• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    นักอ่านหลายคนบอกผมว่า เพื่อนถือวิสาสะหยิบยืมหนังสือไปอ่านแล้วไม่คืน จึงต้องซื้อใหม่ เพราะคนเป็นเพื่อนมักถือคติ “ไม่เป็นไรหรอก ซี้กัน!”

    เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เพื่อนโทรศัพท์มาหาแล้วพูดฉอด ๆ สรุปเสร็จสรรพว่าเราว่าง และอยากคุยด้วย

    เพื่อนบางคนเปิดเพลงที่เขาชอบดังไปทั่วออฟฟิศ เพราะทึกทักเอาว่าคนอื่นชอบเพลงแบบนั้นเหมือนเขา

    อยู่หอพักหรือบ้านเช่าหลังเดียวกัน เพื่อนก็ถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าของเราไปใช้เลย

    เหล่านี้คือการถือวิสาสะหรือทึกทักเอาเองว่าไม่เป็นไร

    การไม่คืนหนังสือสักเล่มหรือกินขนมสักชิ้นสองชิ้นไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แต่บางครั้งการถือวิสาสะอาจไปไกลกว่าขอบเขตที่สมควร

    เคยไหมที่เพื่อนบางคนมาเคาะประตูเยี่ยมโดยไม่บอกล่วงหน้า การคิดถึงเพื่อนแล้วไปเยี่ยมก็เป็นเรื่องดี แต่หากโผล่เข้ามาผิดจังหวะอาจไม่ค่อยดี!

    เพื่อนบางคนมาเยี่ยมพร้อมลูกเล็ก บอกว่า “ฝากดูลูกหน่อยซี รู้ว่าเธออยู่บ้านทั้งวัน”

    บางคนยกกระเป๋ามาหนึ่งใบ บอกว่า “เธอกำลังจะไปเยี่ยม (ชื่อคน) ที่ (ชื่อจังหวัดหรือชื่อประเทศ) ใช่ไหม? ฝากของให้เขาหน่อย”

    เพื่อนอาจไม่ทันคิดว่า บางทีเราอาจมีกระเป๋าเดินทางหลายใบ

    บ้างเมื่อรู้ว่าเราจะเดินทาง ก็ยื่นรายการฝากซื้อของทันที

    การถือวิสาสะบางอย่างเป็นเรื่องประจำวัน ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นทุกวัน ก็คิดว่าเราเป็น ‘ของตาย’

    บางคนมักมีนิสัยตัดสินใจให้คนอื่นเสร็จสรรพ เพราะคิดเอาเองว่าดีแล้ว หรือดีสำหรับเขาแล้ว

    นานมาแล้ว ผมเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง เพื่อนบ้านที่อยู่ไกลออกไปกรุณาส่งคนงานมาตัดต้นไม้หน้าบ้านให้โดยไม่บอกกล่าวหรือขออนุญาต เพราะทนความรำคาญตาไม่ไหวที่ต้นไม้โตเกินมาตรฐานความงามของเขา เรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ!

    การทึกทักเอาเองว่าไม่เป็นไรยังปรากฏในเรื่องมารยาทพื้นฐาน ที่เห็นบ่อยที่สุดคือการเอ่ยคำขอบคุณ

    สังเกตไหมว่าบ่อยครั้งเราแสดงมารยาทที่ดีต่อคนแปลกหน้ามากกว่ากับเพื่อนสนิทของเราเอง บางคนพูดจากับคนแปลกหน้าสุภาพมาก แต่พูดกับคนรักห้วนเป็นมะนาวไม่มีน้ำ หรือมะนาวตากแห้งมาสามปี

    สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันนาน ๆ ไม่มากคู่ที่ยังเอ่ยคำขอบคุณเมื่ออีกฝ่ายช่วยทำอะไรให้

    ภรรยาดูแลสามีอย่างดี แต่สามีกลับมองไม่เห็น เพราะคิดว่าคู่ครองของตนเป็น ‘ของตาย’ หรือ “ก็เป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้วนี่นา”

    ยิ่งน้อยคนขอบคุณคนรับใช้ ทึกทักเอาเองว่าไม่ต้อง ก็เป็นคนใช้นี่นา!

    หลายคนไม่เคยขอบคุณพนักงานร้านอาหารเมื่อยกของกินมาเสิร์ฟ

    “ก็เป็นหน้าที่ของเขานี่”

    ทว่าหน้าที่ก็คือหน้าที่ มารยาทก็คือมารยาท เป็นคนละเรื่องกัน

    พ่อแม่ก็มีหน้าที่เลี้ยงดูลูก แต่มิได้หมายความว่าเราไม่ต้องแสดงความขอบคุณเมื่อท่านทำอะไรให้เรา

    ผมโชคดีได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนหลายคนหลายชาติในต่างประเทศหลายปี เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องอยู่อาศัยร่วมกับคนอื่น เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน ใช้ห้องครัวห้องน้ำร่วมกัน

    เป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะต่างคนต่างนิสัยกัน ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในภาคปฏิบัติ มันช่วยให้เข้าใจเรื่องเอาใจเขามาใส่ใจเราดีขึ้น

    คนทุกคนมีหัวใจ แม้แต่คนที่สังคมจัดว่าอยู่ในระดับล่างที่สุด ก็มีความรู้สึก

    มารยาทเป็นเรื่องสากล มันมีสองด้านคือมีมารยาทกับไม่มีมารยาท ไม่มีกลาง ๆ เคยสังเกตไหมว่าคนจำนวนมากเมื่อเผลอเหยียบเท้าคนแปลกหน้า จะขอโทษทันที แต่เมื่อเหยียบเท้าลูกแล้วทึกทักเอาว่าไม่เป็นไร ลูกไม่ถือสา คนกันเอง ไม่ต้องขอโทษ

    อย่าทึกทักเอาเองว่าไม่เป็นไร เพราะมันเท่ากับว่าเราให้ราคาคนที่เรารักน้อยกว่าคนที่เราไม่รู้จัก

    การทึกทักเอาเองอาจสร้างความเข้าใจผิด หรือส่งสารผิด ๆ ให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ ควรเอาใจเขามาใส่ใจเราเสมอ คิดเสมอว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร

    วินทร์ เลียววาริณ
    30-7-25

    ...............

    จาก รอยยิ้มใต้สายฝน
    35 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 190 บาท = บทความละ 5 บาทเศษ
    หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว

    https://www.winbookclub.com/store/detail/139/รอยยิ้มใต้สายฝน 

    https://s.shopee.co.th/8Ke0htOJcm 

    1
    • 0 แชร์
    • 15

บทความล่าสุด