• วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    วันก่อนผมยืนรอรถไฟฟ้าใต้ดิน เสียงโฆษณาจากโทรทัศน์ที่ชานชาลาดังมากและต่อเนื่อง และหนีไม่พ้น จากชานชาลาที่เดิมเคยเงียบ บัดนี้เสียงที่ไม่มีใครต้องการแทรกเข้ามาเรียบร้อยแล้ว

    ขึ้นรถไฟฟ้าไม่ว่าแบบใต้ดินหรือเหนือดิน ก็มีโฆษณา ยัดเยียดให้ผู้โดยสารดู

    ศูนย์การค้ากลางเมืองแห่งหนึ่ง เปิดดนตรีดังแม้แต่ในลานจอดรถที่ไม่มีคน (ยกเว้นคนจอดรถและคนเอารถออก) เป็นครั้งแรกที่รู้ว่ารถยนต์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตชอบฟังเพลง ศูนย์การค้าแห่งนี้เปิดเพลงทุกจุด เข้าไปในห้องน้ำ จะเจอคลื่นเสียงสองสาย คลื่นหนึ่งคือเสียงเพลง อีกคลื่นหนึ่งคือเสียงประกาศให้ระวังโควิด-19 ที่จบไปนานแล้ว

    ผมเป็นคนแก่ เข้าห้องน้ำทีจะใช้เวลานานกว่าคนหนุ่ม เพราะต่อมลูกหมากเสื่อม ก็ต้องยืนฟังคลื่นเสียงประกาศกับคลื่นเสียงเพลงตีกัน ทำให้ต่อมลูกหมากที่โดนคลื่นเสียงเสื่อมลงไปอีก

    ศูนย์การค้า ร้านอาหาร แทบทุกแห่งต้องมีเสียงเพลง ในลิฟต์ก็มี

    เดินไปตามถนน ก็มีเสียงนกหวีดของยามดังเป็นของแถม

    ขึ้นแท็กซี่ก็ต้องเปิดเพลง

    ครั้งหนึ่งผมบอกคนขับแท็กซี่ว่าช่วยปิดเพลงได้ไหม ได้ผลครับ คือผมต้องลงจากรถไปเรียกคันใหม่

    แม้กระทั่งในสถานที่ที่ไม่ควรมีเสียงอย่างที่สุดเช่น สวนสาธารณะ ก็ยังเต็มไปด้วยมลพิษทางเสียง นิยมใช้เครื่องขยายเสียง ตั้งแต่การประกาศห้ามพาหมาเดินเล่น ไปจนถึงการใช้ไมโครโฟนร้องเพลงคาราโอเกะใต้ร่มไม้อย่างสุขสม แต่นกกาบินหนีหมด

    ในช่วงเทศกาลรื่นเริง เรามักเห็นการจัดปาร์ตี้ยามดึกดื่นพร้อมเสียงดนตรีดังจากท้ายซอยถึงต้นซอย

    ใช่ ไปที่ไหนก็มีเสียง

    ใช่ เราเป็นชาติที่มีสิ่งหนวกหูมากที่สุดชาติหนึ่งในโลก

    ที่แปลกก็คือไม่ค่อยมีใครคิดว่านี่เป็นเรื่องแปลก ไม่เห็นใครบ่นอะไร เราคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่มันไม่ใช่เรื่องปกติ

    ความจริงที่หลายคนอาจไม่รู้หรือรู้แต่ลืมไปแล้วก็คือ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังเกิน 85 เดซิเบล (เช่น เสียงนกหวีดกับเสียงแตรรถ) นาน ๆ เป็นอันตรายต่อประสาทหู

    เราไม่ควรอยู่ในสภาวะเสียงที่ดัง 80-90 เดซิเบลนานเกินกว่าแปดชั่วโมงต่อวัน การฟังเสียงดัง 115 เดซิเบลนานเพียงสิบห้านาทีต่อวัน ทำลายเยื่อแก้วหูได้ ถ้าเกิน 110 เดซิเบลขึ้นไปเป็นอันตรายต่อหู เกิน 180 เดซิเบลคือหูพัง

    จำไว้เป็นสูตรว่า ทุก ๆ 5 เดซิเบลที่เพิ่มขึ้น ให้ลดเวลาที่อยู่กับเสียงนั้นลงครึ่งหนึ่ง

    แต่มันมีทางที่ดีกว่านั้น คือรู้จักเงียบบ้าง

    การแก้ปัญหามลพิษทางเสียงก็เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาการจราจรและอีกหลาย ๆ ปัญหา นั่นคือแก้ที่คน ไม่ใช่ป้ายห้ามใช้เสียง

    สิ่งแรกที่ต้องแก้คือทัศนคติ

    เราไม่จำเป็นต้องอยู่กับเสียงตลอดเวลา

    เราอยู่กับความเงียบบ้างก็ได้ ไม่ทำให้อายุเราสั้นลง ตรงกันข้าม อาจทำให้ยาวขึ้น เพราะจิตนิ่งขึ้น

    เงียบ ๆ ไว้บ้าง โลกจะสดใสขึ้นอีกมาก

    จุ๊! จุ๊! เงียบหน่อยนะ

    วินทร์ เลียววาริณ
    28 สิงหาคม 2568

    0
    • 0 แชร์
    • 20

บทความล่าสุด