไร แต่ตายไปโดยเข้าใจทุกอย่าง
หลักธรรมสำคัญที่สุดในทางพุทธสำหรับคนเดินดินอย่างเรา อาจจะสรุปเป็นวลีเดียวว่า ‘ไม่ยึดมั่นถือมั่น’
วลีนี้กินความทุกอย่าง เป็นเรื่องทั้งหมดของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน รวยหรือจน
เป็นวลีที่ใช้ได้ชั่วชีวิต ไม่ต้องรอตอนกำลังจะสิ้นลมหายใจ
มนุษย์ทุกคนเป็นส่วนประกอบของเซลล์ประมาณ 37,200,000,000,000 เซลล์ ก่อนหน้าที่เราแต่ละคนเกิดนั้นไม่มีอะไร เมื่อมันมาชุมนุมกัน เราจึงยึดมั่นถือมั่นเป็นครั้งแรกว่ามันคือ ‘เรา’
ครั้นถึงเวลาอันสมควรบนโลก เซลล์ก็เลิกชุมนุม กลับคืนสู่สภาพไม่มีอะไรตามเดิม
ดังนั้นจะบอกว่า ‘มีอะไร’ และ ‘ไม่มีอะไร’ ก็ไม่ได้ทั้งคู่ มันคือความว่างเปล่าแต่แรก ชีวิตเราเป็นเพียงมายาฉากหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างนอกเหนือจากนี้ก็คือสิ่งที่เราปรุงแต่งและยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวกูและของกู
คนที่เข้าใจโลกดีย่อมสามารถ “ปล่อยนะ” เร็วกว่าคนอื่น
เรียกว่ามีชีวิตในโลกแต่อยู่เหนือโลก
‘ตาย’ ก่อนตาย
ตายจากการครอบครองของกิเลส ตายจากสภาวะตัวกู-ของกู
ตายในที่นี้ไม่ใช่การดับลมหายใจ แต่คือการอยู่เหนือสภาวะความเป็นมนุษย์และตัวตนใด ๆ เป็นอิสระโดยสมบูรณ์
คนที่มีเงินมาก ๆ จมชีวิตในกองสมบัติของตน ก็เท่ากับมีชีวิตแห่งพันธนาการ ยามละสังขารก็ยังไม่สามารถละวางเรื่องทางโลกซึ่งเป็นมายาได้
แต่หากสามารถปลดปล่อยพันธนาการของสมบัติ อยู่เหนือสมบัติ ก็เท่ากับได้ละพ้นโลกตั้งแต่ยังมีลมหายใจปกติ
คนประเภทนี้ถือว่ามีวาสนาอย่างแท้จริง
เข้าใจแล้วนะ
ปล่อยนะ
วินทร์ เลียววาริณ
11-6-25.............................
จาก 1 เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้ โดย วินทร์ เลียววาริณ
หนังสือกำลังใจ 61 บทความ 190.- บทความละ 3.1 บาท
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/150/1%20เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้
0 วันที่ผ่านมา -
ballerina แปลว่านักเต้นบัลเลต์หญิง
เรื่องมีอยู่ว่า ballerina คนหนึ่ง ผ่านประสบการณ์อันเลวร้าย และกลายเป็นนักฆ่า ฆ่าคนทั้งเรื่อง
เปล่า เปล่า ผมไม่ได้หมายถึงหนังเรื่อง From the World of John Wick: Ballerina หนัง spin-off ของชุด จอห์น วิค
ผมหมายถึงเรื่อง Red Sparrow หนังสายลับแอ็คชั่นที่แสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนส์
นางเอกเป็นนักเต้นบัลเลต์หญิง กลายเป็นนักฆ่า
ดังนั้นเมื่อดู Ballerina ที่มาอีหรอบเดียวกัน ก็ให้นึกเสียดายว่า เปิดตัวมาก็สร้างแนวเรื่องย้อนของเก่า
หนังสตรีนักฆ่ามีมาเรื่อยๆ นอกจากเรื่องนี้และ Red Sparrow ก็มี Atomic Blonde สาวสวยนักฆ่า Colombiana และ Anna ของ ลุค แบซง
หลังจากหนังชุด John Wick ประสบความสำเร็จอย่างผิดคาด ผู้สร้างก็เนรมิต John Wick universe ขึ้นมา และก็ทำ spin-off ออกมาทั้งหนังและซีรีส์ คงหากินได้อีกนาน
แต่ Ballerina เป็นตัวละครสูตรสำเร็จ ไม่มีอะไรใหม่โดยสิ้นเชิง เหมือนดู John Wick อีกเรื่องที่แสดงโดยผู้หญิง แม้แต่พล็อต ก็ไม่พยายามคิดอะไรที่แตกต่างจากงานเก่าๆ ในตลาด อย่าง Anna ก็ยังพยายามสร้างพล็อตที่ใหม่ขึ้น
Ballerina ก็เดินตามรอย John Wick ฆ่าโดยไม่ต้องมีเหตุผล
หนังมีความบันเทิงในระดับหนึ่ง น่าเบื่อในระดับหนึ่ง เต็มไปด้วยคลิเช่เดิมๆ แต่สำหรับแฟนหนัง John Wick ก็คงต้องไปดูให้ครบชุด
ยังไงก็สนุกกว่าดูนิยายดรามาชายแดนเขมรแน่ๆ
6/10
ฉายในโรงภาพยนตร์วินทร์ เลียววาริณ
10-6-25วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
(มาตรการให้คะแนนของ วินทร์ เลียววาริณ : ความคิดสร้างสรรค์ + สาระ + ศิลปะการเล่าเรื่อง)
1 วันที่ผ่านมา -
นายเฉยถูกคนด่า ไม่รู้สึกอะไร นายยุทธถูกคนด่าเรื่องเดียวกัน โกรธจัด นอนไม่หลับไปหลายคืน หรือชักปืนไปยิงคนด่า
ความแตกต่างอยู่ที่นายเฉยรับคำด่าแล้ววางลงตรงนั้น นายยุทธรับคำด่าแล้วยัดใส่หัว แล้วปรุงแต่งเป็นอารมณ์โกรธ
ภาษาธรรมว่า ปฏิจจสมุปบาท คือกระบวนการปรุงวัตถุดิบที่เห็นมาเป็นอารมณ์
คนชอบปรุงแต่งก็เป็นพวกชอบทำร้ายตัวเอง ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นอารมณ์ เพื่อทำลายสุขภาพใจและกายของตนเอง
ทีหลังเจออะไรที่ไม่ชอบ ก็วางมันลง อย่าไปปรุงแต่ง
ดังนั้นผู้อ่านอยู่ดีๆ ไม่ต้องหาเรื่องเป็นพ่อครัวอารมณ์ เข้าใจไหม ไอ้โง่ (ถ้าอ่านถึงจุดนี้แล้วโกรธวูบ แสดงว่าจิตเริ่มปรุงแต่งแล้ว)
วินทร์ เลียววาริณ
10-6-25(ภาพวาดโดย วินทร์ เลียววาริณ)
1 วันที่ผ่านมา -
สินค้าและบริการจำนวนมากในโลกมีข้อความ ‘ข้อแม้’ แปะมาด้วย ถ้าเป็นโฆษณาทางโทรทัศน์หรือวิทยุ ก็อ่านเร็วมาก ฟังแทบไม่รู้เรื่อง พูดรัว ๆ เหมือนภาษามนุษย์ต่างดาว เช่น “การลงทุนมีความเสี่ยง...” ถ้าเป็นสิ่งพิมพ์ก็มักเป็นข้อความใช้ตัวอักษรเล็กจนต้องใช้แว่นขยาย จึงเรียกว่า fine print แปลว่า อักขระจ้อย
fine print นี้มีเนื้อหาครอบคลุมกว้างมาก เพื่อให้เจ้าของสินค้าและบริการปลอดภัยจากการถูกฟ้องร้อง
fine print มักบอกเป็นเนื้อความทางกฎหมาย อ่านไม่รู้เรื่อง แต่อ่านระหว่างบรรทัดได้ว่า อะไรที่เจ้าของสินค้าและบริการทำถูกต้องเสมอ
เวลาไปทำธุรกรรมกับสถาบันเอกชน เช่น ธนาคาร ประกันภัย บริการโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เอกสารที่เซ็นนั้นเต็มไปด้วยอักขระจ้อย ถ้าจะอ่านก็คงต้องพึ่งทนายความ แทบไม่มีใครอ่าน ถูกมัดมือให้เซ็นโดยอัตโนมัติ
.....................
ชีวิตก็มีอักขระจ้อย...
อักขระจ้อยแห่งชีวิตพิมพ์ในทุกอย่างที่เราทำ มันบอกเราทุกอย่าง เตือนเราทุกเรื่อง และสั้นกว่า อักขระจ้อยในโลกธุรกิจ ไม่ต้องใช้แว่นขยายส่องดู แค่ใช้ความสังเกตเล็กน้อย
‘ตัวหนังสือ’ อักขระจ้อยแห่งชีวิตอาจจะจ้อย อาจจะเล็ก แต่มันก็อยู่ที่ใดที่หนึ่งเสมอ อยู่ที่เรามองเห็นหรือไม่ และอยู่ที่เราจะมองหรือไม่
บ่อยครั้งมันซ่อนอยู่ต่อหน้าต่อตา เราอาจไม่สนใจไปอ่านมัน เพราะ fine print ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่เราอยากฟัง
กินเหล้า fine print บอกว่าตับอาจพัง
กินอาหารขยะ fine print บอกว่าอาจเป็นสารพัดโรค
ไม่ออกกำลังกาย fine print บอกว่าอาจทำให้ตายเร็ว
ไม่เรียนหนังสือ fine print บอกว่าอาจลดทางเลือกในชีวิต
ไม่อ่านหนังสือ fine print บอกว่าอาจเสียโอกาสก้าวหน้า
ไม่วิเคราะห์สิ่งที่พบเห็น fine print บอกว่าอาจถูกหลอกได้ง่าย
ไม่รู้จักพอ fine print บอกว่าอาจยากจนลง
ไม่หาความรู้เพิ่ม fine print บอกว่าอาจตามโลกไม่ทัน
ไม่อัพเกรดตัวเอง fine print บอกว่าอาจตกงาน
ไม่ให้เวลาลูก fine print บอกว่าลูกอาจเสียเด็ก
ไม่ปรับตัวเข้าหากัน fine print บอกว่าชีวิตคู่อาจอับปาง
ฯลฯ
ความรู้ วิทยาการยุคใหม่ และการสื่อสารที่ดีขึ้นทำให้เราพบ fine print ที่ซ่อนอยู่ชัดเจนขึ้น มีคำเตือนแทบทุกเรื่อง มีตัวอย่างให้เห็นแทบทุกเรื่อง คนฉลาดคือคนที่ยอมเสียเวลาก้มลงอ่าน fine print แห่งชีวิต แล้วเดินตามทางของตัวเองไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
เพราะการลงทุนชีวิตมีความเสี่ยง
วินทร์ เลียววาริณ
10-6-25จากหนังสือ ความสุขเล็ก ๆ ก็คือความสุข
57 บทความกำลังใจสั้นและยาว ราคาเพียง 190 บาท = บทความละ 3.3 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/165/ความสุขเล็ก%2520ๆ%20ก็คือความสุข
1 วันที่ผ่านมา