• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    ศึกบวรเดชไม่ได้รบกันด้วยปืนอย่างเดียว ยังรบกันด้วยยุทธวิธีการเจรจาซื้อพวก

    หลวงพิบูลสงครามไปเจรจากับทหารเพชรบุรี บอกว่า “ถ้าคุณร่วมกับเรา เราจะนิรโทษกรรมให้ และลืมเรื่องนี้ คุณก็มองออก ฝ่ายบวรเดชต้องแพ้แน่นอน”

    ทหารเพชรบุรีจึงเปลี่ยนข้างไปเข้ากับรัฐบาล

    เมื่อทหารเพชรบุรีเปลี่ยนข้าง ทหารหัวเมืองจังหวัดอื่น ๆ ที่เหลือก็คิดหนัก ในที่สุด ผ.บ. กองพันทหารอุบลฯก็เปลี่ยนใจไปเข้ากับฝ่ายรัฐบาลเช่นกัน เมื่อรัฐบาลเสนอเงื่อนไขนิรโทษกรรมให้

    ตามข้อตกลงกับฝ่ายรัฐบาล กองทหารอุบลราชธานีเดินทางสู่โคราช รื้อทางรถไฟช่วงปากช่อง-โคราช แล้วเข้ายึดนครราชสีมา เพื่อให้ฝ่ายบวรเดชเข้าเมืองโคราชไม่ได้ บีบให้ฝ่ายบวรเดชรบสองด้าน

    หลังจากทหารราบอุบลราชธานียึดเมืองโคราชได้ ฝ่ายบวรเดชก็ส่งพระยาเสนาสงครามคุมกำลังทหารสี่ร้อยนายไปยึดบุรีรัมย์เป็นฐาน ก่อนยึดอุบลราชธานีต่อไป

    คำสัญญาจะไม่เอาโทษของรัฐบาลบวกกับเสบียงที่เริ่มร่อยหรอ ทำให้ทหารกบฏส่วนหนึ่งหลบหนีไปมอบตัวต่อฝ่ายรัฐบาลทุกวัน

    เสนาธิการฝ่ายกบฏประชุมกัน พระยาศรีสิทธิสงครามรายงานว่า “ตอนนี้เรามีกำลังน้อยกว่า เพราะหลายกองพันหัวเมืองเข้ากับรัฐบาลแล้วเนื่องจากรัฐบาลสัญญาจะนิรโทษกรรมให้ ตอนนี้เหลืออยู่ไม่มากที่ยังยืนหยัดสู้ร่วมกับเรา”

    พระองค์เจ้าบวรเดชตรัสว่า “ความผิดพลาดของเราคือเชื่อว่าหัวเมืองต่าง ๆ มีอุดมคติเดียวกับเรา เราน่าจะรู้แล้วตั้งแต่ทหารจากอุดรธานีแจ้งว่าไม่มีรถไฟ จึงมาช้า เป็นผลให้ต้องเลื่อนวันปฏิบัติการ ความจริงคือทหารอุดรธานีลังเลตั้งแต่แรกว่าจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่”

    “เราจะทำอย่างไรต่อไป?”

    “นี่เป็นเวลาที่เราจะปรับขนาดทัพ ใช้เฉพาะที่ต้องการรบต่อจริง ๆ เราจะถอยกลับไปตั้งหลักที่ปากช่อง มันจะเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของเรา”

    แม่ทัพฝ่ายบวรเดชสั่งการให้ถอนกำลังทหารออกจากหลักสี่ไปขึ้นรถไฟสามขบวนที่ดอนเมือง รถไฟขบวนแรกบรรทุกกองทหารนครราชสีมากับทหารสระบุรี ขบวนที่สองบรรทุกทหารอุบลราชธานีกับทหารโคราช ขบวนที่สามบรรทุกทหารราบโคราชกับทหารช่างอยุธยา มุ่งหน้าสู่ปากช่อง โดยทิ้งทหารกองพันทหารราบนครราชสีมาและกองพันทหารม้าสระบุรีจำนวนหนึ่งเฝ้าระวังหลัง ต้านทหารรัฐบาลที่ไล่ล่าตามมา

    พระยาศรีสิทธิสงครามคุมกำลังสามร้อยนายระวังหลัง แม่ทัพใหญ่สั่งทหาร “ทำลายเส้นทางรถไฟไปนครราชสีมา ตั้งแต่แก่งคอยเป็นต้นไป ระเบิดทำลายสะพาน เพื่อถ่วงเวลาการเคลื่อนกำลังของรัฐบาล รื้อรางรถไฟ ใช้ไม้หมอนทำรังปืนกลไว้ทุกกิโลเมตร ความยาวสี่กิโลเมตร เมื่อรถไฟขนทหารรัฐบาลเดินทางมาถึงสถานีรถไฟแก่งคอย จะถูกบังคับให้หยุดรถไฟ และต้องเคลื่อนพลด้วยเท้าเท่านั้น เมื่อนั้นก็จะพบรังปืนกลหนักของฝ่ายเรารออยู่”

    ในเวลาเดียวกันพระองค์เจ้าบวรเดชและพระยาเสนาสงครามเคลื่อนทัพไปถึงนครราชสีมา ขับไล่พวกทหารอุบลฯออกไปสำเร็จ

    วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๗๖ ทหารรัฐบาลรุกหนักขึ้น ยึดสถานีแก่งคอยได้สำเร็จ

    ฝ่ายกบฏที่เหลือถอยร่นไปเรื่อย ๆ จำนวนหนึ่งเปลี่ยนใจเปลี่ยนข้าง

    สองวันต่อมา ทัพรัฐบาลก็รุกยึดทับกวางสำเร็จ ทหารฝ่ายบวรเดชไปตั้งรับที่หินลับ กำลังรัฐบาลตั้งหลักที่กิโลเมตรที่ ๑๔๐ ระยะทางสี่กิโลเมตรห่างจากหินลับ

    วันที่ ๒๓ ตุลาคม ทั้งสองฝ่ายรบกันทั้งวัน ทหารรัฐบาลพยายามบุกยึดหินลับให้ได้ ณ หลักกิโลเมตร ๑๔๒ ทหารไทยทั้งสองฝ่ายติดดาบปลายปืนตะลุมบอนห้ำหั่นกัน ทหารฝ่ายบวรเดชล้มตายจำนวนมาก

    แม่ทัพใหญ่ฝ่ายบวรเดชครุ่นคิดหนัก แม้ข่าวล่าสุดคือพระยาเสนาสงครามยึดบุรีรัมย์ได้ แต่สถานการณ์โดยรวมเลวร้ายกว่าที่เขาคิด

    เย็นนั้นพระยาศรีสิทธิสงครามกับนายทหารคนสนิท ร.ต. บุญรอด เกษสมัย ออกจากค่ายที่สถานีหินลับ ไปตรวจความพร้อมในการรบ แม่ทัพกับทหารคนสนิทเดินไปตามทางรถไฟ ไปถึงเสาโทรเลขต้นที่สี่ของหลักกิโลเมตรที่๑๔๓

    พลันทหารทั้งสองก็เผชิญหน้ากับทหารฝ่ายรัฐบาลหมวดหนึ่งที่กำลังเดินสวนทางมา ห่างกันในระยะยี่สิบเมตร ทหารรัฐบาลคนหนึ่งนาม ร.ท. ตุ๊ จารุเสถียร (ต่อมาคือจอมพลประภาส จารุเสถียร) ยิงพระยาศรีสิทธิสงครามล้มลงเสียชีวิต ส่วนทหารคนสนิทถูกจับและถูกทุบตีอย่างไม่ปรานี ขณะที่ทหารฝ่ายรัฐบาลย่ำยีศพแม่ทัพผู้จากไป

    ข่าวพระยาศรีสิทธิสงครามถูกยิงเสียชีวิตที่หินลับสร้างความตื่นตกใจต่อทหารกบฏอย่างยิ่ง สิ้นแม่ทัพใหญ่ ทหารฝ่ายบวรเดชก็หมดกำลังใจสู้รบต่อไป

    สถานีหินลับแตกในคืนนั้น

    นายทหารผู้หนึ่งกล่าวว่า “เรายังรบต่อไปได้ โดยยึดนครราชสีมาเป็นฐาน”

    พระองค์เจ้าบวรเดชฯตรัส “เรื่องจบแล้ว อย่าสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวโคราชมากไปกว่านี้เลย”

    ทรงสั่งการ พล.ต. พระยาเสนาสงครามให้ติดต่อฝ่ายรัฐบาลเพื่อดำเนินการยอมแพ้

    บ่ายวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ พระองค์เจ้าบวรเดชฯและพระชายาเสด็จโดยเครื่องบินเบร์เกต์จากสนามบินทหารนครราชสีมา ร.อ. หลวงเวหนเหินเห็จเป็นนักบิน ไปลี้ภัยที่กรุงพนมเปญ

    เช้าตรู่วันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ทหารกบฏทั้งหมดรวมพลที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ สีหน้าหม่นหมองเศร้าสร้อย พระยาเสนาสงครามสั่งการให้ ร.อ. หลวงหาญรอนรบ (เจือ สาลิคุปต์) ผบ. กองร้อย ม.พัน ๔ นำทหารและอาวุธไปรอมอบตัวต่อฝ่ายรัฐบาลที่นครราชสีมา หลังจากนั้นนายทหารชั้นผู้ใหญ่สามสิบกว่าคนที่มีคำสั่งจับตายก็ขี่ม้าข้ามช่องเสม็ด หนีไปลี้ภัยที่อินโดจีน

    ปฏิบัติการล้อมฆ่ากวางยุติหลังผ่านไปเพียงสิบห้าวัน

    กวางสู้

    กวางชนะ

    ..........................

    จาก ประวัติศาสตร์ที่เราลืม / วินทร์ เลียววาริณ

    โปรโมชั่นสุดคุ้ม สั่งทาง Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6

    สั่งทางเว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/176/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B9%91-%E0%B9%95%20+%20%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9 

    0
    • 0 แชร์
    • 29

บทความล่าสุด