• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    เล่าเรื่องการยิงเป้ากบฏพระยาทรงสุรเดชต่อ

    วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๘๒ นักโทษประหารได้แก่ พ.อ. พระสิทธิเรืองเดชพล พ.อ. หลวงมหิทธิโยธี ร.อ. ขุนคลี่พลพฤณฑ์ และ จ.ส.ต. แม้น เลิศราวี

    วันนี้นักโทษชุดที่สองทั้งสี่คนเตรียมพร้อมมาก่อน เพราะทุกคนรู้เรื่องการฉุดลากนักโทษไปประหารเมื่อวานนี้ นักโทษประหาร ร.ท. ณ เณร ตาละลักษมณ์ บอกผู้คุมว่า “พวกเราเป็นทหาร ยินดีให้คุมตัวไปฆ่าได้ อย่าทำแบบนี้”

    ผู้คุมไปแจ้งต่อผู้บัญชาการเรือนจำ วันต่อมาจึงไม่มีการฉุดลากตัวนักโทษไปอีก

    พ.อ. พระสิทธิเรืองเดชพล (แสง พันธุประภาส) เป็นอดีตรัฐมนตรีในปี ๒๔๗๗ และ ส.ส. ประเภทสอง อดีตผู้บัญชาการทหารบกมณฑลที่ ๕ จังหวัดราชบุรี

    พ.อ. หลวงมหิทธิโยธี (สุ้ย ยุกตวิสาร) เป็นผู้บังคับการจังหวัดทหารบกราชบุรี

    ร.อ. ขุนคลี่พลพฤณฑ์ (คลี่ สุนทรารชุน) เป็นครูประจำโรงเรียนรบ และลูกศิษย์คนสนิทของพระยาทรงสุรเดช

    ทั้งหมดมีสายสัมพันธ์กับพระยาทรงสุรเดช

    ในปี พ.ศ. ๒๔๘๑ พระยาทรงสุรเดชเสนอต่อกระทรวงกลาโหมขอตั้งโรงเรียนรบขึ้นที่เชียงใหม่ สภากลาโหมอนุมัติ จึงสร้างโรงเรียนที่นั่น พานายทหารจำนวน ๒๙ นายไปเรียน ตลอดเวลานั้นหลวงพิบูลสงครามที่ระแวง พระยาทรงสุรเดช ก็ส่งคนติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลา

    ไม่นานหลังจากนั้น พระยาทรงสุรเดชก็ถูกสั่งปลดออกจากราชการ และถูกบังคับให้ลี้ภัยในอินโดจีน

    สำหรับพระสิทธิเรืองเดชพล นายทหารผู้สนิทสนมกับพระยาทรงสุรเดช ไปหาพระยาทรงสุรเดชเพื่อเสนอให้ก่อรัฐประหาร ให้เหตุผลว่าทหารหลายคน “ไม่สบายใจที่ทหารแตกกัน ต่างหนุนคนละฝ่าย”

    พระสิทธิเรืองเดชพลบอกว่า “ทหารส่วนใหญ่ยังเคารพนับถือเจ้าคุณ อยากให้เจ้าคุณคืนสู่อำนาจ เป็นนายกรัฐมนตรี”

    “ซึ่งแปลว่าต้องทำรัฐประหาร”

    เวลานั้นพระสิทธิเรืองเดชพล มีตำแหน่งผู้บังคับการทหารราบ คุมกำลังมากพอก่อรัฐประหารได้

    แต่พระยาทรงสุรเดชปฏิเสธ

    พระสิทธิเรืองเดชพลรู้ว่า เหตุที่พระยาทรงสุรเดชไม่เปิดไฟเขียวให้ ก็เพราะท่านไม่ต้องการใช้กำลังยึดอำนาจ แต่อยากใช้กระบวนการทางรัฐสภา

    ในเวลานั้นรัฐสภากำลังคัดสรรคนเป็นนายกรัฐมนตรีถัดจากพระยาพหลพลพยุหเสนา มีคู่ท้าชิงสองคนคือ พระยาทรงสุรเดชกับหลวงพิบูลสงคราม ตอนนั้นพระสิทธิเรืองเดชพลเป็นสมาชิกสภาประเภทที่ ๒ ชวนให้สมาชิกอื่น ๆ สนับสนุนพระยาทรงสุรเดชเป็นนายกฯ ในการลงคะแนนลับ คะแนนของพระยาทรงสุรเดชนำหน้าหลวงพิบูลฯ ๓๗ ต่อ ๕

    เมื่อทราบผลการนับคะแนน หลวงพิบูลฯชี้แจงว่า การลงคะแนนนี้ไม่ใช่การเลือกจริง เป็นการทดลองฟังความเห็นของสภาเท่านั้น เพราะมีคนกำลังเสนอให้เชิญพระยาพหลฯกลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง เมื่อพระยาทรงสุรเดชทราบเรื่อง ก็ไม่พอใจ

    หลังจากนั้นพระสิทธิเรืองเดชพลก็ตัดสินใจลาออกจากราชการ หลวงพิบูลสงครามเชิญเขาไปร่วมงานด้วย เต่เขาปฏิเสธ ทำให้หลวงพิบูลสงครามไม่ไว้ใจพระสิทธิฯไปด้วย

    ลงเอยที่โทษประหารชีวิต

    คนทั้งสี่ผ่านกระบวนการเช่นเมื่อวานนี้ ฟังพระเทศน์ แล้วนำไปที่หลักประหาร คู่แรกคือ ร.อ. ขุนคลี่พลพฤณฑ์ และ จ.ส.ต. แม้น เลิศราวี คู่หลังคือ พ.อ. พระสิทธิเรืองเดชพล พ.อ. หลวงมหิทธิโยธี

    สีหน้าพระสิทธิเรืองเดชพลเรียบเฉย ซ่อนความรู้สึกทั้งหมดไว้ภายใน สมเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่

    เสียงปืนดังขึ้นหลายชุด สาเหตุเพราะปืนที่ยิงหลวงมหิทธิโยธี กระสุนด้าน เมื่อเปลี่ยนกระสุนยิงอีก ก็ด้านอีก

    หลวงมหิทธิโยธีร้องว่า “เมื่อยเต็มทีแล้ว เมื่อไหร่จะยิง!”

    ปืนกลรัวขึ้น

    ตอนสายภรรยาพระสิทธิเรืองเดชพลนำอาหารมาส่งตามปกติ ทราบข่าวการจากไปของสามี ก็เป็นลมล้มพับไป

    ................................

    วันที่ ๒ ธันวาคมเป็นวันที่สามของการประหาร ถึงคราของนักโทษสี่คนคือพ.ต. หลวงไววิทยาศร พ.ต.ท. ขุนนามนฤนาท ร.อ. จรัส สุนทรภักดี และ ร.ท. แสง วัณณะสิริ

    พ.ต. หลวงไววิทยาศร (เสงี่ยม ไววิทย์) นั้นเป็นนายทหารประจำการ พ.ต.ท. ขุนนามนฤนาท (นาม ประดิษฐานนท์) เป็นนายตำรวจประจำการ ส่วน ร.อ. จรัส สุนทรภักดี และ ร.ท. แสง วัณณะสิริ เป็นนายทหารฝึกหัดราชการโรงเรียนรบของพระยาทรงสุรเดช

    ทั้งหมดล้วนมีสายสัมพันธ์กับพระยาทรงสุรเดช

    หลวงไววิทยาศรกับ ร.ท. แสง วัณณะสิริ เดินไปเป็นคู่แรก

    เหล่านักโทษไม่แสดงความกลัวตายใด ๆ ขณะถูกนำไปที่หลักประหาร จู่ ๆ หลวงไววิทยาศรตะโกนขึ้นว่า “ที่ไหนโว้ยจุดหมาย?”

    ขุนนามนฤนาทตะโกนกลับมาจากด้านหลังว่า “อเมริกาซิเพื่อน”

    วิญญาณของทั้งคู่ปลิดปลิวเมื่อเวลา ๐๕.๒๐ น. แต่จะไปเกิดใหม่ที่อเมริกาหรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้

    เมื่อได้ยินเสียงปืนกลรัว ขุนนามนฤนาทไม่มีสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง พูดเสียงกลั้วหัวเราะว่า “เอ้า! เราเตรียมตัวได้”

    ส่วน ร.อ. จรัสเครียด เพราะภรรยาเพิ่งให้กำเนิดลูกน้อยไม่กี่เดือนเท่านั้น

    ขุนนามนฤนาทพูดกับ พ.ต.ต. ขุนสมัครพลกิจว่า “ท่านขุนครับ ช่วยเรียนผู้บังคับบัญชาชั้นผู้ใหญ่ว่าผมขอกราบลาไปก่อน”

    แล้วก้าวเดินไปสู่ความตายโดยไม่พรั่นพรึง

    เสียงปืนคำรามอีกระลอก

    ตายไปแล้วสิบสองคน

    (ยังมีต่อ)

    .........................

    จากหนังสือชุด ประวัติศาสตร์ที่เราลืม / วินทร์ เลียววาริณ

    ตอนนี้มีโปรโมชั่นสุดคุ้ม สั่งทาง Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6 

    สั่งทางเว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/176/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B9%91-%E0%B9%95%20+%20%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9 

    0
    • 0 แชร์
    • 2

บทความล่าสุด