• วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    ลงเรื่องความไร้สาระของชื่อมงคลและสีรถมงคลแล้ว ว่าจะต่อด้วยที่มาของสีของวัน และความเชื่อเรื่องวัน แต่ขอข้ามไปก่อน เพราะเมื่อวานเห็นข่าวยายวัย 77 ปีแจ้งว่าถูกหมอดูฮวงจุ้ยหลอกทำพิธี สูญเงิน 66 ล้าน

    ก็ขอคุยเรื่องฮวงจุ้ยก่อน

    ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องจริงหรือหลอก? อำนาจฮวงจุ้ยจริงหรือมั่ว?

    ในฐานะอดีตสถาปนิก ผมมีมุมมองที่อาจต่างจากคนอื่น และแน่นอนว่า ไม่คุยเรื่องตรรกะ "ศาสตร์นี้อยู่มาห้าพันปีแล้ว จึงเป็นเรื่องจริง"

    ผมเคยคุยเล่นกับเพื่อนสถาปนิกว่า ถ้าลูกค้าแก้แบบบ่อย ทำงานยาก ก็บอกลูกค้าว่านี่เป็นแบบที่ดีแล้ว เพราะมันถูกหลักฮวงจุ้ย อยู่แล้วรวย ชีวิตจะเฮง เท่านี้ลูกค้าก็เงียบกริบ ใครเล่าจะหาญเถียงสู้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ ถึงไม่แน่ใจก็อย่าลบหลู่เลย ปลอดภัยไว้ก่อน

    ศาสตร์ฮวงจุ้ยกำเนิดในจีนมาราวห้าพันปี ด้วยความเชื่อว่ามันช่วยเสริมสร้างความสุข ความร่ำรวย คุณภาพชีวิตที่ดี หลักการคือการจัดการกับพลังงานทั้งหลายในที่อยู่อาศัยของเรา

    พลังงานนี้ก็คือชี่

    คำว่า ฮวงจุ้ย (風水) แปลตรงตัวว่า ลมกับน้ำ เพราะหลักการของมันก็คือการรักษาสมดุลการไหลของลมกับน้ำกับพลังงาน

    พูดง่าย ๆ ก็คือ หากจัดการสมดุลของเรากับสิ่งแวดล้อมได้ดี ชีวิตก็ดี

    ต่างจากโหราศาสตร์และไสยศาสตร์อื่น ๆ หลักการของฮวงจุ้ยส่วนหนึ่งอยู่ในพื้นที่ของวิทยาศาสตร์!

    ส่วนที่เป็นวิทยาศาสตร์ก็คือหลักสถาปัตยกรรมศาสตร์นั่นเอง มันเป็นวิทยาศาสตร์เพราะการออกแบบบ้านอาคารตรงตามหลักทิศทางของแดดและลม ย่อมทำให้ผู้อยู่มีความสบาย ความสุข เพราะได้รับลมและเลี่ยงแดดจัดจ้าที่ทำให้ไม่สบายได้

    นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ในเมืองไทย เรียนเรื่องทิศทางลมและแดดที่ส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 1 การวางบ้านเรือนในตำแหน่งที่ถูกทิศ ทำให้บ้านอยู่สบาย ไม่ร้อน ได้รับลมเต็มที่ และไม่ถูกความร้อนของแดดบ่าย เราจึงถูกห้ามออกแบบหน้าต่างด้านตะวันตก แต่เปิดหน้าต่างทิศใต้-เหนือ ให้ลมผ่านได้

    วิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ยังสอนให้ใช้น้ำช่วยลดความกระด้างของอาคาร และทำให้เย็นลง สอนการใช้ต้นไม้เพื่อลดความร้อน เพ่ิมออกซิเจน และทำให้อาคารดูดีขึ้น อยู่แล้วสบาย นักศึกษาจึงต้องออกแบบสวน บ่อน้ำ ฯลฯ ไปโดยปริยาย

    ในทางสถาปัตย์ คุมเรื่องรูปทรง ตำแหน่ง ทิศ สี ลดมุมแหลมที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย

    ปัจจัยเหล่านี้เมื่อใช้ในอาคาร ย่อมนำความสบายมาให้ผู้อยู่ สุขภาพกายและใจดีขึ้น เมื่อกายและใจดี ชีวิตก็ย่อมดี คิดอ่านทำการทำงานก็เจริญ

    ดังนั้นการกล่าวว่าการออกแบบอาคารที่ดีช่วยให้ชีวิตดีขึ้นจึงเป็นความจริง แต่เราไม่เรียกสถาปนิกผู้ออกแบบอาคารว่าซินแสฮวงจุ้ย และไม่สามารถคิดค่าออกแบบได้สูงเหมือนซินแสฮวงจุ้ย!

    สิ่งที่ผู้ออกแบบฮวงจุ้ยขายก็คือ เรื่องเหนือธรรมชาติ และคิดค่าบริการแบบเหนือธรรมชาติ

    ซินแสก็ยกประโยชน์ของวิทยาศาสตร์ให้เป็นของไสยศาสตร์

    ................

    อย่างไรก็ตาม อีกส่วนหนึ่งของศาสตร์ฮวงจุ้ยคือไสยศาสตร์ เช่นเดียวกับไสยศาสตร์ทั่วไป มันต้องพึ่งเครื่องมือหรืออุปกรณ์ช่วยเดินทางลัด

    หลักการคือการลดพลังความชั่วร้ายและเสริมสร้างความมงคลโดยการใช้อุปกรณ์พิเศษที่สามารถสื่อพลัง เช่น ยันต์แปดเหลี่ยม สิงโตหิน เสือคาบดาบ เป็นต้น

    การวางฮวงจุ้ยในด้านไสยศาสตร์นี้จึงเป็นหลักเดียวกับการแขวนพระเครื่องหรือติดยันต์กันความชั่วร้าย

    มองในมุมวิทยาศาสตร์ เป็นไปได้ไหม? คำตอบคือไม่ ด้วยข้อมูลทั้งหมดในวิชาฟิสิกส์ ไม่มีแรงหรือพลังงานใด ๆ ในจักรวาลที่ทำให้มนุษย์โชคดีมีสุข

    สมมุติว่ามีแรงหรืออำนาจพิเศษนี้จริง ตามหลักฟิสิกส์ หากกระทำต่อจุดหนึ่งบนโลก ก็ควรได้รับผลเท่ากัน แรงแยกได้อย่างไรว่าส่งผลต่อคน ไม่ส่งผลต่อสัตว์?

    ยกตัวอย่างเช่นบ้านนาย ก. เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ ปลูกสร้างตามหลักฮวงจุ้ย เจ้าของบ้านประสบความสำเร็จ แต่สัตว์ซึ่งอยู่ที่เดียวกันกลับถูกฆ่าตายหมด

    อำนาจศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถทำงานได้หรือหากไม่มีสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ เช่น กระจกเงา ยันต์ ดาบ ทำไมอำนาจศักดิ์สิทธิ์ต้องพึ่งพามนุษย์เพื่อสำแดงพลัง มนุษย์ในยุคที่ยังไม่มีการประดิษฐ์กระจกเงา ยันต์ ดาบ ไม่มีความมงคลใช่หรือไม่

    มันไม่มีหลักเกณฑ์สากลในการเลือกชนิดสัตว์และวัตถุมงคล

    หากโลกนี้ไม่มีเสือ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่ทำงานผ่านเสือก็ไม่มีหรือ? อำนาจศักดิ์สิทธิ์ต้องรอจนโลกมาถึงจุดที่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น เสือ สิงโต เกิดขึ้นในโลกก่อน จึงจะเริ่มกระบวนมงคลได้เช่นนั้นหรือ? ทำไมอำนาจศักดิ์สิทธิ์จึงทำงานผ่านเสือ สิงโต ทำไมไม่ทำงานกับลิง ไก่ หมู นกตะกรุม อีแร้ง? เพราะเสือสิงโตดูสง่างามและน่าเกรงขามกว่านกตะกรุม อีแร้ง?

    ที่ขันขื่นก็คือสัตว์มงคลเหล่านี้ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ สิงโตและเสือเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครอง กำลังใกล้สูญพันธุ์ เพราะถูกล่าเป็นว่าเล่น แอฟริกาซึ่งเป็นที่อยู่ของสิงโตจำนวนมากกลับเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

    ถ้าเสืออยู่ดี ๆ ในป่า แล้วมีคนไปล่า เราจะพึ่งอำนาจพิเศษของมันได้หรือ? เช่นที่เราไปหาพระเพื่อล้างซวย ถ้าลูกวัดบอกว่าพระรูปนั้นเพิ่งตกบันได ฟันหักสองซี่ วันก่อนนั้นไปเยี่ยมโยมแม่ ไฟไหม้บ้านโยมแม่  มีคนนิมนต์ออกจากวัดไปสวดที่อื่น รถก็เกิดอุบัติเหตุ เรายังอยากไปล้างซวยกับพระรูปนั้นไหม

    ถ้าไปหาหมอให้ช่วยลดความอ้วน หมอตัวอ้วนใหญ่ หายใจหอบเพราะพุงหนาหลายชั้น เราคงไม่อยากให้หมอคนนั้นรักษา

    ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าเสือสิงห์ยังเอาตัวไม่รอด มันจะช่วยเราให้รอดได้อย่างไร

    อีกจุดหนึ่งที่ผู้เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยอาจไม่ได้คิดก็คือ การสะท้อนแรงชั่วร้ายออกไปจากตนหรือบ้านตน ก็คือการทำร้ายคนอื่นนั่นเองมิใช่หรือ? ถ้าใช่ นี่เป็นศาสตร์ที่เสริมความมงคลหรือความเห็นแก่ตัว? ถ้าใช่ ชีวิตเราจะได้บุญได้อย่างไรจากการทำร้ายคนอื่น?

    เห็นชัดว่าเรากำลังใช้การเสริมความเห็นแก่ตัวเป็นมงคลของชีวิต

    มุมวิทยาศาสตร์เดียวที่อธิบายเรื่องฮวงจุ้ยในมุมไสยศาสตร์ก็คือ Placebo Effect

    มันเป็นผลทางจิตวิทยา เมื่อสบายใจ รู้สึกปลอดภัย ทุกอย่างก็ดี

    ณ วันนี้จุดขายของฮวงจุ้ยเน้นที่ไสยศาสตร์ เป็นการตลาดธรรมดาที่เล่นกับความเชื่อง่ายของผู้คนผู้ไม่ตั้งคำถามหรือคิดจะตรวจสอบ

    หากใช้ฮวงจุ้ยในด้านวิชาการของการออกแบบทางสถาปัตยกรรม ก็ทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่หากใช้ฮวงจุ้ยในด้านไสยศาสตร์ มันก็ไม่ต่างจากความงมงายอื่น ๆ ที่ใช้ความโลภและความเห็นแก่ตัวเป็นเข็มทิศชีวิต

    จากหนังสือ หลับถึงชาติหน้า / วินทร์ เลียววาริณ
    5-11-24

    (หนังสือเล่มนี้อธิบายความเชื่อเหลวไหลแบบนี้ทั้งหมด ซื้อเล่มเดียว ประหยัดค่าหมอดูตลอดชีวิต ใช้ได้ถึงลูกถึงหลาน https://www.winbookclub.com/store/detail/168/หลับถึงชาติหน้า)

    0
    • 0 แชร์
    • 31

บทความล่าสุด