• วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    ตอนนี้ผมชักกลัวแล้วซี!

    อ่านคอมเมนต์เกี่ยวกับนิยายจีนกำลังภายในที่เพิ่งเขียนจบแล้ว ดูเหมือนผู้อ่านจำนวนไม่น้อยจะ :

    1 ตั้งความหวังมากเกินไป

    2 คาดหวังว่ามันจะเหมือนนิยายจีนกำลังภายในทั่วไป

    ผู้อ่านขาจรที่ไม่ได้ตามข่าวการเขียนโครงการ เป่ย หนาน ตง ซี มาแต่แรก อาจไม่รู้ว่านี่ไม่ใช่นิยายจีนกำลังภายในทั่วไป มันเป็นนิยายแนวทดลอง เป็นไซไฟในรูปนิยายกำลังภายใน

    ไซไฟที่เป็นไซไฟจริงๆ ไม่ใช่แฟนตาซี

    ทำไมมาแนวนี้?

    ก็เพราะผมก็เห็นคล้ายโก้วเล้งตอนที่เขาเปลี่ยนแนวทางทางเขียน นั่นคือต้องการออกจากกรอบคิดเดิม เข้าไปในพื้นที่ใหม่

    ในยุคก่อนนิยายกำลังภายในวนเวียนในคอนเส็ปต์เดิมๆ ไม่ล้างแค้นก็แก้แค้น ไม่แก้แค้นก็ล้างแค้น และตอนจบพระเอกฆ่าหัวหน้าคนร้าย แล้วได้สาวเจ็ดคนไปครอง

    โก้วเล้งก็เขียนในแนวนี้ จนวันหนึ่งตอนสร่างเมา แกรำพึงรำพันกับตัวเองว่า “ถ้ากูขืนเขียนเรื่องแก้แค้นไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ กูก็คงเป็นโนบอดี้ เขียนมา 50 เรื่องเหมือนกันทุกเรื่อง”

    โก้วเล้งบอกว่า ตลาดในสมัยนั้นมีนักเขียนนิยายกำลังภายในถึงสามร้อยคน เขียนเรื่องแบบเดียวกันหมด คนเขียนชินแบบนั้น คนอ่านก็ชินเรื่องแบบนั้น

    มันกลายเป็นยุทธจักร fast food ไป เขียนตามสูตรสำเร็จ

    โก้วเล้งหันไปมองกิมย้ง เขียนมาแต่ละเรื่อง ไม่เหมือนกันเลย พอถึงจุดที่ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้อีกแล้ว (คือ 15 เรื่อง) กิมย้งก็หยุด

    ว่าแล้วโก้วเล้งก็หันหน้าไปสู่มรรคาใหม่ เป็นที่มาของนิยายกำลังภายในนักสืบ เล็กเซี่ยวหงส์ นิยายกำลังภายในจอมโจร ชอลิ้วเฮียง นิยายเกี่ยวกับเพื่อนใน ฤทธิ์มีดสั้น เรื่องเกี่ยวกับด้านลบของชื่อเสียงใน ซาเสียวเอี้ย เรื่องเกี่ยวกับปรัชญาความรักอย่าง วีรบุรุษสำราญ แม้แต่เรื่องแก้แค้น แกก็ฉีกแนว 180 องศา พลิกสามตลบอย่าง ดาบจอมภพ

    ทั้งหมดยังอยู่ในตระกูลนิยายกำลังภายในเหมือนกัน มีการต่อสู้ มีวิทยายุทธ์ มีเสี่ยวเอ้อและร้านเหล้าเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน แม้แต่การใช้ภาษาก็ต่างออกไป

    จุดรำพึงของโก้วเล้งในวันนั้นเปลี่ยนแปลงยุทธภพของนิยายกำลังภายในโดยสิ้นเชิง

    ไซไฟกำลังภายในเรื่องที่ผมเขียนเรื่องนี้ก็เหมือนกัน นั่นคือฉีกแนวออกไป

    ในความคิดส่วนตัว ถ้าเขียนแบบขนบเก่า ก็ไม่รู้จะเขียนทำไม ไม่ท้าทายอะไร เพราะถ้าไม่ทดลองทางสายใหม่ ก็ไม่รู้จะเหนื่อยเขียนทำไมตั้งสี่ปี

    ดังนั้นถ้าใครคาดหวังว่าเรื่องจะจบโดยพระเอกครองหญิงสาว 8 คน 10 คน ก็เตรียมผิดหวังได้เลย เพราะเรื่องนี้จะจบแบบไซไฟ

    แม้เรื่องที่ผมเขียนจะเดินตามแนว old school อย่างกิมย้ง เรื่องมีฉากพระเอกตกเขา พบคัมภีร์ประหลาด มีการถ่ายลมปราณ แต่ทุกจุดรองรับด้วยไซไฟ

    มันเข้าไปในพื้นที่งานอีกตระกูลหนึ่ง

    หลายองค์ประกอบไซไฟอาจไม่แปลกแล้ว แต่ตอนที่เริ่มคิดเมื่อ 22 ปีก่อน นิยายกำลังภายในยังไม่ค่อยมาทางนี้

    ก็มาถึงการชื่อเรื่อง

    บางคนสงสัยว่าทำไมไม่ใช้ชื่อเป่ย หนาน ตง ซี ที่ตั้งไว้ตอนแรก

    จุดนี้ทำไม่ได้เพราะต่างจากโครงเรื่องอำ เรื่องที่เขียนจริงไม่ได้มีแค่ เป่ย หนาน ตง ซี

    อีกประการ เป่ย หนาน ตง ซี ไม่ได้เป็นแค่ชื่อทิศ

    ประการสุดท้าย เป่ย หนาน ตง ซี ก็ผิดหลักภาษาจีน เพราะที่ถูกคือ ตงซีหนานเป่ย แต่มันก็ไม่เรียงลำดับการเดินเรื่อง

    เป่ย หนาน ตง ซี จึงเป็นแค่  working title แต่ก็ใช้เป็นชื่อภาค (ทั้งหมดมี 5 ภาค)

    ชื่อเรื่องสุดท้าย สี่ภพ ตั้งจากคอนเส็ปต์หลักของเรื่อง ต้องอ่านไป 2-3 เล่มจึงจะเข้าใจ

    ถ้าผู้อ่านไว้ใจว่าผมสร้างงานที่แตกต่างด้วยสติปัญญาเต็มที่ และร่วมเดินทางไปด้วยกัน ก็อาจได้เสพประสบการณ์นิยายใหม่ ส่วนชอบหรือไม่ชอบนั้นผมไม่รู้

    รู้แต่ว่าผมทำดีที่สุดในข้อจำกัดของความใหม่

    ว.ล.
    13-11-24

    0
    • 0 แชร์
    • 19

บทความล่าสุด