• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    อัลแบร์ กามูส์ นักปรัชญาและนักเขียนรางวัลโนเบล มองโลกต่างจากคนอื่น

    เขาเห็นว่ามนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ชอบจัดระเบียบ ต้องการมองเห็นทุกอย่างชัด ๆ จึงให้ความหมายของชีวิต เราพยายามเหลือเกินที่จะเข้าใจทุกอย่างในจักรวาล

    ความจริงแล้วทุกสิ่งเป็นความไร้สาระ (Absurdism)

    ย่อมมีคนถาม ถ้าโลกไร้สาระ ไม่มีความหมายอะไร ไม่มีโลกหน้า เราก็สามารถฆ่าใครก็ได้เช่นนั้นหรือ? นี่คือการคิดแบบสำเร็จรูป หามิได้ เป็นคนละประเด็นกัน การที่โลกและจักรวาลไร้ความหมายหรือไม่มีโลกหน้า ทุกการกระทำก็ยังมีผลที่ตามมา (consequence) ที่ทางพุทธเรียกว่า อิทัปปัจจยตา

    แล้วทำอย่างไรในสภาวะแบบนี้ - ถ้า Absurdism เป็นความจริง?

    กามูส์เห็นว่าเรามีแค่สามทางเลือกเท่านั้นคือ 1 หนีจากมัน 2 หลบซ่อนใต้ความเชื่อ และ 3 อยู่กับมัน

    ‘หนีจากมัน’ คือฆ่าตัวตาย

    ‘หลบซ่อนใต้ความเชื่อ’ คือซ่อนตัวใต้ร่มศาสนาหรือลัทธิความเชื่อ นี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่โลกเรามีลัทธิต่าง ๆ มากมาย สร้างชุดความเชื่อบางอย่างให้เราเกาะยึดเหมือนเกาะขอนไม้กลางทะเล เรา รู้สึกสบายใจขึ้น และไม่ต้องคิดมาก

    ส่วน ‘อยู่กับมัน’ คือยอมรับมัน

    ในทางเลือกที่หนึ่ง กามูส์เห็นว่าการฆ่าตัวตายเป็นการกระทำที่ยุติการดำรงอยู่ของคนคนนั้น (one’s existence) แต่จะทวีความไร้สาระมากขึ้น

    การฆ่าตัวตายคือ ‘การสารภาพ’ ว่าชีวิตไม่คุ้มที่จะดำเนินต่อไป มันเป็นการเลือกอย่างหนึ่งที่จะออกไปพ้นจากวิถีไร้สาระ แต่กามูส์ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าตัวตาย เขาเห็นว่าควรใช้ชีวิตให้ถึงที่สุดอย่างเต็มที่

    ในทางเลือกที่สอง กามูส์เห็นว่าศรัทธาที่โอบอุ้มความหมายของชีวิตเป็นเพียงความเชื่อที่ไม่มีข้อพิสูจน์อะไรเลย ดังนั้นศรัทธาแบบนี้ก็คือการฆ่าตัวตายเช่นกัน ที่เขาเรียกว่า ‘การฆ่าตัวตายเชิงปรัชญา’ (philosophical suicide) เพราะมันเป็นการแทนที่ความไม่แน่นอนของการดำรงอยู่ด้วยชุดความเชื่อที่คนอื่นตั้งไว้ หรือชุดความเชื่อที่เป็นคำตอบสำเร็จรูป

    ทางที่ดีที่สุดของกามูส์คือ ยอมรับความไร้สาระนั้น

    การยอมรับความไร้สาระไม่ได้หมายถึงการยอมรับยถากรรม ตรงกันข้าม การที่เรายอมรับว่าโลกไร้ความหมายหรือเป็นโลกไร้สาระ มันจะนำไปสู่อิสรภาพ ทำให้เราเป็นอิสระ ปลดปล่อยตัวเองจากภาพลวงตาของความหมายต่าง ๆ ที่โลกสร้างขึ้น ทำให้เข้าใจวิธีทำงานของโลกและชีวิต

    ยอมรับว่าชีวิตไม่มีสาระ ไม่มีความหมาย และจักรวาลไร้คุณค่าสูงสุดได้เร็วเท่าไร ก็พบอิสรภาพเร็วเท่านั้น

    หลังจากนั้นก็สร้างความหมายของเราเอง

    ด้วยวิธีคิดแบบนี้ เราจะสามารถใช้ชีวิตได้เต็มที่มากขึ้น หรือเต็มศักยภาพ และน่าจะมีความสุขขึ้น

    จักรวาลเกิดมาอย่างนั้นเองหรือว่ามันมีจุดหมาย? เราคงตอบไม่ได้ หรือยังไม่ถึงเวลาตอบ ยังไม่ถึงจุดที่เรามีความรู้ความสามารถและข้อมูลมากพอที่จะตอบ แต่ ณ ขณะนี้ เราอาจบอกได้เพียงแค่ว่า “มันเป็นเช่นนั้นเอง”

    เราต้องถามตัวเองว่า มันเลวร้ายนักหรือที่จะดำรงอยู่ในจักรวาล หรือโลกที่ไม่มีความหมายอะไร? เพราะการที่รู้ว่าโลกไม่มีสาระอะไร ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขลดลง แค่รู้ข้อแม้ของโลก จะได้ไม่บ่นเวลาเกิดสิ่งที่ไม่พึงใจ ที่สำคัญคือมันทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน  มองโลกที่หมุนผ่านไปอย่างรู้ตัวและรู้ทัน

    นี่ก็คล้ายแนวคิดพุทธ

    ถ้าชีวิตจะมีความหมาย ก็อยู่ที่การกระทำ ณ ขณะจิตนี้

    เราจะใช้ชีวิตในโลกนี้ได้เต็มที่สมบูรณ์ขึ้น ปราศจากความกลัวมากอย่างที่เป็น

    กินไอติม ดูหนัง ฟังเพลงได้สบายใจขึ้น

    ชีวิตสั้น ทำไมต้องทำให้มันทรมานด้วย?

    วินทร์ เลียววาริณ
    6-8-25

    ....................

    จาก เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า

    56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
    หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
    https://www.winbookclub.com/store/detail/187/เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า 
    Shopee https://s.shopee.co.th/60Bx1VKarm 
    Shopee โปรโมชั่นคู่กับยุทธจักรวาลกิมย้ง

    https://s.shopee.co.th/6pl417244u 

    1
    • 0 แชร์
    • 17

บทความล่าสุด