• วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    เล่าเรื่องกบฏพระยาทรงสุรเดชต่อ

    ผลของการกวาดล้างกลุ่มพระยาทรงสุรเดช คน ๑๘ คนถูกประหารด้วยคำพิพากษาจากศาลพิเศษ

    คือศาลที่ไม่ต้องเสียเวลาแก้ต่าง

    ศาลพิเศษมีคำพิพากษา จำคุกตลอดชีวิต ๒๒ คน พ้นข้อกล่าวหา ๗ คน และประหารชีวิต ๒๑ คน แต่ลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต ๓ คน

    เป็นการยิงเป้าจำนวนคนมากที่สุดตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองปี ๒๔๗๕ ผู้ถูกลงทัณฑ์หลายคนร่วมก่อการในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ด้วย

    รุ่งสางวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ปี ๒๔๘๒ เป็นคืนข้างแรมอ่อน ๆ พระจันทร์เกือบเต็มดวง อากาศเย็นจัด น้ำค้างลงเผาะ ๆ

    ที่ประตูชั้นในใต้หอรักษาการณ์คุกบางขวาง เจ้าหน้าที่ ๓๐-๔๐ คนกำลังออกันอยู่ บุคคลเหล่านี้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ หมอ ผู้คุม คณะกรรมการจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่สันติบาล และผู้แทนจากกระทรวงกลาโหม ทั้งหมดเป็นประจักษ์พยานการฆ่าคน

    การยิงเป้านักโทษการเมืองสิบแปดคน

    นักโทษสิบแปดคนนี้จะถูกทยอยยิงเป้านับจากเช้ามืดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๘๒

    การยิงเป้านักโทษการเมืองทั้งสิบแปดคงดำรงเป็นความลับไปตลอดกาล หากมิใช่เพราะมีบันทึกที่ละเอียดมากฉบับหนึ่ง ทำให้เรารู้เห็นเหตุการณ์ชั่วโมงสุดท้ายของนักโทษทั้งสิบแปดคน

    บันทึกการยิงเป้านักโทษการเมืองสิบแปดคนที่ชัดเจนและละเอียดที่สุดคือเรื่อง ข้าพเจ้าเห็นการยิงเป้า โดย จ.ส. (ตีพิมพ์ในหนังสือ เบื้องแรกประชาธิปตัย)

    จ.ส. เล่าว่า ในเช้ามืดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๘๒ ผู้คุมหลายคนค่อย ๆ ย่องเข้าไปในที่คุมขัง ลากตัวนักโทษชุดแรกสี่คนออกมาขณะกำลังหลับ ขณะปลุกปล้ำฉุดกระชากลากตัวไป ปรากฏเสียงตึงตังดังลั่น นักโทษคนอื่น ๆ เห็นและต่อว่าทางเรือนจำว่า ทำไมทำแบบนี้

    นักโทษทั้งสี่ได้แก่ พ.ท. พระสุวรรณชิต (จร กังสวร) ร.ท. เผ่าพงษ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นายดาบผุดพันธ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา บุตรชายทั้งสองของพระยาเทพหัสดิน และ ร.ต. บุญมาก ฤทธิสิงห นายทหารประจำการ บางคนนุ่งผ้าขาวม้า บางคนสวมเพียงกางเกงใน

    อากาศเย็นเฉียบ โซ่เหล็กและตรวนรัดข้อเท้า นักโทษหนาวจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ทั้งหมดถูกพาไปฟังพระเทศน์เป็นครั้งสุดท้าย นักโทษประหารนั่งในโถงที่มีพระจากวัดบางแพรกใต้รออยู่ ด้านหนึ่งวางพระพุทธรูปหน้าตักแปดนิ้ว หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก และธูปเทียน ทุกครั้งที่ลมเย็นโชยเปลวเทียนก็สั่นไหวไปมา

    พระให้ศีลจบก็แสดงธรรม นักโทษพนมมือฟังไปหนาวสั่นไป คำสอนของพระคืออย่าได้จองเวรต่อกัน ทำใจให้สงบ เพื่อให้วิญญาณไปสู่สุคติ

    หลังจากนั้นนักโทษทั้งสี่ก็ถูกพาไปที่หลักประหาร

    หนึ่งในนักโทษประหารชุดแรกคือพระสุวรรณชิต ถูกตั้งข้อหาว่าจ้างนายลีไปยิงหลวงพิบูลสงคราม เขาให้การว่าไม่เคยรู้จักนายลีมาก่อน เส้นทางของคนทั้งสองไม่พาดผ่านกัน คนหนึ่งเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ คนหนึ่งเป็นผู้รับใช้

    ส่วน ร.ท. เผ่าพงษ์ กับนายดาบผุดพันธ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยาเป็นบุตรชายของพระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) พระยาเทพหัสดินเป็นทหารเอกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูงจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย

    ความผันผวนทางการเมือง นอกจากพระยาเทพหัสดินจะถูกจับกุมด้วยข้อหากบฏแล้ว บุตรชายทั้งสองก็ถูกกวาดจับมาด้วย

    เมื่อถูกจับกุม พระยาเทพหัสดินนึกในใจว่า ลูกชายทั้งสองก่อเรื่องให้ท่านถูกจับเสียแล้ว เมื่อพบกับลูกชายทั้งสอง ลูกกลับบอกว่า”นี่พ่อไปทำอะไร ทำให้ผมพลอยเดือดร้อนไปด้วย”

    พระสุวรรณชิตขออนุญาตเขียนจดหมายสั่งเสียถึงลูก ให้ลูก ๆ รักกัน เขียนเสร็จแล้วก็มอบจดหมายให้เจ้าหน้าที่ไปส่งต่อให้ครอบครัว

    เมื่อรู้ว่าเวลาจากกันมาถึงแล้ว สองพี่น้องเทพหัสดิน ณ อยุธยา โผเข้ากอดกันแล้วร้องไห้  ทุกคนในที่นั้นเบือนหน้าหนีด้วยความสะเทือนใจ

    เวลา ๐๕.๓๐ น. เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานพาพระสุวรรณชิตกับ ร.ท. เผ่าพงษ์ออกไปเป็นคู่แรก ผู้คุมถือโคมนำทาง นักโทษทั้งสองหิ้วโซ่ตรวนเดินไปช้า ๆ บรรยากาศเงียบสงัด มีแต่เสียงโซ่กระทบกันเป็นจังหวะ เจ้าหน้าที่และผู้สังเกตการณ์ทั้งหลายก็เดินตามไป

    เมื่อถึงแดนประหาร ข้าหลวงอ่านคำพิพากษาของศาลพิเศษ นักโทษประหารฟังเงียบ ๆ นัยน์ตาเด็ดเดี่ยวไม่มีความกลัวตาย แต่ตัวสั่นสะท้านเพราะความหนาว

    ข้าหลวงถามว่า “มีอะไรจะสั่งเสียอีกไหม?”

    ทั้งสองปฏิเสธ

    ข้าหลวงบอกว่า “จงอย่าผูกพยาบาทจองเวรเลยนะ เพราะผมทำตามหน้าที่”

    ..........................

    เรือนประหารเป็นโรงไม้ ขึงผ้าสีน้ำเงินปิดสี่ด้าน ด้านหลังวางกระสอบทรายตั้งซ้อนกันสูงประมาณ ๑.๘๐ เมตร สำหรับกันกระสุนปืน ภายในวางแท่นตั้งปืนกลเบิร์กมันน์ห่างจากเป้าหกเมตร ตัวเป้าเป็นรูปวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสี่นิ้ว วางตรงระดับหัวใจของนักโทษประหาร โดยปรับระดับความสูงของเป้าตามความสูงของนักโทษก่อนพาเข้ามาที่แดนประหาร ตรงกลางเป็นเสาไม้กางเขนสูงราวคน พื้นขุดเป็นหลุมลึกถมเต็มด้วยแกลบเพื่อดูดซับโลหิต ด้านหลังไปอีกวางหีบศพสำหรับบรรจุศพนักโทษประหาร

    ผู้คุมนำผ้ามาปิดตาพระสุวรรณชิต พระสุวรรณชิตบอกว่า “ไม่ต้องผูกได้หรือไม่ เป็นทหาร ไม่กลัวดอก”

    เจ้าหน้าที่ว่า “ผมทำตามระเบียบครับ”

    นักโทษจึงยอม ตามมาด้วยการปิดตา ร.ท. เผ่าพงษ์ ทั้งสองถูกผูกกับเสา หันหน้าเข้าหาหลัก มัดสายสิญจน์บนลำตัวติดกับหลัก ป้องกันไม่ให้ร่างขยับเขยื้อน หากถูกยิงแล้วยังไม่ตายทันที เพชฌฆาตก็ยิงซ้ำได้ง่าย

    เจ้าหน้าที่ใช้สายสิญจน์มัดแขนติดกับไม้ขวาง ให้มือทั้งสองอยู่ในท่าพนมเหนือศีรษะ วางกรวยใบตองที่มีดอกไม้ธูปเทียนบนมือ เป็นการขอขมาลาตาย

    นิ้วมือเพชฌฆาตสอดที่ไกปืน

    ๐๕.๔๕ น. เสียงปืนลั่น

    หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่แก้มัดเชือก ยกศพไปวางไว้ที่โรงตอนใน เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งบันทึกจุดที่กระสุนเข้าร่าง อีกคนหนึ่งพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสิบ ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน

    หลังจากนั้นก็ถึงคราวนักโทษสองคนที่เหลือของวัน

    ก่อนจากโลกไป บุตรชายพระยาเทพหัสดินฝากฝังผู้คุมให้ช่วยดูแลพระยาเทพหัสดินผู้พ่อ เนื่องจากท่านแก่แล้ว และฝากกราบลาพ่อด้วย

    เสียงปืนคำรามอีกครั้งอย่างไร้ความปรานี

    พระยาเทพหัสดินเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้ว่าลูกชายทั้งสองตายไปแล้ว ไม่มีใครกล้านำข่าวไปบอกท่าน ในตอนเช้าอดีตแม่ทัพใหญ่ชงกาแฟให้ผู้คุมช่วยนำไปส่งให้ลูกชายเช่นทุกวัน แต่ผู้คุมไม่นำกาแฟไปด้วย

    ครั้นตอนสายพัศดี จำรัส เพชรคล้าย มาตรวจการณ์ตามปกติ พระยาเทพหัสดินก็ขอให้เขาช่วยนำกาแฟที่เย็นชืดแล้วไปส่งให้ลูกทั้งสอง จำรัสตอบสั้น ๆ ว่า “เขาเอาไปแล้ว”

    พระยาเทพหัสดินนึกถึงเสียงปืนที่ได้ยินตอนเช้ามืด ครางเบา ๆ “อ้อ! ได้ยินเสียงปืนตอนเช้ามืด เขาไปเป็นสุขแล้ว”

    (ยังมีต่อ)

    .........................

    จากหนังสือชุด ประวัติศาสตร์ที่เราลืม / วินทร์ เลียววาริณ

    ตอนนี้มีโปรโมชั่นสุดคุ้ม สั่งทาง Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6 

    สั่งทางเว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/176/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B9%91-%E0%B9%95%20+%20%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9  

    1
    • 0 แชร์
    • 12
    Chartrak
    สมัยนั้นดุกันจังนะครับ คดีการเมืองต้องจัดการกันถึงตายเลยทีเดียว
    ดูความเห็น 1 รายการ ...

บทความล่าสุด