• วินทร์ เลียววาริณ
    1 ปีที่ผ่านมา

    เมื่อคืนนี้ศาลโลกออกคำสั่งให้ประเทศอิสราเอล 'หลีกเลี่ยง' การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ และมันก็เข้ากับวันนี้พอดี เพราะทุกวันที่ 27 มกราคมของทุกปี เป็นวันรำลึกถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวสากล (The International Holocaust Remembrance Day) ไว้อาลัยให้ชาวยิวที่ถูกนาซีฆ่าในสงครามโลกครั้งที่สอง

    ชาวยิวเกลียดนาซี เพราะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปหกล้านคน จึงน่าจะเข้าใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ดินแดนปาเลสไตน์ได้ดีที่สุด

    ก็หวังว่า The International Holocaust Remembrance Day 2024 จะเตือนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน

    มิใช่ชาวยิวทุกคนอยากทำลายล้างปาเลสไตน์ และเช่นกัน ไม่ใช่นาซีทุกคนเลวร้ายอยากฆ่ายิว ในบรรดาฝูงอีกาดำ ก็มีอีกาขาวปะปนอยู่

    อีกาขาวคนหนึ่งชื่อ ออสการ์ ชินด์เลอร์ เป็นสมาชิกพรรคนาซี ช่วยชีวิตชาวยิวไว้ราว 1,200 คน

    วันนี้จะเล่าถึงอีกาขาวนาซีอีกคนหนึ่งชื่อ จอห์น ราเบ เมื่อต้นเดือนนี้เป็นวันครบรอบวันตายของเขา (5 มกราคม 1950) จอห์น ราเบ เป็นชาวเยอรมัน เป็นผู้นำพรรคนาซีในนานกิง

    ราเบเป็นอีกาจริงๆ เพราะ Rabe แปลว่าอีกา

    ในปี 1908 อายุยี่สิบหก จอห์น ราเบ บินไปถึงเมืองจีน ทำงานในตำแหน่งระดับล่างที่บริษัทซีเมนส์จีน งานของเขาทำให้ต้องเดินทางไปเมืองต่าง ๆ ในจีน มุกเดน (เสิ่นหยาง) เทียนจิน ปักกิ่ง นานกิง

    ตำแหน่งของเขาคือผู้จัดการทั่วไปในนานกิง (เมืองหลวงของจีนในเวลานั้น) ดูแลสถานีไฟฟ้าของเมือง โดยใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าของซีเมนส์

    บริษัทของเขาทำงานใหญ่หลายโครงการให้รัฐบาลจีน ดูแลระบบไฟฟ้านานกิง ระบบชุมสายโทรศัพท์ในกระทรวงต่าง ๆ ระบบสัญญาณเตือนภัยในสถานีตำรวจและธนาคารทั้งหลาย ไปจนถึงเครื่องเอกซเรย์ในโรงพยาบาลกลาง นอกจากนี้ซีเมนส์ยังขายโทรศัพท์และอุปกรณ์ไฟฟ้า

    ราเบกลายเป็นเสาหลักของชุมชุนชาวเยอรมันในนานกิง เขาเปิดโรงเรียนชั้นประถมและมัธยมต้นสำหรับนักเรียนชาวเยอรมัน

    วันที่ 3 สิงหาคม 1937 ญี่ปุ่นบุกเซี่ยงไฮ้ ทัพเจียงไคเช็กสู้สุดฤทธิ์ แต่ไม่สำเร็จ เซี่ยงไฮ้แตกในวันที่ 26 พฤศจิกายน สูญเสียชีวิตหลายแสนคน

    เมืองต่อไปที่ญี่ปุ่นจะยึดคือนานกิง ญี่ปุ่นทิ้งระเบิดทางอากาศต่อเนื่อง คนต่างชาติพากันออกจากเมืองจีน คนจีนที่มีฐานะดีก็หนีเช่นกัน

    ชาวตะวันตกในนานกิงหนีออกนอกเมืองหมด ในที่สุดก็เหลือแต่ จอห์น ราเบ เขาเลือกที่จะอยู่ต่อ เมืองจีนเป็นบ้านของเขา

    เขามองเห็นว่านานกิงจะแตกแน่ จึงร่วมกับคนจำนวนหนึ่งก่อตั้งเขตปลอดภัยหลายแห่งในนานกิง เป็นที่พักพิงของคนจีน เพื่อไม่ให้ถูกทหารญี่ปุ่นฆ่า เขตปลอดภัยหลายแห่งตั้งบนพื้นที่ของสถานทูตต่าง ๆ และมหาวิทยาลัยนานกิง ให้ที่พักและอาหารแก่ชาวจีน

    เขารู้ว่าสถานะนาซีของเขาอาจช่วยเจรจาเพื่อลดความสูญเสียชีวิตได้มากขึ้น เพราะญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรกับนาซี

    รัฐบาลญี่ปุ่นตกลงไม่บุกรุกเขตปลอดภัยนานาชาติเหล่านี้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องไม่มีทหารจีนประจำอยู่

    จอห์น ราเบ รู้จักพวกทูตญี่ปุ่นในนานกิง  ซึ่งแนะนำให้เขาเดินทางออกไปเพื่อความปลอดภัย ทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งถามเขา “คุณจะอยู่ต่อไปทำไม? คุณจะเกี่ยวข้องกับกิจการการทหารของเราทำไม? มันสำคัญกับคุณยังไง? คุณไม่มีอะไรต้องสูญเสียที่นี่”

    เขาตอบว่า “ผมอยู่ในจีนมาสามสิบปี ลูกหลานผมเกิดที่นี่ ผมมีความสุขที่นี่ ผมประสบความสำเร็จที่นี่ คนจีนดูแลผมดี แม้แต่ในช่วงสงคราม ถ้าผมอยู่ที่ญี่ปุ่นสามสิบปี และคนญี่ปุ่นดูแลผมอย่างดี คุณก็แน่ใจได้ว่าในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน เหมือนตอนนี้ในจีน ผมก็ไม่มีทางทิ้งคนญี่ปุ่นเหมือนกัน”

    นายพันญี่ปุ่นพอใจคำตอบนั้น และโค้งคำนับ จอห์น ราเบ อย่างนอบน้อม เพราะมันเป็นวิถีลูกผู้ชาย เหมือนหลักซามูไร

    อีกเหตุผลที่เขาไม่ไปจากเมืองจีน เพราะเชื่อว่าหากไปแล้ว ลูกจ้างบริษัทซีเมนส์ทั้งหมดจะถูกญี่ปุ่นฆ่าตาย อีกประการหนึ่ง คนเหล่านี้ยังมีหน้าที่ดูแลโรงไฟฟ้านานกิง ชุมสายโทรศัพท์ เพื่อให้นานกิงหายใจได้ต่อไป

    เขาใช้บ้านและสำนักงานเป็นที่ซ่อนตัวของลูกจ้างและครอบครัวรวมทั้งชาวบ้านอื่น ๆ ที่หนีตายมาอยู่ด้วย มากที่สุดเท่าที่พื้นที่อำนวย

    ...........

    ค่ำวันที่ 12 ธันวาคม 1937 ท้องฟ้าสว่างด้วยแสงเพลิง ญี่ปุ่นโจมตีนานกิงอย่างหนัก ทั้งเมืองจมในเปลวไฟ ชาวบ้านจำนวนมากมาออกันแน่นขนัดที่ประตูรั้วหน้าเขตปลอดภัย ทุกคนรู้ว่าเมืองกำลังแตก จึงมาขอหลบภัย แต่พื้นที่เขตปลอดภัยแน่นขนัดอยู่แล้ว

    จอห์น ราเบ สั่งเปิดประตูรั้ว ชาวนานกิงห้าหมื่นคนยัดเข้าไปในพื้นที่เขตปลอดภัย 2.5 ตารางไมล์ กระจายไปทุกจุดของพื้นที่จนไม่มีที่ว่าง สนามหญ้า ทางเดิน นอนบนพื้น ทุกจุดที่พอเบียดเข้าไปได้ วันต่อมานานกิงก็แตก

    จอห์น ราเบ สำรวจตัวเมืองนานกิง พบเห็นแต่ศพชาวจีนที่ถูกญี่ปุ่นสังหาร ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

    เมื่อยึดนานกิง ทหารญี่ปุ่นบุกเข้าค้นบ้านเรือนทีละหลัง ยิงพลเรือนทิ้งอย่างเหี้ยมโหด

    จอห์น ราเบ สั่งให้ติดธงนาซีผืนใหญ่ เห็นเด่นชัดแต่ไกล ตราสวัสดิกะที่นาซีนำไปใช้ในทางชั่วร้ายกลายเป็นยันต์คุ้มกันชีวิต

    ช่วงหลายวันต่อมา ทหารญี่ปุ่นฆ่า ข่มขืน ฆ่าหมดทั้งชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ ญี่ปุ่นฆ่าคนจีนไปราวสามแสนคน ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มีการแข่งขันกันว่าใครฆ่าคนจีนได้มากกว่า

    บ้านเมืองถูกเผา คนถูกฆ่า ผู้หญิงถูกข่มขืน มันคือนรกบนดิน บางวันทหารญี่ปุ่นข่มขืนผู้หญิงพันกว่าคน ทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนหญิงในโรงเรียนของพวกมิชชันนารีแห่งหนึ่ง มีการประเมินว่า ทหารญี่ปุ่นน่าจะข่มขืนผู้หญิงจีนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคน

    จอห์น ราเบ รู้สึกว่าต้องทำบางอย่างมากกว่าแค่เฝ้าดู จึงขับรถตระเวณเมืองนานกิง ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่อง หยุดยั้งการข่มขืนและการฆ่า

    บางวันเขาก็ขับรถพาผู้หญิงที่ถูกข่มขืนหมู่และถูกทำร้ายสาหัสไปโรงพยาบาล บางวันเขาไล่ทหารญี่ปุ่นที่กำลังหาเหยื่อข่มขืนไป บางครั้งก็กระชากร่างทหารที่กำลังข่มขืนออกมา

    จอห์น ราเบ โทรเลขรายงานส่งไปให้ฮิตเลอร์ เรื่องทหารญี่ปุ่นปล้น ฆ่า ข่มขืนชาวเมืองนานกิง และโทรเลขหาเพื่อนที่มีเส้นสายถึงระดับบนให้ช่วยโน้มน้าวใจฮิตเลอร์ นอกจากนี้ยังเขียนจดหมายบอกรัฐบาลญี่ปุ่นด้วย แต่ไม่ได้ผล การเข่นฆ่าดำเนินต่อไป

    จอห์น ราเบ สั่งให้ผู้หญิงหลายร้อยคนมาหลบภัยเตรียมการเตือนภัยจากการข่มขืน ถ้าทหารญี่ปุ่นบุกเข้ามาหมายข่มขืน ให้เป่านกหวีด เขาก็ออกมาไล่ทหารญี่ปุ่นไป มันเกิดขึ้นบ่อยจนเขาแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน

    คืนหนึ่งทหารญี่ปุ่นบุกเข้ามาในเขตบ้านของเขา จอห์น ราเบ ส่องไฟฉายใส่หน้าทหารญี่ปุ่น คนหนึ่งชักปืนขึ้นมาจะยิงเขา แต่เมื่อเห็นปลอกแขนติดตราสวัสดิกะ ก็หยุดชะงัก และถอยไป

    เมื่อเกิดการเผชิญหน้า จอห์น ราเบ จะชี้ไปที่ปลอกแขนพิมพ์ตราสวัสดิกะ ขู่ทหารญี่ปุ่นว่า “เฮ้ย! มึงรู้ไหมว่านี่คืออะไร?” มันใช้ได้ผล

    ทหารญี่ปุ่นไม่กล้ายุ่งกับพวกนาซี เนื่องจากเป็นพันธมิตรสงครามกัน การทำร้ายหรือฆ่านาซีอาจทำให้เบื้องบนลงโทษสถานหนัก

    ชาวจีนเห็นเขาเป็นดังเทพเจ้าผู้มาโปรด ผู้หญิงหลายคนตั้งท้องเมื่อเข้ามาในเขต และคลอดลูก หากเป็นลูกชาย มักได้ชื่อ จอห์น ลูกสาวได้รับชื่อ ดอรา ตามชื่อภรรยาของเขา

    นาซีเป็นกลุ่มคนที่เลวร้ายที่สุดกลุ่มหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แต่นาซี จอห์น ราเบ กลับนำสัญลักษณ์นี้มาใช้ช่วยชีวิตคน

    เอกสารทางการของนานกิงในเวลาต่อมาบ่งว่าเขาช่วยชีวิตพลเรือนชาวจีนราว 200,000 - 250,000 คน ชาวจีนยกย่องนาซีคนนี้เป็นพระโพธิสัตว์ยุคใหม่

    อีกาทำงานกับบริษัทซีเมนส์ต่อจนสิ้นสงครามโลก ปลายสงครามฝั่งยุโรป โซเวียตบุกเข้าเบอร์ลิน ฮิตเลอร์ฆ่าตัวตาย จอห์น ราเบ ถูกโซเวียตจับ ต่อมาถูกส่งไปให้พวกอังกฤษ หลังจากสอบสวนอย่างหนัก อีกาก็เป็นอิสระในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัว

    เมื่อไม่มีงานทำ ก็ไม่มีเงินเลี้ยงครอบครัว จอห์น ราเบ ใช้เงินเก็บจนหมด เขากับครอบครัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์ห้องเดียว กินอาหารไม่พอจนเป็นโรคขาดอาหาร ครอบครัวอด ๆอยาก ๆ

    ในปี 1948 ข่าวความยากลำบากของ จอห์น ราเบ เดินทางไปถึงหูชาวนานกิง จึงพากันเรี่ยไรเงินให้เขาสองพันเหรียญสหรัฐฯ นายกเทศมนตรีนานกิงเดินทางไปพบเขาที่เยอรมนี มอบอาหารให้ครอบครัวเขา ทุกเดือนชาวนานกิงตอบแทนบุญคุณโดยส่งอาหารให้เขา จนกระทั่งเขาตายในวันที่ 5 มกราคม 1950

    สี่สิบเจ็ดปีต่อมา ป้ายหลุมศพของเขาถูกย้ายจากเบอร์ลินไปตั้งที่นานกิง เป็นอนุสรณ์สถานซึ่งชาวนานกิงไม่มีวันลืม

    อีกาบินข้ามโลกกลับไป ณ สถานที่ที่มีคนมากมายรักเขา และไม่เคยลืมสิ่งที่เขาทำ

    ............

    ย่อความจากหนังสือ วีรบุรุษที่เราลืม วันนี้ยังมีโปรโมชั่นคุ้มที่สุด ชุด S1 ประวัติศาสตร์ที่เราลืม 5 เล่ม + วีรบุรุษที่เราลืม รวม 6 เล่ม ราคาปก 1,605.- เหลือเพียง 1,000 บาท ทุกเล่มมีลายเซ็นนักเขียน สั่งได้ที่เว็บ winbookclub.com หรือ Shopee (ค้นคำ namol113)

    0
    • 0 แชร์
    • 81

บทความล่าสุด