ประเทศอิสราเอลมีศัตรูรอบตัว จึงสร้างระบบต้านภัยทางอากาศที่เรียกว่า Iron Dome ทำหน้าที่ป้องกันภัยทางอากาศ หากศัตรูยิงขีปนาวุธใส่ ก็จะจับและยิงมันตกทันท่วงที

อิสราเอลคุยว่า Iron Dome ของตนทรงพลัง ป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์

แต่การโจมตีของอิหร่านด้วยจรวด 180 ลูกในเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว (2024) ทำให้หลายคนเริ่มสงสัยว่ามันเป็นราคาคุยหรือไม่ เพราะจรวดฝ่า Iron Dome ไปได้จำนวนมาก

ปีนี้สหรัฐฯบอกว่าจะสร้างระบบที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ตั้งชื่อว่า Golden Dome

สามารถป้องกันสหรัฐฯทั้งประเทศ

ราคาเริ่มต้นที่ 25 พันล้าน ที่ราคาสูงเพราะไม่ใช้เหล็กคุณภาพต่ำ ทนแผ่นดินไหวได้

ถ้าทำจริงคงแพงกว่านั้น

ท่านประธานาธิบดีบอกว่า จะให้ Golden Dome คุมแคนาดาด้วย ถ้าแคนาดายอมเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ

แคนาดาบอก "ฝันไปเถอะ"

ขณะที่แคนาดาไม่สนใจ ญี่ปุ่นกลับสนใจ

ญี่ปุ่นบอกจะช่วยโครงการนี้ อย่างน้อยก็ช่วยเรื่องเงิน

เพราะความปลอดภัยของสหรัฐฯก็คือความปลอดภัยของญี่ปุ่นด้วย

เอาละ เวลาเรามองเรื่องนี้ ต้องวิเคราะห์หลายมุม

Golden Dome นี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันภัยขีปนาวุธทางอากาศ ต่อให้ทำสำเร็จ ทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ได้แปลว่ามันทำให้สหรัฐฯปลอดภัย

ทำไม?

เพราะทำไมศัตรูจึงเลือกยิงขีปนาวุธอย่างเดียวล่ะ

ในนวนิยายของ Frederick Forsyth เรื่อง The Fourth Protocol (1984) องค์การลับส่งชิ้นส่วนต่างๆ ของระเบิดปรมาณูเข้าไปในอังกฤษ ทีละชิ้น แล้วไปประกอบเป็นระเบิด เพื่อจุดระเบิดที่อังกฤษ

หากศัตรูใช้กลยุทธ์แบบนี้ ก็สามารถส่งชิ้นส่วนระเบิดปรมาณูเข้าสหรัฐฯทีละชิ้น แล้วจุดระเบิดที่ใจกลางประเทศสหรัฐฯเลย

นี่ก็คือกลยุทธ์เดียวกับที่ยูเครนและพันธมิตรโจมตีฐานทัพอากาศของรัสเซียเมื่อไม่กี่วันก่อน สายลับขนโครนใส่รถบรรทุกเข้าไปในรัสเซีย และบังคับโดรนหลายร้อยตัวไปโจมตีฐานทัพ ไม่ไกลจากฐานทัพ ใช้ wi-fi ของรัสเซียนั่นแหละ

เป็นปฏิบัติการที่สำเร็จ ทำให้รัสเซียขายหน้า (แต่ไม่ได้แปลว่าจะชนะสงคราม)

ตามหลักสงครามของซุนหวู่ สงครามไม่มีกฎตายตัว Golden Dome ไม่ว่าจะดีเลิศแค่ไหน ก็มีข้อจำกัดของมัน

และข้อจำกัดแรกก็คือค่าใช้จ่ายของมันก็มาจากภาษีประชาชนตามเคย

วินทร์ เลียววาริณ
6-6-25

บิ๊ก แบง (Big Bang) = การเลือกตั้งครั้งใหม่

จุดเริ่มต้น (singularity) = การเขียนกติกาการเลือกตั้งให้เข้ากับตัวเอง

ดาราจักร (galaxy) = รัฐสภา ศูนย์รวมดาว ส.ส. ทั้งหลาย

วงโคจร (orbit) = เส้นทางเดินของ ส.ส. วงโคจรมักจะเสถียรเมื่ออยู่รอบดาวดวงใหญ่

เขตอาศัยได้ (Goldilock Zone) = พรรคที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด

ดาวหาง (comet) = ส.ส. ที่เล่นตัว ไม่สังกัดพรรคไหนง่ายๆ

อุกกาบาต (asteroid) = ลิ่วล้อหน่วยทะลวงฟันที่ใช้ทำลายฝ่ายตรงข้าม

หลุมดำ (black hole) = พลังดูด ส.ส.

สสาร (matter) = ผลประโยชน์

สสารมืด (dark matter) = คำสัญญาชาวบ้านตอนเลือกตั้ง มักเป็นนโยบายประชานิยม

แรงโน้มถ่วง (gravity) = การซื้อเสียง

พลังงาน (energy) = เงิน ตามสูตร E = mc2 
Energy = money คูณความเร็ว (c)

ความเร็วแสง (c) = อัตราความเร็วการชิงจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

ทฤษฎีสัมพัทธภาพ (Theory of Relativity) = ระบบการเมืองที่ต้องอิงแอบกัน เพื่อผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย

สนามแม่เหล็ก (magnetic field) = พลังดูดจากค่ายต่างๆ บางทีเรียกก๊อก หรือท่อน้ำเลี้ยง

มิติสูงขึ้นไป (higher dimension) = นายทุนพรรคตัวจริง

โปรตอน = พรรคร่วมรัฐบาล ทำทุกอย่างให้เป็นบวก

อิเล็กตรอน = ฝ่ายค้าน ทำทุกอย่างให้เป็นลบ

นิวตรอน = พรรคกลางที่เข้ากับค่ายไหนก็ได้

แสงเงินแสงทอง (aurora) = รัศมีที่ปรากฏเมื่อเป็นรัฐมนตรี เห็นได้จากการกุมไข่ก้มหน้าของข้าราชการ

ดาวคู่ (binary star system)​ = ระบบสองพรรคร่วม

ดาวสามดวง (triple star system) = ระบบสามพรรคร่วม มักไม่เสถียร ตีกันตลอด

ปฏิสสาร (anti matter) = ส.ส. ที่ค้าน mang ทุกเรื่อง

การยืดขยายตัวของเวลา (Time dilation) = การสอบผ่านอภิปรายไม่ไว้วางใจ

คราส (eclipse) = คอร์รัปชั่น

น้ำขึ้นน้ำลง (tide) = อาการชักเข้าชักออกของพรรคร่วม

พลังงานมืด (dark energy) = อำนาจจริงที่สั่งการเปลี่ยนนโยบายได้ชั่วข้ามคืน มักเป็นเจ้าของค่ายตัวจริง

รูหนอน (wormhole) = ช่องทางธรรมชาติ

ซูเปอร์โนวา (supernova) = การล้มกระดาน

ดาวตาย (death star) ความตายของประชาชน ความล่มสลายของสังคม

บิ๊ก แบง (Big Bang) = การเลือกตั้งครั้งใหม่

(ย้อนกลับไปอ่านบรรทัดแรก)

วินทร์ เลียววาริณ
6-6-25

When Small men begin to cast big shadows, it means that the sun is about to set.

เมื่อคนไม่สำคัญเริ่มสร้างเงาขนาดใหญ่ ก็หมายถึงตะวันกำลังจะตกดิน

Lin Yutang

.........................

หมายเหตุ

small men หมายถึงคนทั่วไป คนที่ไม่สำคัญ แต่อาจหมายถึงนักการเมืองที่พยายามจำลองตัวเองเป็นคนธรรมดาเหมือนชาวบ้าน ในบริบทนี้ก็อาจหมายถึงนักการเมืองที่เริ่มหมดแสง

หลินหยี่ถัง (林語堂) เป็นนักปราชญ์จีนที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 20

เวลาใช้คำว่า Big Bang เรานึกภาพการระเบิดจากจุดจุดหนึ่ง หรือจุดศูนย์กลาง

นี่คือวิธีมองตามสามัญสำนึกของมนุษย์

เรามีภาพการระเบิดแบบหนังฮอลลีวูด ระเบิดรถ ระเบิดตึก ก็ต้องมีจุดศูนย์กลาง

หรืออาจบอกว่าการระเบิดเกิดขึ้นภายใน space

แต่ บื๊ก แบง ไม่ใช่การระเบิดภายในพื้นที่หรือ space

มันไม่ใช่การระเบิดตามสามัญสำนึกของเราด้วยซ้ำ

อาจเรียกว่ามัน 'ปรากฏ' ขึ้นก็ได้

แล้วปรากฏขึ้นจากไหน?

ไม่ทราบ

เรารู้เพียงว่า บื๊ก แบง ปรากฏขึ้นพร้อม space ที่มันสร้างขึ้น

บื๊ก แบง ก็คือการสร้าง space ขึ้นมา

ดังนั้นมันไม่มีจุดใดจุดหนึ่งใน space ที่บอกว่านี่คือ บิ๊ก แบง นะ เพราะไม่ได้เกิดขึ้นใน space

งงใช่ไหม? ไม่งงก็แปลก

สิ่งที่แปลกอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าคุณอยู่จุดใดในจักรวาล คุณจะรู้สึกเหมือนว่าคุณเป็นจุดศูนย์กลางของการขยายตัว

คล้ายๆ อีโก้ของคนบางคน

เคี้ยกเคี้ยก

วินทร์ เลียววาริณ
5-6-25