• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    ปราชญ์ทางวิชาการต่อสู้จัดวิทยายุทธ์เส้าหลินของปรมาจารย์ตั๊กม้อแห่งเทือกเขาซงซานเป็นแนววิชากำลังภายนอก ขณะที่วิทยายุทธ์แห่งสำนักอู่ตัง (บู๊ตึง) ของนักพรตเต๋าปรมาจารย์จางซานเฟิง (เตียซำฮง) ณ เทือกเขาอู่ตังในหูเป่ยเป็นแนววิชากำลังภายใน ทั้งเส้าหลินและอู่ตังถือเป็นสองสำนักมาตรฐานแห่งแผ่นดิน

    วัดเส้าหลินตั้งอยู่บนเทือกเขาซงซาน (ซงซัว) เส้า เป็นชื่อภูเขา หลิน แปลว่า ป่า มีความหมายถึงสถานปฏิบัติธรรมในป่าแห่งภูเขาเส้า

    ปรมาจารย์คนแรกของวัดเส้าหลินก็คือ พระโพธิธรรม หรือที่คนจีนเรียก ตั๊กม้อ นามนี้ปรากฏในนิยายจีนกำลังภายในนับไม่ถ้วนในฐานะจอมยุทธ์ผู้ให้กำเนิดคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น คัมภีร์ล้างกระดูก และสิบแปดฝ่ามืออรหันต์

    ชาวโลกรู้จักวัดเส้าหลินว่าเป็นที่กำเนิดวิชาการต่อสู้ของจีนมาราวหนึ่งพันห้าร้อยปี เป็นสัญลักษณ์ของวิทยายุทธ์และนิยายจีนกำลังภายใน

    นานปีหลังจากยุคของปรมาจารย์ตั๊กม้อ พระวัดเส้าหลินถือเป็นหน้าที่ที่จะใช้วิทยายุทธ์ปกป้องแผ่นดิน เช่นการต่อสู้ในสงครามหู่เหลา (ค.ศ. 621) อันเป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ถัง ไปจนถึงการต่อสู้ขับไล่พวกโจรสลัดวาโกะจากญี่ปุ่นที่รุกรานชายฝั่งจีนในศตวรรษที่ 16 ฯลฯ

    ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัดแห่งนี้ถูกเผาทำลายและสร้างใหม่หลายต่อหลายครั้ง ตำนานการทำลายครั้งใหญ่ที่สุดคือในปี ค.ศ. 1644 โดยรัฐบาลชิง เนื่องจากพระวัดเส้าหลินต่อต้านราชวงศ์ชิง หมายฟื้นฟูราชวงศ์หมิง ประวัติศาสตร์ท่อนนี้กลายเป็นตำนานที่ทำให้วิทยายุทธ์เส้าหลินระบือไกล จนทำให้คำว่า เส้าหลิน ยิ่งยึดแน่นเป็นเรื่องของการต่อสู้ทางกาย อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์จำนวนหนึ่งเห็นว่า ความเชื่อว่าพระโพธิธรรมเป็นผู้ให้กำเนิดวิทยายุทธ์เส้าหลินน่าจะเป็นตำนานมากกว่าเรื่องจริง บ้างก็ว่าเรื่องราววิทยายุทธ์ของพระโพธิธรรมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นหลัง ไม่ว่าอย่างไร ตำนานนี้ก็ฝังรากลึกในความเชื่อของคนทั่วไปเสียแล้ว

    ความจริงก็คือวัดเส้าหลินเป็นต้นกำเนิดของเซน ซึ่งเป็นสายธารใหม่ที่แตกแขนงมาจากพุทธนิกายมหายานรวมกับเต๋า และปรมาจารย์ตั๊กม้อนั้นที่จริงแล้วเป็นถึงพระสังฆปริณายกแห่งจีน ซึ่งสืบสายมาจากพระพุทธองค์

    ยังไม่มีการยืนยันที่มาของพระโพธิธรรมอย่างแน่ชัด แต่ตำราที่น่าเชื่อถือได้ชี้ว่า พระโพธิธรรมน่าจะเป็นเจ้าชายแคว้นคันธารราษฎร์ อินเดีย

    อินเดียในสมัยโบราณเรียกว่า ชมพูทวีป มีอาณาเขตคลุมเจ็ดประเทศในปัจจุบัน คือ อินเดีย ปากีสถาน เนปาล ภูฏาน ศรีลังกา บังคลาเทศ และอัฟกานิสถานในปัจจุบัน

    แผ่นดินอัฟกานิสถานในเวลานั้นเรียกว่า คันธารราษฎร์ เมืองหลวงคือ คันธาระ (ปัจจุบันเรียก กันดาฮาร์) ต่อมาพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีกทรงพิชิตอาณาจักรเปอร์เซีย บางส่วนของอินเดีย รวมทั้งคันธารราษฎร์ ชาวกรีกได้ปกครองคันธาระนานหลายร้อยปี จนมาถึงสมัยของกษัตริย์กรีกนามพระเจ้าเมนันเดอร์ หรือพญามิลินท์ ทรงสนพระทัยในปรัชญา

    ครั้งหนึ่งทรงพบพระนาคเสนมหาเถระปักกลดอยู่ และทรงสนทนาธรรมทั้งคืน จนถึงรุ่งเช้าก็ทรงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ บทปุจฉา-วิสัชนาครั้งนั้นได้รับการบันทึกเป็นพระสูตรที่เรียกว่า มิลินทสูตร หรือ มิลินทปัญหา

    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ศาสนาพุทธในคันธารราษฎร์ก็เจริญรุ่งเรืองมาก มีการหล่อพระพุทธรูปปางคันธารราษฎร์ พระพักตร์และรูปทรงแบบเทวรูปกรีก นอกจากนี้ยังมีการสลักพระพุทธยืนตามภูเขา เมื่อพวกตาลีบันครองอัฟกานิสถาน ได้ทำลายพระพุทธรูปเหล่านี้ไปแทบหมดสิ้น

    เล่ากันว่าพระโพธิธรรมมีนัยน์ตาสีฟ้า ไว้หนวดเครารุงรัง เช่นเดียวกับบุคคลสำคัญในสายธารธรรมท่านอื่น ๆ มีตำนานมากมายที่เล่าเกี่ยวกับพระโพธิธรรม ส่วนใหญ่กลายเป็นตำนานอิงอภินิหาร

    ตำนานหนึ่งเล่าว่าปรมาจารย์ตั๊กม้อนั่งวิปัสนากรรมฐานโดยการเพ่งผนังถ้ำนานถึงเก้าปี ประทับนานจนเงาที่ปรากฏบนผนังถ้ำเป็นรอยชัด! เพราะต้องนั่งกรรมฐานนาน ๆ ทำให้ท่านต้องฝึกวิชาเพื่อรักษาสุขภาพ ศาสตร์นี้เองที่สืบสานต่อมาเป็นวิทยายุทธ์แห่งเส้าหลิน

    เช่นเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะหลายร้อยปีก่อนหน้านั้น พระโพธิธรรมทรงฝักใฝ่ทางธรรมมากกว่าทางโลก ก่อนเดินทางไปเผยแผ่ธรรมในเมืองจีน พระโพธิธรรมทรงครองตำแหน่งพระสังฆปริณายกองค์ที่ 28 ของอินเดีย

    อันตำแหน่งสังฆปริณายกนั้นสืบสายมาจากพระพุทธเจ้าโดยตรง องค์แรกคือพระมหากัสสปเถระ เป็นการถ่ายทอดธรรมแบบ 'จิตสู่จิต' พร้อมด้วยบาตร จีวร สังฆาฏิของพระพุทธองค์ที่สืบต่อกันมา และนี่ถือเป็นต้นกำเนิดของแนวทางการถ่ายทอดตำแหน่งในทางเซน

    พระโพธิธรรมเป็นศิษย์ของพระปรัชญาตาระ พระสังฆปริณายกองค์ที่ 27 ของอินเดีย พระปรัชญาตาระนี่เองที่แนะนำให้พระโพธิธรรมเดินทางไปเผยแผ่ธรรมในเมืองจีน

    พระโพธิธรรมใช้เวลาเดินทางสามปีถึงแผ่นดินจีน หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่กวางโจว ตำนานเล่าว่าเมื่อไปถึงจุดหมาย ท่านก็อยู่ในสภาพหนวดเครารุงรัง จีวรเก่าเปื่อย

    เวลานั้นเป็นช่วงรัชสมัยพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ พระโพธิธรรมขึ้นฝั่งที่เมืองกวางโจว พระเจ้าเหลียงอู่ตี้ทรงทราบข่าวการมาถึงของพระรูปนี้ จึงทรงนิมนต์ท่านมาเมืองหลวงเพื่อสนทนาธรรม ได้ตรัสถามอาจารย์ตั๊กม๊อว่า "ตั้งแต่ครองราชย์มา เราได้ทะนุบำรุงพระศาสนามาโดยตลอด สร้างวัดวาอารามนับไม่ถ้วน จัดทำพระคัมภีร์มากมาย มิทราบว่าเราจักได้รับบุญกุศลมากน้อยเท่าใด?"

    พระโพธิธรรมตอบว่า "ทรงมิได้บุญใด ๆ แม้แต่น้อย"

    "ไฉนมิได้บุญอันใด?"

    "เพราะเจตนาในการทำบุญนั้นไม่บริสุทธิ์"

    ความจริงคือพระเจ้าเหลียงอู่ตี้ จักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์เหลียงหรือราชวงศ์เหลียงใต้ ทรงขึ้นครองราชย์ด้วยพระหัตถ์เปื้อนเลือด ชิงบัลลังก์โดยสั่งฆ่าคนจำนวนมาก แต่ต่อมาทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ศาสนาพุทธ

    "เช่นนั้นอะไรคือบุญที่แท้?"

    "ก็คือการรู้ที่แท้จริง สมบูรณ์ สาระของมันคือความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถรับบุญจากวัตถุทางโลก"

    "เช่นนั้นอะไรคือหลักแรกของความจริงศักดิ์สิทธิ์?"

    "ความว่างเปล่าอันยิ่งใหญ่ ไม่มีอะไรที่ศักดิ์สิทธิ์"

    "เบื้องหน้าเรานี้คือใคร?"

    พระอาจารย์ตั๊กม้อตอบว่า "อาตมาไม่รู้"

    แล้วพระโพธิธรรมก็ทูลลาจากไป

    การพูดจาแบบห้วนและสั้นเป็นลักษณะเฉพาะตัวของพระโพธิธรรม แน่นอนพระจักรพรรดิทรงไม่พอพระทัยนัก แต่เมื่อสอบถามอำมาตย์และทรงทราบว่าพระโพธิธรรมเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพระสังฆปริณายกองค์ที่ 28 แห่งอินเดีย ก็ทรงเสียดายที่ไม่ได้เรียนรู้ธรรมจากพระรูปนี้

    (อ่านตอนต่อสัปดาห์หน้า)

    วินทร์ เลียววาริณ
    10-8-25
    .............................
    จาก มังกรเซน และ Mini Zen (เซนฉบับการ์ตูน)
    หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
    มังกรเซน Shopee คลิก https://shope.ee/2VUCymbmSh?share_channel_code=6 

    สั่งจากเว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/213/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%202%20%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A1%202 

    Mini Zen Shopee https://shopee.co.th/วินทร์-เลียววาริณ-ชุด-Mini-Zen-และ-Mini-Tao-ราคาปก-430.-พิเศษ-350.-พร้อมลายเซ็นนักเขียน-i.90206829.26404344902?xptdk=8bd1c6c6-b9a2-4870-911f-395d10a6c4af 

    1
    • 0 แชร์
    • 28

บทความล่าสุด